วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หารือ UNODC ส่งเสริมความร่วมมือต้านยาเสพติดในภูมิภาค

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงยุติธรรม แจ้งวัฒนะ ว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้การต้อนรับ นายเบเนดิกต์ ฮอฟมันน์ (Mr. Benedikt Hofmann) รักษาการผู้แทนสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแปซิฟิก (United Nations Office on Drugs and Crime Regional Representative ad interim for Southeast Asia and the Pacific) พร้อมคณะ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและหารือแนวทางความร่วมมือในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภูมิภาค โดยมี นางยศวันต์ บริบูรณ์ธนา รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และนายรวิศ สอดส่อง หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จาก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วม ณ ห้องรับรองกระทรวงยุติธรรม ชั้น 11


ในการประชุมฯ ดังกล่าว ที่ประชุมได้หารือกันในประเด็นสำคัญ อาทิ การควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในไทยและในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ การพัฒนาความสอดคล้องของการบังคับใช้กฎหมายด้านยาเสพติด และมาตรการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในภูมิภาค การควบคุมกัญชาและกระท่อม ซึ่งยังไม่ได้อยู่ในบัญชีควบคุมตามอนุสัญญาระหว่างประเทศของ UNODC ตลอดจนสถานการณ์ผู้ต้องขังในคดียาเสพติดในประเทศไทยที่มีจำนวนมากกว่า 200,000 ราย    

นอกจากนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เชิญ UNODC ร่วมให้ความเห็นและมีบทบาทในการประชุมวิชาการสารเสพติดนานาชาติ ว่าด้วยยาบ้า เมทแอมเฟตามีน และยาเสพติดสังเคราะห์ (2025 International Conference on Drug Policy: Yaba, Methamphetamine, and Synthetic Drugs) ซึ่ง สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 6 - 8 สิงหาคม 2568 ณ กรุงเทพมหานคร โดย UNODC ยินดีสนับสนุนองค์ความรู้ในการประชุมดังกล่าว โดยเฉพาะข้อท้าทายในการพัฒนาความสอดคล้องของการบังคับใช้กฎหมายด้านยาเสพติด และมาตรการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในภูมิภาค    

ในการนี้ UNODC ได้กล่าวชื่นชมบทบาทของไทยในการควบคุมยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้า ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในระดับภูมิภาค รวมถึงการจัดการปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่ในภูมิภาค ทั้งนี้ UNODC ได้เน้นย้ำว่าคณะอนุกรรมการควบคุมสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติด ซึ่งได้รับการแต่งตั้ง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายในการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ อันจะส่งผลให้การแก้ปัญหายาเสพติดเกิดประสิทธิผลอย่างยั่งยืน 

นอกจากนี้ UNODC มีกำหนดจัดการประชุมทางเทคนิคระหว่างประเทศว่าด้วยการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ (Regional Technical Meeting on Chemical Control) ณ กรุงเทพมหานคร โดยจะเรียนเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานเปิดการประชุมฯ และร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานการจัดการสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง เพืือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต้นแบบที่ดีของไทยให้กับประเทศต่างๆ ต่อไป












วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ย้ำมุ่งปราบปรามยาเสพติดจริงจัง ด้านผู้นำศาสนาร่วมใจต้านพืชกระท่อมในปัตตานี

(12 กรกฎาคม 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างจริงจัง ขณะเดียวกันผู้นำศาสนาทั้งพุทธและอิสลามในปัตตานีได้ผนึกกำลังกันปฏิเสธการเสพและขายน้ำต้มพืชกระท่อมเนื่องจากมีการนำไปใช้ในทางที่ผิดจนก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม


ก่อนหน้านี้ประชาชนในจังหวัดปัตตานีหลายพื้นที่ได้แสดงออกถึงการต่อต้านการขายน้ำต้มพืชกระท่อมอย่างชัดเจน ด้วยการติดป้ายรณรงค์และเผาพืชกระท่อมเพื่อแสดงจุดยืน ไม่ต้องการให้มีการค้าขายในหมู่บ้าน/ชุมชนต่อไป เนื่องจากร้านค้าบางแห่งลักลอบขายน้ำต้มพืชกระท่อมที่ผสมยาแก้ไอ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "4 คูณ 100" ซึ่งทำให้ผู้ดื่มเกิดอาการมึนเมา ขาดสติ และนำไปสู่ปัญหาสังคมหลายประการ 



การแพร่ระบาดทั้งการเสพและขายน้ำต้มพืชกระท่อม สร้างผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างปกติสุขของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขั้นผู้นำศาสนาได้ออกมาเรียกร้องให้ทั้งหน่วยงานรัฐและผู้นำท้องถิ่นออกมาแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะในศาสนาอิสลามที่ถือว่าเป็น “ฮาลอม” หรือสิ่งต้องห้าม และปรากฏว่าด้วยความร่วมมือระหว่างผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น หน่วยงานรัฐ และประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชนทำให้ที่ใช้หลัก “ฮูกุมปากัต” ส่งผลให้ทั้งผู้เสพและผู้ขายพืชกระท่อมลดลงอย่างเห็นได้ชัดเช่นที่อำเภอมายอ  และเชื่อว่าหากการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวมีความต่อเนื่องและขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ปัญหาพืชกระท่อมในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะบรรเทาเบาบางลงอย่างแน่นอน 

ล่าสุดวันนี้ (12 กรกฎาคม 2568) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางลงพื้นที่วัดควนนอก ต.ควน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหายาเสพติด โดยมีผู้นำศาสนาพุทธ ผู้นำศาสนาอิสลาม และประชาชนในพื้นที่ ต.ควน เข้าร่วมหารือ ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องใช้หลักธรรมทางศาสนาเป็นเครื่องมือในการกล่อมเกลาจิตใจเยาวชนให้ห่างไกลยาเสพติด นอกจากนี้ ภาครัฐ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง จะต้องใช้มาตรการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง เพื่อขจัดการจำหน่ายในพื้นที่ และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ปฏิบัติการ 120 วัน วาระการควบคุมการใช้พืชกระท่อมในทางที่ผิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นวาระที่มุ่งเอาชนะยาเสพติดและทำให้ประชาชนสัมผัสได้ว่าสถานการณ์ยาเสพติดดีขึ้น โดยจะพิจารณาจากความเชื่อมั่นของประชาชนที่เพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาประชาชนในหลายพื้นที่ได้ลุกขึ้นต่อสู้กับยาเสพติดโดยได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านอย่างแท้จริง 

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ย้ำว่ารัฐเพียงลำพังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ ต้องอาศัยพลังจากจิตอาสาของประชาชน ซึ่งชาวบ้านได้ตอบรับเป็นอย่างดี และถือเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่

ในส่วนของการปราบปรามยาเสพติดโดยภาครัฐ โดยเฉพาะพืชกระท่อมนั้น การขายน้ำต้มพืชกระท่อมถือว่าผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. อาหารและยา รวมถึงผิดสถานที่ตั้งขายน้ำต้มพืชกระท่อม จะต้องมีการหารือกับทุกฝ่าย ทั้งจังหวัดและตำรวจ เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เมื่อประชาชนแสดงพลังให้เห็นแล้ว หน่วยงานรัฐก็ยิ่งต้องดำเนินการอย่างเข้มข้น 

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังเน้นย้ำว่า นักค้ายาที่อยู่ในหมู่บ้านไม่ควรอยู่ในหมู่บ้าน แต่ควรอยู่ในเรือนจำ หรือถูกจับกุม เพราะจากการสำรวจพบว่าปัญหาความไม่สงบ ปัญหายาเสพติด และอิทธิพลของนักค้าของเถื่อน จำเป็นต้องได้รับการปราบปรามอย่างจริงจัง และจะไม่มีการประนีประนอมกับคนกลุ่มนี้

วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2568

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดอบรมยุติธรรมชุมชนทั่วประเทศ ชูบทบาทผู้นำชุมชน เสริมสร้างความยุติธรรมสู่สังคม

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดปทุมธานี ว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดการอบรม ให้ความรู้เชิงปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาศักยภาพการดำเนินงาน ของศูนย์ยุติธรรมชุมชน ด้านการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 25-26 มิถุนายน 2568 จัดโดย สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมโดย กองประสานราชการยุติธรรมจังหวัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ พัฒนาทักษะการดำเนินงานของคณะกรรมการของศูนย์ยุติธรรมชุมชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งดูแลงานศูนย์ยุติธรรมชุมชน ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย รวมถึงสามารถตอบสนองต่อผู้มารับบริการในชุมชน ให้เข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ซึ่งมี คณะกรรมการของศูนย์ยุติธรรมชุมชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งดูแลงานศูนย์ยุติธรรมชุมชน รุ่น 2 จำนวน 500 คน เข้าร่วม ณ โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต จังหวัดปทุมธานี โดยมี นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายโกมล พรมเพ็ง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นำคณะผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนสำนักงานยุติธรรมจังหวัด คณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชนทั่วประเทศ  ร่วมให้การต้อนรับ


พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การจัดงานในวันนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อพัฒนาทักษะการดำเนินงานของคณะกรรมการศูนย์ยุติธรรมชุมชนและเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยยึดหลักการพัฒนาประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน เรามุ่งหวังให้ผู้เข้าร่วมงานฯ ได้เรียนรู้และพัฒนาบทบาทในการส่งเสริมความยุติธรรมในชุมชน โดยมีความท้าทายว่าจะทำอย่างไรให้ผู้นำชุมชนซึ่งได้รับเลือกจากประชาชนอย่างในตำบล ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความยุติธรรมในพื้นที่


“แม้ว่า ความยุติธรรม จะเป็นนามธรรมที่สูงส่ง แต่เป็นรากฐานสำคัญของการรวมตัวของสังคมและการพัฒนาประเทศชาติ หากปราศจากความยุติธรรม การบริหารประเทศย่อมไม่สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เพราะ ความยุติธรรม คือ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และเป็นหลักประกันของการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม ไม่ว่าจะมีฐานะเป็นอย่างไร ทุกคนล้วนต้องการความยุติธรรมเป็นที่พึ่ง” - พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว


พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับกระบวนการยุติธรรมชุมชนมาอย่างยาวนาน และถือเป็นประเทศที่มีความทันสมัยในเรื่องนี้ เราเชื่อมั่นว่า การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับศูนย์ยุติธรรมชุมชน จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความยุติธรรมที่เข้าถึงได้และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอบรมให้ความรู้เชิงปฏิบัติการ เพื่อพัฒนาศักยภาพการดำเนินงาน ของศูนย์ยุติธรรมชุมชน ด้านการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ยังมีการให้ความรู้จากวิทยากรบรรยายในหัวข้อสำคัญต่าง ๆ อาทิ พระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาฯ ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้เกี่ยวกับ ที่มาและเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. ฉบับนี้ รวมทั้งหลักเกณฑ์และองค์ประกอบของผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญาที่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทน ค่าทดแทน และค่าใช้จ่าย พร้อมตัวอย่างคดีสำคัญ และสิทธิต่าง ๆ ที่ผู้เสียหายและจำเลยจะได้รับ สถิติการช่วยเหลือเยียวยาที่ผ่านมา และช่องทางการขอรับความช่วยเหลือ

พระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญาฯ เนื้อหาที่นำเสนอครอบคลุม ที่มาและเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. คุ้มครองพยาน นิยามของพยานในคดีอาญา และผู้มีสิทธิร้องขอการคุ้มครอง หลักเกณฑ์ในการยื่นคำขอคุ้มครองพยาน สิทธิประโยชน์ที่พยานจะได้รับเมื่อเข้าสู่กระบวนการคุ้มครอง และช่องทางการขอรับการคุ้มครองพยาน

ความรู้เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 วิทยากรได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับที่มาของ พ.ร.บ. การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางแพ่ง การไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญา บทบาทหน้าที่สำคัญของผู้ไกล่เกลี่ย แนวทางการยกระดับศูนย์ยุติธรรมชุมชนเป็นศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ตลอดการอบรม ผู้เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการได้ให้ความสนใจในเนื้อหาการบรรยายเป็นอย่างมาก มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มุมมอง ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่าง ๆ อย่างหลากหลายและสร้างสรรค์ บรรยากาศเต็มไปด้วยการมีส่วนร่วมและเป็นประโยชน์










วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เผยที่ประชุมพรรคร่วมรัฐบาล เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง แจงภาพร่วม พล.อ.สุนัย และ พล.อ.นิพัทธ์ เพื่อปราบยาเสพติด

(วันที่ 24 มิถุนายน 2568) ผู้สื่อข่าวรายงาน จากทำเนียบรัฐบาล ว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยผลการหารือในที่ประชุมพรรคร่วมรัฐบาลว่า เป็นไปตามที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความไว้ โดยในวันดังกล่าว ที่ประชุมไม่ได้เน้นเรื่องส่วนตัว แต่ให้ความสำคัญกับ ความเดือดร้อนของประชาชน และแนวทางการแก้ไขปัญหาในอนาคต

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เน้นย้ำว่า รัฐบาลจะยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางในการแก้ไขปัญหา โดยมีหลักคือเรื่องเศรษฐกิจและปากท้อง และรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้หารือถึง ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เนื่องจากเกษตรกรเป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ รวมถึงการแก้ไข ปัญหาหนี้สินของประชาชน และการหยุดยั้งการ ทุจริตคอร์รัปชัน

นอกจากนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังระบุว่า ที่ประชุมยังได้หารือเกี่ยวกับ อธิปไตยและความมั่นคง ของชาติ โดยยืนยันว่ารัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด รวมถึง ปัญหายาเสพติด อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้มีพัฒนาการที่ซับซ้อนขึ้นจากผลกระทบภายนอก โดยเฉพาะภาคเกษตรและการท่องเที่ยว เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง จึงต้องหาแนวทาง กระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว และ กระจายรายได้สู่ชุมชน ให้มากขึ้น การหารือครั้งนี้เป็นการพูดคุยในหลากหลายประเด็น แต่มีเป้าหมายหลักคือการ แก้ไขปัญหาของประชาชน 

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่าการประเมินเสียงของรัฐบาลไม่มีปัญหาสำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพียงแต่ ส.ส. ทุกคนต้องเข้าประชุมพร้อมเพรียงกัน และยังยืนยันว่าไม่มีการพูดถึงเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีของแต่ละพรรคแต่อย่างใด ซึ่งเป็นดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี หากมีการปรับเปลี่ยนก็ต้องมีการส่งประวัติใหม่เข้ามา และพรรคประชาชาติเองก็ ไม่ได้เรียกร้องขอเพิ่มโควต้ารัฐมนตรี

ส่วนกรณีที่มีภาพปรากฏการลงพื้นที่ร่วมกับ พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเป็นหนึ่งในแคนดิเดต รมว.กลาโหม และ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม นั้น พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงว่า เป็นแผนที่วางไว้ล่วงหน้านานแล้ว เนื่องจาก พล.อ.นิพัทธ์ ดำรงตำแหน่งประธานการสกัดกั้นยาเสพติด ศาลอั้นต้น และเคมีภัณฑ์ ทั้งในและต่างประเทศ

ในขณะเดียวกัน พล.อ.นิพัทธ์ ได้แต่งตั้ง พล.อ.สุนัย และอธิบดีท่านอื่นๆ เป็นทีมงาน เพื่อรับมือกับข้อมูลที่ระบุว่าประเทศไทยถูกใช้เป็นเส้นทางผ่านของยาเสพติด และทั้งสองท่านมีเวลาว่างตรงกันพอดีในวันดังกล่าว 

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในเรื่องอื่น และไม่ได้สอบถามว่า พล.อ.สุนัย จะได้รับตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ เพียงแต่มีการหยอกล้อกันว่ามากับคนดัง เนื่องจาก พล.อ.สุนัย เคยอยู่หน่วยรบพิเศษและมีประสบการณ์การทำงานต่างประเทศ ส่วน พล.อ.นิพัทธ์ มีความประสงค์ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เป็นแหล่งผลิต ซึ่งเป็นการพูดคุยใน เชิงยุทธศาสตร์ เท่านั้น ไม่มีการพูดคุยเรื่องอื่น พร้อมย้ำว่าปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายสำคัญของพรรค รวมถึงปัญหาเรื่องกัญชาด้วย

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2568

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ควง "บิ๊กแป๊ะ-บิ๊กสุนัย" ลงพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง มุ่งควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดในอาเซียน

(วันที่ 23 มิถุนายน 2568) ผู้สื่อข่าวรายงาน จากท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ว่า เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ผ่านมา พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม, พลเอกสุนัย ประภูชะเนย์ อดีตผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และอดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และคณะอนุกรรมการควบคุมสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติด, นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ฯลฯ ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานและรับฟังการบรรยายสรุป การควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตยาเสพติด ณ สำนักงานศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยมี นายคณิต มีปิด รองอธิบดีกรมศุลกากร, นายวุฒิ เร่งประดุงทอง ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง, เรือโท ยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง, นายกานต์สกล อินทรสวาท ผู้อำนวยการส่วนสืบสวนและปราบปรามที่ 3 กองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร ให้การต้อนรับ และบรรยายสรุป


พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การหยุดยั้งปัญหายาเสพติดในประเทศไทยจะทำได้อย่างเด็ดขาดก็ต่อเมื่อเราสามารถแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้าสารเคมีตั้งต้นได้



ปัจจุบัน ประเทศไทยไม่มีโรงงานผลิตยาเสพติดนอกจากกัญชาและกระท่อม ซึ่งเป็นพืชที่ต้องจัดการตามกฎหมาย การขาดแคลนสารเคมีตั้งต้นจะช่วยหยุดการผลิตยาเสพติดได้ เนื่องจากประเทศไทยไม่ใช่ผู้ผลิตสารเคมีเหล่านี้ แต่สารตั้งต้นส่วนใหญ่ส่งไปยังภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก "สามเหลี่ยมทองคำ"

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดเป็นความท้าทายในระดับภูมิภาค และนานาชาติ ปัญหานี้ เป็นความเจ็บปวดสำหรับกลุ่มประเทศอาเซียนและนานาชาติ ที่มักจะถูกกล่าวหาว่าอาเซียนเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดอันดับหนึ่งของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยที่เป็นทั้งทางผ่านและปลายทางสำคัญของยาบ้า สิ่งนี้ถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ และเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก





พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  มีนโยบายที่ชัดเจนและมีตัวชี้วัดเรื่องยาเสพติด โดยตั้งเป้าลดปัญหายาเสพติดภายใน 3 เดือน, 6 เดือน และ 1 ปี ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การจะประกาศว่ายาเสพติดจะหมดไปภายในระยะเวลาอันสั้นนั้นอาจไม่เป็นจริงหากพวกเราไม่จัดการกับต้นตอของปัญหาอย่างจริงจัง นั่นคือการลักลอบนำเข้าสารเคมีตั้งต้น การดำเนินงานเพื่อควบคุมสารเคมีตั้งต้น ที่ผ่านมามีการจับกุมสารเคมีตั้งต้นและเคมีภัณฑ์จำนวนมาก เช่น กรณีที่แม่สอด รัฐบาลสามารถยึดสารเคมีได้เป็นจำนวนมาก นี่คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการลักลอบนำเข้าสารเคมีเหล่านี้ ซึ่งทาง ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม กำลังตรวจสอบเส้นทางการนำเข้าและส่งออกสารเคมีที่ออกจากประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง หากพบว่าใครเป็นผู้ผลิตหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสมคบคิดนำเข้าสารเสพติดเข้าประเทศ ทุกคนจะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด คณะอนุกรรมการฯ ชุดนี้จะติดตามและประเมินผลการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด โดยคาดว่าจะเห็นผลที่เป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน เพื่อยืนยันว่าปัญหายาเสพติดจะได้รับการแก้ไขอย่างยั่งยืน

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2568

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน มอบเช็คให้ทายาทผู้เสียชีวิตจากเหตุ อาคาร สตง. ถล่ม เพิ่มเติมอีก 40 ราย จำนวน 40 ล้านบาท

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำ สภาทนายความฯ, กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ, กิจการร่วมค้า ระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน มอบเช็ค ให้ทายาทผู้เสียชีวิต จากเหตุ อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างถล่ม เพิ่มเติมอีก 40 ราย จำนวน 40 ล้านบาท 

(วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน 2568) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย ดร.วิเชียร ชุบไธสง ประธานสภาทนายความ และ นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และโฆษกกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และ ผู้แทน กิจการร่วมค้า ระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ในพิธีมอบเช็ค ให้ทายาทผู้เสียชีวิต จากเหตุ อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้าง ถล่ม จำนวน 40 ราย (ทายาท 99 คน) จำนวน 40 ล้านบาท ณ เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร


พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุอาคารสำนักงาน สตง. พังถล่ม ทั้งหมด และครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 40 รายที่อยู่ในที่นี้ ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากเหตุการณ์อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างได้เกิดถล่มลงมาซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิด และส่งผลสะเทือนต่อสังคมทั้งในแง่กายใจ และความเชื่อมั่นในระบบความปลอดภัย

ในวันนี้ ผมขอเรียนว่า เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนหลัก "สิทธิมนุษยธรรมนำสังคมและกฎหมาย"อย่างแท้จริงเนื่องจากผู้ต้องขังหรือผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ซึ่งยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ตาม หลักการแห่งกระบวนการยุติธรรมที่โดยหลักแล้วไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินชดใช้จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดจากศาลฎีกา ซึ่งอาจใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 5 ปี และผลคดีก็ยังไม่ทราบว่าจะแพ้หรือชนะคดีแต่พวกเขากลับได้แสดงจิตสำนึกแห่งความเป็นมนุษย์ด้วยการชดใช้เงินแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต โดยสมัครใจ ไร้ข้อแลกเปลี่ยน และไม่มีผลต่อคดีความในชั้นศาล

กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นด้วยความบริสุทธิ์ใจผ่านการประสานงานกับสภาทนายความ โดยมีท่านนายกสภาทนายความและคณะผู้บริหารสภาทนายความให้เกียรติเป็นผู้รับรองกระบวนการ ทั้งในแง่ความชอบธรรม และความชัดเจนทางเจตนา เพื่อยืนยันว่า นี่คือ “การเยียวยาในนามความเป็นมนุษย์ไม่ใช่ข้อต่อรองในทางกฎหมาย” การที่บุคคลซึ่งอยู่ในสถานะถูกจำกัดเสรีภาพยังสามารถแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยทรัพย์สินของตนเองถือเป็นภาพสะท้อนของกระบวนการยุติธรรมที่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเป็นแบบอย่างที่ควรเผยแพร่ให้สังคมได้รับรู้

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังได้กล่าวชื่นชมอธิบดีกรมราชทัณธ์ ผบ. เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และคณะ ที่ได้อำนวยความสะดวกให้ผู้ต้องราชทัณฑ์เหล่านี้สามารถลงนามในเช็คและดำเนินธุรกรรมภายใต้กรอบของกฎหมายด้วยความโปร่งใสมีเจ้าหน้าที่กำกับดูแลในทุกขั้นตอนเป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนที่ดีของ "กระบวนการยุติธรรมที่มีหัวใจ" และควรได้รับการยกย่องในด้านกระบวนการยุติธรรม ภายใต้หลักนิติธรรม ซึ่งการดำเนินคดีต่อบริษัทก่อสร้างและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐาน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าความยุติธรรมจะไม่เลือกข้าง ดำเนินตามกฎหมายอย่างเสมอภาค

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ”พวกเราทุกคนต้องเรียนรู้จากความสูญเสียครั้งนี้และเปลี่ยนความเศร้าให้เป็นพลังในการปฏิรูประบบให้เข้มแข็งขึ้น โดยการเช่วยเหลือ ฟื้นฟูเยียวยาถือได้ว่าไม่ปล่อยให้ชีวิตของผู้บริสุทธิ์สูญเปล่า“

”ผมขอชื่นชมทุกท่านและให้กำลังใจทุกภาคส่วนทำให้เกิดการมอบเงินช่วยเหลือแก่ทายาทผู้เสียชีวิตจากเหตุอาคารสำนักงาน สตง. พังถล่ม ในวันนี้ ขอแสดงความเคารพและไว้อาลัยต่อดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตทุกท่านและขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวของผู้สูญเสียทุกครอบครัวให้สามารถก้าวข้ามความทุกข์ครั้งนี้ไปด้วยความเข้มแข็ง กระบวนการยุติธรรมที่เข้าถึงได้ เสมอภาค โปร่งใส และมีหัวใจมนุษย์“ - พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กิจการร่วมค้า ระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด จ่ายให้ทายาทฯ 12 ราย จำนวน 12 ล้านบาท รวมวันนี้ อีก 40 ราย จำนวน 40 ล้านบาท รวมแล้วกว่า 52 ล้านบาท โดยมี สภาทนายความ และ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เป็นเจ้าภาพหลักในการประสานงาน