วันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2560
"เพื่อไทย" เห็นใจผู้ประกอบการ-แนะรัฐทบทวน พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าว
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงประเด็นการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ว่า พรรคเพื่อไทยรู้สึกเป็นห่วง และเห็นว่าการดำเนินการเรื่องนี้ ในสถานการณ์เศรษฐกิจที่ฝืดเคือง สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ จะกระทบกับผู้ประกอบการขนาดเล็กถึงขนาดกลาง และจะส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานทั้งในภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ผลของการบังคับใช้กฎหมายนี้กระทบหลายส่วน โดยเฉพาะการเพิ่มบทลงโทษ ให้โทษปรับสูงสุดที่ 400,000-800,000 บาทต่อแรงงานต่างด้าวหนึ่งคน จะยิ่งกระทบเศรษฐกิจให้แย่ไปกว่าเดิม หลักคิดค่าปรับสูง เราคิดว่าน่าจะเป็นวิธีคิดที่ไม่ถูกต้อง ไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่ควรกระทำ เพราะการมีค่าปรับที่สูงจะเกิดผลกระทบในหลายมิติ ทั้งอาจกระทบกับหลักธรรมาภิบาลต่อเจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมาย และอาจเปิดช่องให้มีการทุจริตคอรัปชั่นได้ ที่ควรกระทำคือ การเปิดให้แรงงานต่างด้าวได้ลงทะเบียน หรือกำหนดในบทเฉพาะกาลให้มีการยืดหยุ่น ปัจจุบันแนวโน้มของโลกและกระแสประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เปิดโอกาสให้มีการไหลเวียนแรงงาน สินค้า การออกพระราชกำหนดดังกล่าวน่าจะขัดกับหลักการอาเซียนที่แรงงานควรจะแสวงหาการได้รับการจ้างงาน หรือนายจ้างควรได้รับสิทธิในการเลือกใช้แรงงานที่เหมาะสม ที่สำคัญการออกกฎหมายในลักษณะพระราชกำหนดนั้น จะต้องเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนฉุกเฉิน แต่เรื่องการบริหารจัดการคนต่างด้าว มองว่าไม่ได้ต้องถึงขั้นออกเป็นพระราชกำหนด ดังนั้นเมื่อเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วนฉุกเฉินมาก ควรจะเปิดรับฟังความคิดเห็น หรือหารือทุกภาคส่วน ทั้งผู้อาจได้รับผลกระทบ หรือผู้มีส่วนได้เสีย อย่างครบถ้วนรอบด้าน ไม่ควรเร่งรีบทำเรื่องนี้ ในเวลานี้ พรรคเพื่อไทยขอให้กำลังใจนายจ้าง ผู้ประกอบการ ขอให้ฝ่าฟันสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ไปให้ได้
วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2560
ประชาชนให้กำลังใจ "ยิ่งลักษณ์" อยากเห็นผู้นำจากการเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า เมื่อเวลา 09.00น. ที่ผ่านมา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมารับฟังการไต่สวน คดีโครงการรับจำนำข้าว โดยมีการไต่สวนพยานจำเลยวันนี้จำนวน 3 ปาก ประกอบด้วย นายอดุลย์ ยุววิทยาพานิชย์ อดีตข้าราชการกระทรวงพาณิชย์, นางสาวนิรัชฌา ไกยสวน บุตรสาวของชาวนาที่เสียชีวิตจากการผูกคอตาย ที่ จ.ร้อยเอ็ด และนายบุญช่วย หอมพญา บิดาของชาวนาที่เสียชีวิตจากการผูกคอตาย ที่ จ.นนทบุรี ที่ยืนยันว่าเสียชีวิตจากปัญหาส่วนตัว
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวว่า "ขอความเป็นธรรมต่อศาลให้สืบพยานของจำเลยครบทุกปาก เพราะยังมีพยานสำคัญอีกจำนวนมากที่ต้องเข้าไต่สวนต่อศาลอีก 2 นัดที่เหลือ ล่าสุด ทนายความไม่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอขยายเวลาสืบพยานเพิ่มเติมเพราะยังเหลือพยานอีก 20 ปาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล วันนี้เตรียมยื่นหลักฐานใหม่เป็นคำร้องขอให้ศาลออกไปเผชิญสืบโรงสีข้าวและคลังข้าว จังหวัดอ่างทอง 16 แห่ง ที่ล่าสุด พบว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ได้เข้าไปตรวจสอบแต่ไม่พบความเสียหายและการทุจริต ซึ่งเป็นหลักฐานใหม่ที่จะยืนยันว่า โครงการรับจำนำข้าวไม่ได้ทุจริตและเน่าเสียอย่างที่ถูกกล่าวหา ก่อนหน้านี้เคยร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว แต่ไม่ได้รับการพิจารณา"
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงประเด็นการเลือกตั้ง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวด้วยว่า "อยากให้ปัญหาต่างๆ คลี่คลายไปได้และมีความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้ง เชื่อว่าประชาชนทุกคนอยากได้ผู้นำประเทศที่มาจากการเลือกตั้งและมาจากระบอบประชาธิปไตย ซึ่งจะเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน"
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังให้ความเห็นกรณี หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ลงสมัครเลือกตั้ง ว่า "เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นผู้นำของประเทศมาจากการเลือกตั้งและถือว่าเปิดโอกาสให้ประชาชนได้พิจารณา" ส่วนคำถามผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพล อยากเห็นพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์รวมตัวกันตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งว่า "พรรคการเมืองต่างมีจุดยืนต่างกัน แต่สิ่งที่เห็นร่วมกัน คือ การเลือกตั้งเกิดขึ้น และประเทศกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว"
วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560
"วิญญัติ" ทวงถามความคืบหน้าคดี กปปส.
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนและเลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) เดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เพื่อยื่นหนังสือทวงถามและเร่งรัดการสั่งสำนวนคดีร่วมกันเป็นกบฏของกลุ่มที่มีการชุมนุมทางการเมืองในช่วงปี 2556 ถึงปี 2557
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวนับตั้งแต่อัยการสูงสุดขณะนั้น ได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 58 คน ตามความเห็นของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แต่ระยะเวลาได้ล่วงเลยมากว่า 3 ปีแล้ว เพราะเหตุใดจึงยังไม่มีการพิจารณาสั่งฟ้อง โดยในวันนี้จะสอบถามไปยังอัยการสูงสุด และหากยังไม่ได้รับคำตอบตามขั้นตอน ก็เตรียมที่จะร้องทุกข์กล่าวโทษต่ออัยการสูงสุดต่อไป
วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2560
"เพื่อไทย" ค้านไพรมารีโหวต
"วัฒนา" เห็นใจ "ยิ่งลักษณ์" ซัดบางพรรคอัปลักษณ์ทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
"อัปลักษณ์ทางการเมือง"
การแสดงความรู้สึกของนายกยิ่งลักษณ์ในวันเกิดที่ผ่านมา หากเป็นคนทั่วไปจะวางเฉย หรือบางท่านอาจแสดงความเห็นอกเห็นใจก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะนายกยิ่งลักษณ์ถูกดำเนินคดีทางการเมืองโดยฝ่ายตรงข้ามอันเนื่องจากการดำเนินนโยบายสาธารณะเพื่อช่วยเหลือชาวนา อีกทั้งคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลแล้ว โดยมีอัยการสูงสุดทำหน้าที่เป็นโจทก์ดูแลผลประโยชน์แทนประชาชน มีผู้พิพากษาศาลฎีกาอีก 9 ท่านเป็นองค์คณะที่จำเลยเข้าไปแทรกแซงไม่ได้ นายกยิ่งลักษณ์จึงควรได้รับความเห็นใจในฐานะปุถุชน
แต่ผมกลับเห็นตัวแทนของพรรคการเมืองหนึ่งทั้งหญิงและชาย กระทำสิ่งที่น่ารังเกียจด้วยการฉวยโอกาสบิดเบือนข้อเท็จจริง เหยียบย่ำซ้ำเติม แสดงความสะใจในเคราะห์กรรมที่นายกยิ่งลักษณ์ได้รับ ทั้งที่เลยขั้นตอนการตรวจสอบของพวกเขาเพราะคดีอยู่ในศาลแล้ว คนพวกนี้ยังชอบแสดงตัวเป็นคนดีรังเกียจการโกงแต่กลับไม่กล้าออกมาตรวจสอบเผด็จการ ล่าสุดคือการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในโครงการรถไฟความเร็วสูงที่ละเมิดธรรมาภิบาล ซึ่งคนไทยแทบทุกคนออกมาคัดค้านแต่คนเหล่านี้กลับซุกหัวหลุบหางไม่กล้าตรวจสอบ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับเผด็จการที่ชอบอ้างกฎหมายแต่ไม่เคยทำตามกฎหมาย
พุทธศาสนาสอนให้เราวางเฉยเมื่อเห็นผู้อื่นได้รับทุกข์เรียกว่า "อุเบกขา" ระดับสากลก็ถือเป็นมารยาท คนพวกนี้ทางบ้านคงไม่มีเวลาสั่งสอน แต่ที่ผมแปลกใจคือเหตุใดพรรคการเมืองเจ้าสังกัดจึงไม่อบรมพวกเขา ส่วนพวกผมถือเป็นมารยาทขั้นพื้นฐานที่จะไม่ออกมาเหยียบย่ำซ้ำเติมคนที่ได้รับทุกข์ ดังเช่นกรณีหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก หรือสมาชิกที่ถูกดำเนินคดีปิดล้อมทำเนียบแต่หลบหนีคดีไม่มาฟังคำพิพากษา ก็ไม่เคยถูกพวกผมก้าวล่วงหรือแสดงความยินดีทั้งที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง เพราะถือเป็นมารยาทและล่วงเลยขั้นตอนการทำหน้าที่ตรวจสอบแล้ว พฤติกรรมที่น่ารังเกียจดังกล่าวคืออัปลักษณ์ทางการเมือง
วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2560
ประชาชนให้กำลังใจ "ยิ่งลักษณ์" สู้คดีจำนำข้าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ที่บ้านพักซอยโยธินพัฒนา 3 ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีประชาชนจากกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียง เดินทางมามอบดอกไม้เพื่อให้กำลังนางสาวยิ่งลักษณ์ หลังจากเมื่อวานนี้ (25 มิถุนายน 2560) ได้มีการจัดกิจกรรม "ยิ่งลักษณ์พบแฟนเพจ 6 ล้านไลค์" และมีการถ่ายทอดสดออกไป ทำให้ประชาชนที่ต้องการจะให้กำลังใจอดีตนายกฯเดินทางมาเพื่อนำดอกไม้มามอบให้อดีตนายกฯ เพื่อเป็นกำลังใจในการต่อสู้คดี และให้ผ่านปัญหาอุปสรรคต่างๆไปได้ด้วยดี
สำหรับบรรยากาศการเดินทางมาของประชาชน เริ่มมีมาตั้งแต่ช่วงเช้า บางท่านมานั่งรอที่บริเวณแปลงผัก และทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเวลาประมาณ 9.30 น. เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ทราบว่า ได้เรียนให้คนใกล้ชิดของอดีตนายกฯทราบแล้ว และท่านอดีตนายกฯจะลงมาพบกับพี่น้องประชาชน ประมาณ 10.00 น. ซึ่งก็มีประชาชนที่มารอพบเพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจประมาณ 500 กว่าคน
ขณะที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวกับประชาชนที่มาให้กำลังในวันนี้ว่า "ขอบคุณทุกท่านที่มาให้กำลังใจรู้สึกตื้นตันและดีใจมากๆที่มีประชาชนเข้าใจและเห็นใจ ในช่วงเวลาเช่นนี้ จริงๆไม่ได้เปิดบ้านให้คนมาให้กำลังใจ แต่กิจกรรมพบแฟนเพจที่จัดนั้นเป็นข้อเรียกร้องของแฟนเพจที่อยากมาชมสวนผักที่ปลูกไว้ ซึ่งก็อยากจะบอกกับทุกๆคนว่าทุกกำลังใจสำคัญเสมอ"
"ลดาวัลลิ์" ห่วงเยาวชน แนะรัฐเร่งแก้ปัญหาแรงงานเด็ก-โสเภณีเด็ก-เด็กเร่ร่อน
นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงข้อมูลของยูนิเซฟที่ระบุว่า มีเด็กไทยกว่า 700,000 คนไม่ได้เรียนในชั้นมัธยมศึกษา ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ก็น่าเป็นห่วงมาก แต่ข้อมูลนี้ไม่ได้ระบุว่าเด็กในกลุ่มนี้อยู่ในพื้นที่จังหวัดใดบ้าง เพียงแต่บอกว่าเป็นเด็กในครอบครัวยากจนเท่านั้น แต่ยูนิเซฟเป็นองค์การที่ทำงานเพื่อเด็กด้อยโอกาสโดยตรงจึงน่าจะมีที่มาที่ไปของตัวเลขเด็กด้อยโอกาสทั้ง 700,000 คน จึงมีความเห็นว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรจะมอบหมายให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ประสานงานกับยูนิเซฟ เพื่อขอข้อมูลโดยละเอียดแล้วนำมาพิจารณาให้ความช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้ทุกคน เพื่อหาวิธีการสกัดกั้นไม่ให้เด็กกลุ่มนี้ขาดโอกาสทางการศึกษาและตกไปเป็นเหยื่อของปัญหาสังคม ไม่ว่าจะเป็นปัญหาแรงงานเด็ก ปัญหาโสเภณีเด็ก ปัญหายาเสพติด และปัญหาเด็กเร่ร่อน
นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า อยากให้รัฐบาลเอาใจใส่ปัญหาเด็กให้มากยิ่งขึ้นโดยสนับสนุนให้องค์กรปกครองท้องถิ่นมีบทบาทหน้าที่มากขึ้น เพราะเป็นหน่วยงานหลักในชุมชนที่ยึดโยงกับภาคประชาชนในพื้นที่โดยตรงอยู่แล้ว ทั้งเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลทุกแห่งทั่วประเทศสามารถจับมือกับศูนย์พัฒนาครอบครัวชุมชนที่มีอยู่แล้วให้ลุกขึ้นมาสำรวจจำนวนและสถานการณ์ของเด็กทุกคนในพื้นที่รับผิดชอบ อย่างสม่ำเสมอก็จะสามารถรู้สถิติตัวเลขเด็กด้อยโอกาสอย่างแท้จริง แล้วรีบวางแผนให้ความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว จะเป็นการแก้ปัญหาอย่างได้ผล ถ้าให้ความเอาใจใส่ต่อปัญหาเด็กอย่างสม่ำเสมอเป็นการเฝ้าระวังปัญหาสิทธิเด็ก สิทธิมนุษยชน ที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญตลอดมา
"เรืองไกร" ยื่นวินิจฉัยร่างฯพ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ-ปฏิรูปประเทศ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ยื่นเรื่องถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ตรวจสอบร่าง พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และ ร่าง พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับเมื่อวันที่ 4 เมษายน ซึ่งเกิดขึ้นก่อนรัฐธรรมนูญจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 6 เมษายน 2560 ขณะที่กระบวนการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 259 วรรค 2 ระบุว่า "ให้ดำเนินการตรากฎหมายดังกล่าว และบังคับใช้ภายใน 120 วันนับแต่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ" จึงเกิดข้อสงสัยว่า กระบวนการตราร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 259 และมาตรา 275 หรือไม่?
"ได้ส่งหนังสือเป็นจดหมายลงทะเบียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ซึ่งเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีในการส่งศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 148 (2) ซึ่งระบุว่า หากนายกรัฐมนตรีเห็นว่าร่างกฎหมายดังกล่าว มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือตราขึ้นไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ให้ส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย โดยให้แจ้งประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานวุฒิสภาทราบโดยไม่ชักช้า" นายเรืองไกร กล่าว
"ยิ่งลักษณ์" เปิดบ้านรับแฟนเพจ ฉลอง 6 ล้านไลค์
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดบ้านพักในซอยโยธินพัฒนา 3 เพื่อต้อนรับแฟนเพจในโอกาสที่มีผู้ติดตามครบ 6 ล้านไลค์ และแฟนเพจเดิมที่มีติดตามความเคลื่อนไหวและให้กำลังใจผ่านเพจส่วนตัวมาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา โดยได้มีการพบปะพูดคุยพร้อมแนะนำตัวแฟนเพจที่เดินทางมาจากจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งรูปแบบการพบปะกันในครั้งนี้เป็นลักษณะของการ “จิบน้ำชายามบ่าย” โดย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ทำน้ำอัญชันมะนาว ชาใบเตย ด้วยตนเอง โดยใช้วัตถุดิบที่ปลูกไว้บริเวณบ้านไว้ต้อนรับแฟนเพจได้ดื่มและแต่งหน้าเค้กรูปปูพร้อมลายเซ็น ทั้งนี้ในช่วงท้ายนางสาวยิ่งลักษณ์ยังได้เปิดสวนผักเพื่อเก็บผักร่วมกับแฟนเพจ เป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกด้วย
นอกจากนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ยังได้เปิดโอกาสให้แฟนเพจที่ไม่ได้มา มีส่วนร่วมพบปะพูดคุย ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์เป็นครั้งแรก โดยนางสาวยิ่งลักษณ์กล่าวว่า “ต้องเรียนว่าเป็นวันพิเศษจริงๆค่ะ ขออนุญาต Live Facebook ในวันนี้เป็นครั้งแรก ที่เรามีการเรียนเชิญแฟนเพจที่ครบ 6 ล้านไลค์ที่เป็นตัวแทนแฟนเพจกว่า 6 ล้านไลค์ที่กำลังชมการไลค์ในวันนี้ เรามีความรู้สึกว่าเรายังมีความสุขกัน แต่เราก็อยากแชร์และแบ่งปันความสุขนี้ให้กับแฟนเพจที่บ้านด้วย เพราะเชื่อว่าหลายท่านคงอยากมา เรายังผูกพันกันได้มาเจอกัน อนาคตถ้าได้ติดต่อกันหรือมีความผูกพันกันมากขึ้น ใจกับใจอยู่ด้วยกัน ทุกข์กับสุขด้วยกัน ทุกท่านไม่ต้องให้แนะนำกันเรายังรู้สึกรู้จักกันมานาน ผูกพันกันมานาน มากกว่าคำพูด มีทั้งภาษากาย ภาษาใจที่ตรงกัน อยากให้บรรยากาศนี้ได้แลกเปลี่ยนกัน ขออนุญาต live ให้อีก 6 ล้านคนได้แชร์ความรู้สึกนี้กับเราด้วย”
หลังจากนางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวเสร็จตัวแทนแฟนเพจได้กล่าวให้กำลังใจ พร้อมเปิดมิวสิควิดิโอเพลง “จะอยู่เคียงข้างเธอ” มอบให้เป็นกำลังใจกับอดีตนายกรัฐมนตรีอีกด้วย
วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2560
"วัฒนา" แนะไทยลงทุนรถไฟฟ้าเองคุ้มกว่า-ท้ารัฐเปิดผลเจรจาจีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
"รถไฟ...ที่ต้องได้มากกว่ารถไฟ"
การมีเส้นคมนาคมทางบกระหว่างไทย-จีน เพิ่มขึ้นอีกทางย่อมเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เนื่องจากจีนเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญยิ่งมีเพราะประชากรถึงหนึ่งในสี่ของโลก เส้นทางเดิมที่ใช้ขนส่งสินค้ามีเพียงทางอากาศซึ่งมีราคาแพง ส่วนทางน้ำก็มีข้อจำกัดและใช้เวลานาน โครงการรถไฟไทย-จีน จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ทั้งสองประเทศจะใช้ขยายการค้าร่วมกัน ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลควรพิจารณาคือการสร้างมูลค่าเพิ่ม (value creation) ทางเศรษฐกิจจากรางรถไฟ
เงินที่ใช้ในการก่อสร้างควรเป็นของไทยโดยออกพันธบัตรกู้เงินบาทแบบรัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังจะทำแต่ถูกขัดขวาง การกำหนดเส้นทางรถไฟต้องคำนึงถึงเมืองที่จะใช้เป็นศูนย์กลางความเจริญที่ต้องกระจายออกจากกรุงเทพมหานคร จุดหยุดรถควรเป็นเมืองใหม่ที่สอดรับกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รัฐบาลจะต้องเจรจาถึงสิทธิการนำสินค้าจากไทยไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ หรือสินค้าอย่างอื่น เช่น โอทอป เข้าไปจำหน่ายในจีน รวมทั้งเจรจาเกี่ยวกับกระบวนการด้านศุลกากร คลังสินค้าและระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ หาไม่แล้วสินค้าจะถูกกักจนเสียหาย ส่วนจีนก็สามารถใช้รถไฟดังกล่าวกระจายสินค้าของตนมายังไทยและประเทศทางตอนใต้ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย รวมถึงใช้ขนส่งสินค้าอาหารที่จีนไปลงทุนไว้ที่ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เพื่อส่งกลับจีนซึ่งจะมีความรวดเร็วกว่าทางเรือ
รางรถไฟที่เราลงทุนเองยังสามารถให้เช่า เพื่อให้เอกชนซื้อหัวรถจักรและขบวนรถมาใช้ขนส่งหรือกระจายสินค้าแทนการใช้รถสิบล้อ ซึ่งนอกจากจะได้ค่าตอบแทนแล้วยังช่วยลดปัญหาการจราจร ลดอุบัติเหตุ และลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมถนนทางหลวง ขบวนรถไฟยังต่อยอดเป็นธุรกิจบริการเพื่อการท่องเที่ยวหรือพักผ่อน มีภัตตาคาร สปา หรือสิ่งบันเทิงอื่นๆ ดังนั้น หากประโยชน์ที่ได้รับมีเพียงการพัฒนาสองข้างทางรวมถึงการเกิดเมืองใหม่ตามที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ก็ไม่จำเป็นต้องยอมจีนขนาดนี้ เพราะเอาใครมาก่อสร้างก็ได้ประโยชน์เช่นกัน รัฐบาลจึงต้องคิดถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจจากรางรถไฟมากกว่าค่าตั๋วโดยสาร นำผลเจรจาที่ได้มาเปิดเผยให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของภาษีทราบ ไม่ได้อยากรู้แต่หากคิดไม่ออกหรือได้มาไม่คุ้มจะได้แนะนำให้เพราะมันเป็นผลประโยชน์ของชาติ
วันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2560
"อนุสรณ์" สอน "มัลลิกา" งดชี้นำคดี "ยิ่งลักษณ์"
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นางมัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นทางเฟซบุ๊กพาดพิงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลั่งน้ำตาขณะให้สัมภาษณ์สื่อฯ ในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ว่า การฉวยโอกาสกระแนะกระแหนและบิดเบือนข้อมูลหลายเรื่องต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ในโอกาสวันคล้ายวันเกิดที่เป็นมงคลของชีวิต ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม คนในสังคมไม่ควรกระทำกันแบบนี้ เพราะแม้แต่คนที่ไม่ชอบพอกัน เขาก็จะไม่กระทำการอันไม่เป็นมงคลในวันคล้ายวันเกิดของบุคคลอื่น แล้วอย่างนี้จะปรองดอง ก้าวข้ามความขัดแย้งกันได้อย่างไร เมื่อมีนักฉกฉวยโอกาสไม่ดูตาม้าตาเรือให้ร้ายฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองตลอดเวลา ความจริงเราไม่อยากให้ราคาและไม่อยากตอบโต้ ซึ่งขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาว่าการพูดแบบนี้เข้าข่ายขัดคำสั่งศาลที่ห้ามพูดในลักษณะที่อาจทำให้สังคมเข้าใจผิดในรูปคดี หรือเข้าข่ายการชี้นำคดีในเนื้อหาสาระที่เกี่ยวเนื่องกับคดีหรือไม่? ซึ่งศาลได้ออกข้อกำหนดห้ามคู่ความรวมถึงบุคคลภายนอกและสื่อฯ ให้ข่าว แสดงความเห็น หรือวิเคราะห์เรื่องเกี่ยวกับคดีที่อาจจะเป็นการชี้นำสังคม เราเห็นว่าทุกฝ่ายควรเคารพศาลเพราะท่านเป็นที่พึ่งของประชาชน ควรให้เป็นไปตามครรลอง ตามเนื้อหาสาระของคดีจะดีกว่า และหวังว่านอกจากนางมัลลิกาแล้ว ไม่ควรจะมีใคร ไม่ว่าจะพรรคใด ฝ่ายใด ออกมาสร้างกระแสที่สุ่มเสี่ยงต่อการขัดคำสั่งศาล
"ชวลิต" เผยคลิปชาวนาให้กำลังใจ "ยิ่งลักษณ์"
และเมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา มีชาวนาจำนวนหนึ่งบอกว่า เห็นภาพ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร้องไห้ในวันคล้ายวันเกิด จากวิบากกรรมในการดำเนินนโยบายโครงการรับจำนำข้าว ถึงกับทำให้พลอยน้ำตาซึมไปด้วย โดยได้สะท้อนความเห็นมาว่า "ขอเป็นกำลังใจให้ท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ ท่านจะไม่โดดเดี่ยว ท่านจะมีชาวนาและครอบครัวลูก หลานชาวนานับล้านๆคนเป็นกำลังใจให้เสมอ"
นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติมว่า บรรดาชาวนานอกจากให้กำลังใจท่านนายกฯยิ่งลักษณ์แล้ว ยังแจ้งว่า ที่พวกตนไม่สามารถลืมนายกฯยิ่งลักษณ์ และลืมโครงการรับจำนำข้าวได้ เพราะชาวนาต่างได้รับเงินค่าข้าวเปลือกทุกบาททุกสตางค์ เข้าบัญชีผ่าน ธกส. ไม่มีใครมาแบ่ง ไม่มีเงินทอน ทำให้ชาวนามีความสุขจากนโยบายที่กินได้
เชื่อหรือไม่ว่า เมื่อชาวนาได้รับเงินก้อนแรก เริ่มมีความหวังในการสร้างอนาคต เริ่มจัดระเบียบการใช้จ่ายเงิน เริ่มวางแผนการผ่อนชำระหนี้ หนี้จะหมดในกี่ปี เริ่มซื้อข้าวของเครื่องใช้จำเป็นเข้าบ้าน ซ่อมแซมปรับปรุงบ้าน เริ่มซื้ออุปกรณ์ทำไร่ทำนาให้สมบูรณ์ขึ้น เริ่มซื้อมอเตอร์ไซค์บ้าง รถปิคอัพบ้างตามกำลัง ที่กล่าวมานั้นสามารถตรวจสอบได้จากสถิติการขายจากบริษัทต่างๆ ได้ในช่วงนั้น ซึ่งตรงข้ามกับปัจจุบันที่เงียบสนิท เพราะชาวนาไม่มีกำลังซื้อ หงอยเหงาเศร้าสร้อย เมื่อพบภาพนายกฯยิ่งลักษณ์ร้องไห้ จึงรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง
ฝากไปเรียนท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ ว่า คนทำความดี นั้น โบราณคำพังเพยว่า ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ฟ้าดินย่อมคุ้มครอง เมื่อมีเจตนาสุจริต ย่อมเป็นเกราะป้องกันภัยอย่างดี ขอให้ท่านอยู่รอดปลอดภัย พวกตนจะเป็นกำลังใจให้ตลอดไป
วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2560
ประชาชนร่ำไห้ ปลอบ "ยิ่งลักษณ์" สู้ๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเมื่อวานนี้ (21 มิถุนายน 2560) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปทำบุญเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด ณ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร และถูกตั้งคำถามจากสื่อมวลชนเรื่องคดีจำนำข้าว โดยเกิดความสะเทือนใจจนร้องไห้ วันนี้ มีประชาชนจำนวนมากได้เดินทางมายังบ้านพักซอยโยธินพัฒนา 3 เพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจนางสาวยิ่งลักษณ์ โดยต่างร่ำไห้พร้อมปลอบใจ ว่า "นายกฯยิ่งลักษณ์ ไม่ต้องร้องไห้ สู้ๆนะ"
"กิตติรัตน์" เข้าใจ "ยิ่งลักษณ์" ร่ำไห้-กลั้นน้ำตาไม่อยู่-ขอให้เข้มแข็ง
ผมขอยืนยันว่า คุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีความสามารถ และมีความเข้มแข็งมาก...
ลองลำดับดูนะครับว่า สามสี่ปีมานี้ เธอต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง และต้องทนเห็นอะไรเกิดขึ้นรอบๆ ตัวเราๆ ท่านๆ ขนาดไหน...
แล้วเราจะเข้าใจน้ำตาของเธอ...
ผมเองก็แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ อยากจะร้องไห้ไปพร้อมเธอ...
"น้ำตาที่กลั่นจากความรู้สึก...นายกฯของประชาชน" ณัฐวุฒิ ให้กำลังใจ ยิ่งลักษณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์โดยมีเนื้อหาดังนี้
มีนาคม 2554
ออกจากคุกได้ไม่นาน ครอบครัวผมรับนัด"คุณปู"ไปกินข้าว
กลับมาบ้านผมกับแก้มชื่นชมเธอถึงมิตรภาพที่มอบให้
พฤษภาคม 2554
"คุณปู" ประกาศตัวเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี ผมรับหน้าที่เป็นคนปราศรัยร่วมคณะทุกเวทีตลอด 49 วัน ไปไหนไปกันทุกที่
... ทำงานไปก็แอบเป็นห่วงเธอไป ใจลึกๆมีคำถามว่า"คุณปู"ไหวไหมสำหรับบทบาทนี้ ในที่สุด"คุณปู"ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผมนึกว่าตัวเองแน่ แต่เห็นท่านในบทบาทนั้น ทุกสถานการณ์ ทุกแรงกดดัน "นายกฯยิ่งลักษณ์"ผ่านมาได้อย่างทรนง สง่างาม
ภูมิใจที่ได้ทำงานในรัฐบาลของนายกฯคนนี้ อยู่กับท่านจนวินาทีสุดท้ายของการทำหน้าที่
หลังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ผมไปขอถ่ายรูป ภายหลังจึงทราบว่านั่นคือรูปแรกหลังพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ท่านนายกฯครับ ให้กำลังใจท่านนะครับ
น้ำตาของท่านในรูปนี้คงกลั่นจากความรู้สึกที่ใครก็เข้าไปไม่ถึง
ผมเข้าใจ
พูดอะไรไม่ออกแล้ว...
สุขสันต์วันเกิดครับ
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งของประชาชน
มีนาคม 2554
ออกจากคุกได้ไม่นาน ครอบครัวผมรับนัด"คุณปู"ไปกินข้าว
กลับมาบ้านผมกับแก้มชื่นชมเธอถึงมิตรภาพที่มอบให้
พฤษภาคม 2554
"คุณปู" ประกาศตัวเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี ผมรับหน้าที่เป็นคนปราศรัยร่วมคณะทุกเวทีตลอด 49 วัน ไปไหนไปกันทุกที่
... ทำงานไปก็แอบเป็นห่วงเธอไป ใจลึกๆมีคำถามว่า"คุณปู"ไหวไหมสำหรับบทบาทนี้ ในที่สุด"คุณปู"ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผมนึกว่าตัวเองแน่ แต่เห็นท่านในบทบาทนั้น ทุกสถานการณ์ ทุกแรงกดดัน "นายกฯยิ่งลักษณ์"ผ่านมาได้อย่างทรนง สง่างาม
ภูมิใจที่ได้ทำงานในรัฐบาลของนายกฯคนนี้ อยู่กับท่านจนวินาทีสุดท้ายของการทำหน้าที่
หลังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ผมไปขอถ่ายรูป ภายหลังจึงทราบว่านั่นคือรูปแรกหลังพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ท่านนายกฯครับ ให้กำลังใจท่านนะครับ
น้ำตาของท่านในรูปนี้คงกลั่นจากความรู้สึกที่ใครก็เข้าไปไม่ถึง
ผมเข้าใจ
พูดอะไรไม่ออกแล้ว...
สุขสันต์วันเกิดครับ
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งของประชาชน
"ยิ้มเมื่อท่านสุข-เศร้าเมื่อท่านทุกข์" วัฒนา เผยประชาชนอยู่เคียงข้าง ยิ่งลักษณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
"สุขสันต์วันเกิดครับ..ท่านนายก"
วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดท่านนายกยิ่งลักษณ์ ผมพาน้องเฟมากราบอวยพรและทานอาหารกลางวันกับท่านที่โรงแรมเอสซีพาร์ค ผมรู้สึกสะท้อนใจเมื่อเห็นภาพที่ท่านร้องไห้ในขณะให้สัมภาษณ์นักข่าว ความจริงท่านนายกเป็นผู้หญิงที่อึดและไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น แต่คราวนี้คงเหลืออดที่ต้องถูกรังแกสารพัด เป็นนายกคนแรกที่ถูกดำเนินคดีอาญาเนื่องจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก เพื่อช่วยเหลือชาวนาที่เป็นคนยากจนซึ่งศาลน่าจะมีคำพิพากษาภายในปีนี้ ผมบอกท่านว่าคนที่ทำเพื่อประชาชนไม่มีทางโดดเดี่ยว ประชาชนมากกว่าครึ่งประเทศพร้อมอยู่เคียงข้างท่าน ยิ้มเมื่อเห็นท่านมีความสุขและเศร้าเมื่อเห็นท่านทุกข์
นายกยิ่งลักษณ์ถูกบรรดาชายชาติทหารวางแผนสมคบกันยึดอำนาจ ใช้อำนาจกลั่นแกล้งแล้วยังแสดงความอิจฉาริษยาถึงขนาดกระแนะกระแหนประชาชนที่กดไลค์ให้ท่าน สำหรับผมคนเหล่านี้มีความเป็นชายเพียงคำนำหน้านามเท่านั้น ไม่ต่างจากลูกน้องที่เคยปิดถนนจัดงานแต่งงาน วันนี้นำกำลังตำรวจเกือบ 20 คนไปปิดล้อมค้นบ้านนักศึกษากลุ่มดาวดินโดยไม่มีหมายเพื่อต้อนรับนายที่ไปขอนแก่น นายแบบไหนบ่าวก็แบบนั้น เห็นพฤติกรรมคนพวกนี้ทำให้ผมนึกถึงภาพที่ประชาชนชาวเวเนซูเอล่ากำลังขับไล่เผด็จการทหาร ใช้อำนาจตามอำเภอใจแบบนี้คงไม่นานเกินรอต้องได้เห็นที่เมืองไทยแน่ ขอโทษท่านนายกที่เอาเรื่องอัปมงคลมาพูดในวันเกิดของท่าน
เนื่องในโอกาสที่เป็นมงคล ผมและพี่น้องประชาชนที่รักประชาธิปไตยทุกท่าน โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่เป็นชาวไร่ชาวนารวมถึงประชาชนอีก 10.39 ล้านคนที่ลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ขออวยพรให้ท่านนายกมีความสุข ขอให้กุศลเจตนาของท่านนายกที่ไม่เคยคดโกงอำนาจของประชาชน ใช้อำนาจที่ได้มาโดยชอบนั้นทำเพื่อพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะคนยากจนมาโดยตลอด จงส่งผลให้ท่านนายกผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหลายไปได้ด้วยดี ขอให้ชนะหมู่มารทั้งปวง ผมขอยืมเนื้อเพลงแว่วสายลมตอนหนึ่งบอกแทนใจพี่น้องประชาชนว่า "วันและคืนผ่านเวียนเปลี่ยนไป แต่ฉันไม่เปลี่ยนใจรักมั่นห่วงใยเธอเสมอ" สุขสันต์วันเกิดครับท่านนายกยิ่งลักษณ์ นายกของประชาชน
"สุขสันต์วันเกิดครับ..ท่านนายก"
วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดท่านนายกยิ่งลักษณ์ ผมพาน้องเฟมากราบอวยพรและทานอาหารกลางวันกับท่านที่โรงแรมเอสซีพาร์ค ผมรู้สึกสะท้อนใจเมื่อเห็นภาพที่ท่านร้องไห้ในขณะให้สัมภาษณ์นักข่าว ความจริงท่านนายกเป็นผู้หญิงที่อึดและไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น แต่คราวนี้คงเหลืออดที่ต้องถูกรังแกสารพัด เป็นนายกคนแรกที่ถูกดำเนินคดีอาญาเนื่องจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก เพื่อช่วยเหลือชาวนาที่เป็นคนยากจนซึ่งศาลน่าจะมีคำพิพากษาภายในปีนี้ ผมบอกท่านว่าคนที่ทำเพื่อประชาชนไม่มีทางโดดเดี่ยว ประชาชนมากกว่าครึ่งประเทศพร้อมอยู่เคียงข้างท่าน ยิ้มเมื่อเห็นท่านมีความสุขและเศร้าเมื่อเห็นท่านทุกข์
นายกยิ่งลักษณ์ถูกบรรดาชายชาติทหารวางแผนสมคบกันยึดอำนาจ ใช้อำนาจกลั่นแกล้งแล้วยังแสดงความอิจฉาริษยาถึงขนาดกระแนะกระแหนประชาชนที่กดไลค์ให้ท่าน สำหรับผมคนเหล่านี้มีความเป็นชายเพียงคำนำหน้านามเท่านั้น ไม่ต่างจากลูกน้องที่เคยปิดถนนจัดงานแต่งงาน วันนี้นำกำลังตำรวจเกือบ 20 คนไปปิดล้อมค้นบ้านนักศึกษากลุ่มดาวดินโดยไม่มีหมายเพื่อต้อนรับนายที่ไปขอนแก่น นายแบบไหนบ่าวก็แบบนั้น เห็นพฤติกรรมคนพวกนี้ทำให้ผมนึกถึงภาพที่ประชาชนชาวเวเนซูเอล่ากำลังขับไล่เผด็จการทหาร ใช้อำนาจตามอำเภอใจแบบนี้คงไม่นานเกินรอต้องได้เห็นที่เมืองไทยแน่ ขอโทษท่านนายกที่เอาเรื่องอัปมงคลมาพูดในวันเกิดของท่าน
เนื่องในโอกาสที่เป็นมงคล ผมและพี่น้องประชาชนที่รักประชาธิปไตยทุกท่าน โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่เป็นชาวไร่ชาวนารวมถึงประชาชนอีก 10.39 ล้านคนที่ลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ขออวยพรให้ท่านนายกมีความสุข ขอให้กุศลเจตนาของท่านนายกที่ไม่เคยคดโกงอำนาจของประชาชน ใช้อำนาจที่ได้มาโดยชอบนั้นทำเพื่อพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะคนยากจนมาโดยตลอด จงส่งผลให้ท่านนายกผ่านพ้นอุปสรรคทั้งหลายไปได้ด้วยดี ขอให้ชนะหมู่มารทั้งปวง ผมขอยืมเนื้อเพลงแว่วสายลมตอนหนึ่งบอกแทนใจพี่น้องประชาชนว่า "วันและคืนผ่านเวียนเปลี่ยนไป แต่ฉันไม่เปลี่ยนใจรักมั่นห่วงใยเธอเสมอ" สุขสันต์วันเกิดครับท่านนายกยิ่งลักษณ์ นายกของประชาชน
วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560
"ขอบคุณในสิ่งที่เมตตาคนชื่อยิ่งลักษณ์มาโดยตลอด" น้ำตาและความในใจ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาทำบุญเนื่องในวันครบรอบวันเกิดปีที่ 50 โดยมีอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และประชาชนเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดยระบุว่า ไม่ได้เป็นปีแรกที่พบเจอปัญหาอุปสรรค วันเกิดปีนี้คงใกล้จะถึงเรื่องที่หนักหนาของชีวิต ที่เราต้องสร้างพลังใจให้เข้มแข็ง หลายครั้งที่เห็นว่ายิ้มได้ แต่บางครั้งก็ไม่สามารถระงับความรู้สึกได้ ต้องขอโทษที่ทำให้เห็นน้ำตา พยายามอย่างเต็มที่เพราะไม่ต้องการให้ผู้อื่นเป็นห่วง แต่ก็เป็นเหตุสุดวิสัย พยายามจะเข้มแข็ง และเชื่อว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้จะทำให้สามารถผ่านอุปสรรคได้ สำหรับวันเกิดปีนี้ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พี่ชายได้โทรศัพท์พร้อมส่งดอกไม้มาให้กำลังใจตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยอยากให้เราสดชื่น และท่านอวยพรให้น้องพ้นทุกข์พ้นโศก และบอกพี่รักน้องนะ
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวด้วยว่า อยากเห็นประเทศมีความสุข ให้ทุกคนหันมามองหน้ากัน ไม่อยากเห็นบรรยากาศที่มีการต่อว่าหรือทำให้ทุกฝ่ายเกิดการแบ่งแยก ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลคนไทยให้มีความรักและสามัคคี อยากให้ทุกคนกินดีอยู่ดี มีกินมีใช้อย่างพอเพียง ทั้งหมดถือเป็นความฝันสูงสุด แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ส่วนการต่อสู้คดีในโครงการรับจำนำข้าวนั้น คาดหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม เพราะทุกอย่างอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาคดี สิ่งใดที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะร้องขอต่อศาล หวังว่าศาลจะเมตตาให้ความเป็นธรรม โดยเห็นว่าหากผู้ที่ดำเนินนโยบายได้รับผลเช่นนี้ ก็เชื่อว่าจะไม่มีใครกล้าดำเนินการ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน
"แต่ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อดิฉันได้ดำเนินการทุกอย่างแล้ว หวังว่าจะมีคนเข้าใจ มีคนเห็นใจและให้ความเป็นธรรมบ้าง ขอให้เห็นความตั้งใจ อย่ามองแค่ปลายทาง หลังจากนี้ไม่สามารถระบุได้ว่าผลการวินิจฉัยคดีจะออกมาในทางลบหรือไม่ แต่ก็พยายามเข้มแข็งตลอดเวลาที่ถูกดำเนินคดี และนำพยานขึ้นสู่ศาลทุกนัด ความเข้มแข็งเรามีขีดจำกัด ถ้าใครเจออย่างดิฉันก็คงจะหนักหนาเหมือนกัน หวังว่าอีกไม่กี่นัดที่เหลือจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคได้ และคงได้รับความยุติธรรม ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาให้กำลังใจที่หน้าศาลเกือบทุกนัดด้วยความยากลำบาก ขอบคุณในสิ่งที่เมตตาคนชื่อยิ่งลักษณ์มาโดยตลอด" นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าว
"พานทองแท้" ขอ "ยิ่งลักษณ์" อดทนสู้ต่อไป ห่วงร่ำไห้-ถูกกลั่นแกล้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
ทุกๆ ปีผมจะอวยพรวันเกิด โดยขอให้อาปูมีความสุขมากๆ ครับ
แต่มาปีนี้ จากภาพที่ทุกท่านได้เห็นตามสื่อต่างๆ ในช่วงเช้าที่ผ่านมา คงทำให้ผมไม่สามารถอวยพรอาปู ตามปกติวิสัยดังเช่นทุกๆ ปีที่ผ่านมาได้
ผมคงทำได้แค่เพียงบอกว่า ขอให้อาปูอดทนสู้ต่อไป ให้ยึดมั่นที่จะยืนเป็นเสาหลักให้กับพี่น้องประชาชนในฝั่งประชาธิปไตย ดังเช่นที่อาปูได้ยึดมั่นและปกป้องระบอบประชาธิปไตยจนกระทั่งนาทีสุดท้าย ก่อนที่จะถูกปลายกระบอกปืนปล้นอำนาจไป
"ไม่มีใครอยากที่จะร้องไห้ในวันเกิดของตัวเอง" ครับ ถ้ามันไม่เหลืออดจริงๆ โดยเฉพาะการร้องไห้ในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ไปทำบุญวันเกิดเช่นนี้
หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง โดยเฉพาะพระสยามเทวาธิราช ที่ทรงคอยปกปักรักษาบุคคลที่พูดดี คิดดี และทำดี ผมเชื่อว่าท่านจะมองเห็น และรู้ว่าใครที่ตั้งใจทำประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง และใครที่เล่นละครตบตาชาวบ้าน ตระบัดสัตย์ และไม่เคยยึดมั่นทำตามในสิ่งที่ตัวเองพูด เอาแต่สนับสนุนให้พรรคพวกตัวเอง ผลาญงบประมาณของประเทศชาติไปวันๆ
ผลการตัดสินในคดีของอาปู คงไม่มีใครกล้าไปก้าวล่วง หรือคาดเดาผลการตัดสินล่วงหน้า คงได้แต่หวังว่าจะได้รับความเมตตาจากศาล ที่ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม
สำหรับพวกผู้ชายอก 3 ศอก ที่คอยกลั่นแกล้งผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งจนต้องร้องไห้ออกมาในวันมงคลของตัวเอง ณ สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์
สักวันหนึ่งที่กรรมตามทัน ก็ขอให้ท่านก้มหน้ารับกรรม ในสิ่งที่ท่านได้ก่อไว้เองด้วยเทอญ _/\_
วันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2560
"วัฒนา" กังวลรัฐสั่งสถาปนิก-วิศวกรจีนคุมรถไฟฟ้าความเร็วสูง
"นี่นะ ธรรมาภิบาล"
คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 30/2560 เรื่อง การดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา คือตัวอย่างของการละเมิดธรรมาภิบาลจากเจ้าของคำถาม 4 ข้อที่เพิ่งตั้งคำถามคนอื่นและยังไม่หมดเวลาตอบ เพราะการออกคำสั่งให้สถาปนิกและวิศวกรจีนทำงานโดยไม่ต้องมีใบอนุญาตคือการละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพที่มีขึ้นเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของประชาชนอันถือเป็นการละเมิดหลักนิติธรรม การออกคำสั่งให้สภาวิชาชีพทั้งสองจัดหลักสูตรและอบรมให้กับคนต่างชาติเท่ากับรัฐกำลังแทรกแซงและมีอำนาจเหนือสภาวิชาชีพ ส่วนการออกคำสั่งให้ยกเว้นการปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างคือการขาดความโปร่งใส ขาดการมีส่วนร่วมและขัดต่อหลักความรับผิดชอบที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ คำสั่งดังกล่าวคือการไม่เคารพกฎหมายของตัวเองทั้งยังละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศตามนโยบายเปิดเสรีทางการค้าและบริการของ WTO
ผมเชื่อว่าคนไทยยอมรับได้ว่าบางโครงการที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีระดับสูง มีความจำเป็นที่จะต้องใช้สถาปนิกหรือวิศวกรต่างชาติเพราะมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์โดยตรงมากกว่า แต่ทุกอย่างสามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายโดยยึดหลักธรรมาภิบาลแบบที่ชอบอ้างได้ ตัวอย่างคือการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งออกแบบโดยนายเฮลมุต ยาห์น สถาปนิกชาวอเมริกัน-เยอรมัน และบริษัทเมอร์ฟี่/ยาห์น มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองชิคาโก โดยมีวิศวกรควบคุมงานเป็นต่างชาติเช่นกัน ก่อนดำเนินการรัฐบาลทักษิณได้นำเรื่องนี้ไปหารือสภาสถาปนิกและสภาวิศวกร ถ้าผมจำไม่ผิดทั้งสองสภาวิชาชีพได้ออกใบอนุญาตประเภท "ภาคีสถาปนิกพิเศษ" และ "ภาคีวิศวกรพิเศษ" ให้กับผู้ออกแบบและผู้ควบคุมงาน จึงทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและไม่มีชาติใดในโลกถือเอาเหตุนี้มาอ้างได้ว่ารัฐบาลทักษิณเลือกปฏิบัติ เพราะผู้ออกใบอนุญาตดังกล่าวเป็นสภาวิชาชีพที่รัฐบาลแทรกแซงไม่ได้ ส่วนบริษัทที่ทำการก่อสร้างคือบริษัทของคนไทยที่ได้งานโดยชนะการประกวดราคา ทั้งหมดผมเรียกมันว่า มารยาท การให้เกียรติ และการใช้สติปัญญาในการบริหารประเทศอย่างโปร่งใสของรัฐบาลที่มาจากประชาชน
"นปช." สับ "กปปส." ไร้อนาคต ข่มขู่ขวางเลือกตั้ง-ลากประยุทธ์อยู่ยาว
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กล่าวว่า ไม่แปลกใจที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.พยายามแสดงตัวเป็นหุ้นส่วนอำนาจของคสช.มาตลอด คงคิดว่าไม่มีอะไรหอมหวานเท่าอยู่ในวงจรอำนาจที่ต่างคนต่างยกย่องพวกเดียวกันเองว่าเป็นคนดี กระบวนการตรวจสอบเป็นเพียงการแสดง ความรับผิดชอบ เป็นอัมพาต เพราะเมื่อพ้นอำนาจก็มีกฎหมายนิรโทษกรรมรอไว้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ คนที่เคยเห็นด้วยและเดินตามลุงกำนันต่อสู้ทางการเมืองโดยเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าบ้านเมืองจะดีขึ้นนั้น ยังเชื่อแบบเดียวกันหรือไม่ เช่น เคยค้านระบบพวกพ้องเพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ตอนนี้มีการแต่งตั้งพรรคพวก ลูก เมีย ญาติมิตรบริวารเต็มทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ รังเกียจ ส.ส.กดบัตรแทนกันก็ได้ สนช.ขาดลงมติมหาศาล ต่อต้านรถไฟความเร็วสูงเพราะไม่ยอมให้กู้เงิน กลัวเป็นหนี้ ตอนนี้ก็ยังต้องกู้แถมมีมาตรา 44 ยกเว้นกฎหมายหลายฉบับ หลักธรรมาภิบาลขาดใจตาย ทำไปแล้วเกิดข้อผิดพลาดไม่รู้จะหาใครที่ไหนรับผิดชอบ นี่ใช่สิ่งที่หวังว่าจะเดินมาถึงใช่หรือไม่?
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเชื่อมั่นในประชาชนเสมอ และเห็นมาตลอดว่า ความขัดแย้งของเจ้าของอำนาจอธิปไตยคือพื้นที่และโอกาสของอำนาจเผด็จการ เมื่อสถานการณ์มาถึงวันนี้สังคมไทยเรียนรู้ร่วมกันแค่ไหน ถ้าเชื่อแบบนายสุเทพก็เป็นสิทธิ์และต้องพิสูจน์ทราบกันต่อไป แต่ในห้วง 10 ปีนี้ตนมองเห็นวิธีคิดแบบเดียวกับนายสุเทพในบทบาทของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จนในที่สุดก็พอจะเห็นภาพว่า ฝ่ายกุมอำนาจเขามองเป็นหุ้นส่วนหรือม้าใช้ อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้ต้องการเปิดฉากวิวาทะหรือตอกย้ำชะตาชีวิตใคร แต่เห็นว่าเรื่องแบบนี้ควรคุยกันชัดๆ เพราะบางกลุ่มที่กำลังขับเคลื่อนเกมอำนาจอาจคิดว่าประชาชนคือของง่าย แต่ตนคิดต่างและมั่นใจว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมาเป็นบทเรียนอย่างดี เราอาจคิดต่างกันหรือเกลียดกันก็ได้ แต่เอาสิ่งเหล่านี้ไปทำลายหลักการไม่ได้ เพราะเมื่อหลักการถูกทำลายก็จะได้สิ่งที่ไร้หลัก ไร้ทิศทาง ไร้อนาคต จนถึงวันนี้ยังมีการข่มขู่ว่าจะขวางการเลือกตั้ง วางแนวทางต่อท่ออำนาจ ทั้งที่ความเป็นอยู่ ปากท้องของประชาชนก็หาความหวังไม่ได้
"เมื่อนายสุเทพประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้ง ผมก็ขอประกาศไม่สนับสนุน และยืนยันว่านายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง การแก้ปัญหาที่ถูกทางของประเทศต้องทำบนหลักการประชาธิปไตย ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ถ้าทำภารกิจปรองดอง ปฏิรูป ปราบคอรัปชั่นไม่สำเร็จก็ไม่ควรคิดไปต่อ แต่ควรชวนนายสุเทพมานั่งคิดว่า ที่ทำกันมาจนถึงวันนี้จะรับผิดชอบอย่างไร?" นายณัฐวุฒิกล่าว
"เพื่อไทย" เตือน ม.44 ให้สิทธิพิเศษรถไฟฯจีน กระทบความเชื่อมั่น
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ตอบคำถามผู้สื่อข่าว กรณี กรธ. กับ กมธ. พ.ร.ป.พรรคการเมือง มีความเห็นไม่ตรงกันประเด็นไพรมารี่โหวต กับกรณีนายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 ให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศจีนในโครงการรถไฟความเร็วสูง โดยมีความเห็นต่อ 2 กรณีดังกล่าว ดังนี้
ประเด็นแรก ตนเห็นว่า ไม่ว่ากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไร หากมีสาระไม่ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ตนรับได้ ทุกภาคส่วนควรช่วยกันประคับประคองบ้านเมืองให้เดินไปตามโรดแมป เพื่อให้มีก้าวแรกก่อน แล้วค่อยๆ คลี่คลายปัญหาไปตามลำดับความเร่งด่วน
ประเด็นที่ 2 ตนไม่สบายใจ และคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็ไม่สบายใจ กล่าวคือ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว หลังจากนี้ ไม่ควรมีการใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรระมัดระวังอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังหมิ่นเหม่ต่อการขัดกับระบบนิติธรรม และกระทบต่อเกียรติภูมิของประเทศ ซึ่งส่งผลถึงการขาดความเชื่อมั่นที่สังคมโลกจะมีต่อประเทศไทย
และประเด็นกรณีนายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 ให้สิทธิพิเศษแก่ประเทศจีนในโครงการรถไฟความเร็วสูง นั้น ตนเห็นว่าน่าจะส่งผลให้นานาประเทศที่มีเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงขาดโอกาสในการแข่งขัน ซึ่งจะส่งผลตามมาอย่างร้ายแรง คือ ประเทศไทยจะขาดความเชื่อมั่นในสังคมโลกว่ากระบวนการในระบบกฎหมายของไทยไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม โดยเฉพาะในการทำนิติสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ประการสำคัญ หลักธรรมาภิบาล ซึ่งปรากฏอยู่ในคำถาม 4 ข้อ ที่นายกรัฐมนตรีได้สอบถามความเห็นประชาชนจะถูกทำลายลงจากการออกคำสั่งดังกล่าวเสียเอง หรือไม่?
นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติมว่า "ตนเคยเสนอความเห็นต่อสาธารณะไว้หลายครั้งว่า การจะแก้ปัญหาหลายๆ ปัญหาของประเทศ ต้องค้นหัวใจของปัญหาให้พบ ซึ่งตนเห็นว่าหัวใจของปัญหาของประเทศไทยในขณะนี้ คือ ปัญหาการเมือง การปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และไม่มีเสถียรภาพ ถึงจะพยายามกล้อมแกล้มทำให้เสมือนจะเป็นประชาธิปไตย ก็เป็นแค่ประชาธิปไตยครึ่งใบ ซึ่งต่างชาติเขามองประเทศไทยทะลุปรุโปร่ง ว่า การเมืองการปกครองของประเทศไทยไม่มีเสถียรภาพ ความเชื่อมั่นจึงมีน้อย ทำให้โอกาสในการลงทุนจึงมีน้อยตามไปด้วย"
นายชวลิต กล่าวในที่สุดว่า "ไม่มีใครจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับบ้านเมืองของเราได้ นอกจากประชาชนคนไทยด้วยกันเองที่จะตกผลึกทางความคิด ร่วมกันนำพาบ้านเมืองออกจากวิกฤตอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ขณะนี้คนไทยส่วนใหญ่ระดับรากหญ้า ซึ่งได้แก่เกษตรกรและผู้ใช้แรงงาน หาเช้ากินค่ำ กำลังเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง รายรับไม่พอกับรายจ่าย หากหลายภาคส่วนยังไม่ตระหนักถึงปัญหาส่วนรวมของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชนดังกล่าว ยังสร้างความขัดแย้ง สร้างวาทกรรมระหว่างกันไม่จบสิ้น ก็ไม่สามารถหลุดจากกับดักแห่งความขัดแย้งไปได้ ขอวิงวอนให้ทุกภาคส่วนร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับประเทศให้เห็นหนทางว่าประเทศของเราจะเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีเสถียรภาพ ปัญหาเศรษฐกิจก็จะได้รับการคลี่คลายโดยเร็ว"
วันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2560
"อนุสรณ์" ติง4คำถามยุ่งยาก-แนะถามคำเดียว ประชาชนเลือกใคร?
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุ มีประชาชนแสดงความคิดเห็นต่อคำถาม 4 ข้อของนายกรัฐมนตรี จำนวน 47 คน โดย 30 คน คิดว่า การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะไม่ได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ขอให้นายกรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดำรงตำแหน่งต่อไป เพื่อจะได้ปฏิรูปประเทศให้แล้วเสร็จ ซึ่งถูกสื่อนำไปขยายจนเกิดความสับสน ว่า "ไม่เข้าใจว่าท่านรองปลัดฯ กำลังทำอะไร คิดอะไรอยู่ ท่านถามคนอีก 60 กว่าล้านคนหรือยัง? ว่าเห็นด้วยกับคน 30 คนนั้นหรือไม่? ท่านกำลังทำให้คนเข้าใจผิดอะไรหรือไม่? การนำความเห็นของคน 30 คนมาอธิบายราวกับว่าเป็นเสียงของคนทั้งประเทศ สร้างความสับสนและประชาชนไม่ได้ประโยชน์ ท่านจะตีปี๊บ ปฏิบัติการ IO ก็ควรจะอยู่ในความพอเหมาะพอควร ถามว่าการปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารแบบนี้ได้มาตรฐานการทำงานหรือไม่? การรับฟังเสียงของประชาชนที่ดีที่สุด ต้องฟังผ่านการเลือกตั้ง ถึงวันนั้นประชาชนจะตอบคำถามท่านเองว่า เขาต้องการให้ใครเข้ามาเป็นตัวแทนของเขาในการบริหารประเทศ คำถามเดียวสั้นๆ ไม่ต้องใช้ถึง 4 คำถาม งานของท่านรองปลัดฯ และสำนักนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในความรับผิดชอบได้ดำเนินการครบถ้วนสมบูรณ์ดีหรือไม่? ทำไมถึงต้องออกมาตีปี๊บเรื่องนี้ แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ยังออกมาปฏิเสธหลายครั้งว่า การให้ประชาชนตอบ 4 คำถาม ไม่เกี่ยวกับการเลื่อนโรดแมป เลื่อนการเลือกตั้ง หรือต้องการสืบทอดอำนาจ ซึ่งหากรัฐบาลและ คสช. ต้องการสร้างความเชื่อมั่นต่อภาคธุรกิจ การลงทุน และประชาชน ก็ควรจะเร่งประกาศวันเลือกตั้ง และนับถอยหลังสู่การกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยที่เป็นสากล ไม่ใช่ปล่อยให้เครือข่าย ออกมาสร้าง IO เอาอกเอาใจ โดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ซึ่งเป็นผลเสียหายมากกว่า"
วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2560
ปล่อยตัว "พิชัย" แล้ว แนะ คสช. ฟังคนเห็นต่าง
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และคณะทำงานฝ่ายเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ออกมาจาก กองทัพภาคที่ 1 แล้ว ในเวลา 14.35 น. โดยวันนี้ เวลา 11.48 น. ทหารได้มารับตัวที่บ้านเพื่อนำไปกองทัพภาคที่ 1 และใช้เวลาพูดคุยประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างราบรื่น และให้เกียรติ โดยมี พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 และทีมเศรษฐกิจของ คสช. นำโดย ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล เข้ารับฟังและแลกเปลี่ยนความเห็น โดยตนเองได้เสนอ 6 แนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ และเตรียมพร้อมสำหรับรัฐบาลที่จะมาจากประชาชน ดังนี้
1) เร่งแก้เสาหลักเศรษฐกิจที่เสื่อม และเร่งสร้างความมั่นใจของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยหาทางเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆ โดยเร็ว หากยังเจรจาไม่ได้ก็ให้เร่งเตรียมการหลังมีรัฐบาลจากประชาชนจะได้เจรจาได้ทันที
2) เร่งสร้างบรรยากาศที่เป็นปกติ และไม่กดดัน โดยเปิดเสรีให้แสดงความคิดเห็น ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ ไม่จับประชาชนที่เห็นต่างอย่างไม่มีเหตุผล เพื่อสร้างความเชื่อถือของนานาชาติ
3) ให้เสรีภาพแก่สื่อ โดยให้มีการควบคุมกันเองเหมือนเดิม เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดีของประเทศ
4) ทบทวนกฎหมายที่เป็นอุปสรรคสำหรับธุรกิจในอนาคต เช่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และซิงเกิลเกตเวย์ ที่ทำให้ธุรกิจที่มีเทคโนโลยีสูงไม่มาลงทุนในไทย และจะเป็นอุปสรรคในการพัฒนา ไทยแลนด์ 4.0 และต้องปรับตัวตามทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
5) เร่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เช่น เกษตรกร และกรรมกร โดยเพิ่มให้รายได้เพิ่มต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่แจกเงิน
6) เร่งกลับสู่รัฐบาลจากประชาชนเพื่อให้ต่างประเทศยอมรับ
นายพิชัย กล่าวต่อไปว่า "อยากให้ คสช. เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม โดยอยากเห็นประเทศไทยกลับมาแข่งขันในเวทีโลกได้อีกในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งนี้ คสช. ได้ขอให้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างสร้างสรรค์ และมีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ เพื่อนำไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานทางเศรษฐกิจ"
1) เร่งแก้เสาหลักเศรษฐกิจที่เสื่อม และเร่งสร้างความมั่นใจของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยหาทางเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆ โดยเร็ว หากยังเจรจาไม่ได้ก็ให้เร่งเตรียมการหลังมีรัฐบาลจากประชาชนจะได้เจรจาได้ทันที
2) เร่งสร้างบรรยากาศที่เป็นปกติ และไม่กดดัน โดยเปิดเสรีให้แสดงความคิดเห็น ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ ไม่จับประชาชนที่เห็นต่างอย่างไม่มีเหตุผล เพื่อสร้างความเชื่อถือของนานาชาติ
3) ให้เสรีภาพแก่สื่อ โดยให้มีการควบคุมกันเองเหมือนเดิม เพื่อสร้างภาพพจน์ที่ดีของประเทศ
4) ทบทวนกฎหมายที่เป็นอุปสรรคสำหรับธุรกิจในอนาคต เช่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และซิงเกิลเกตเวย์ ที่ทำให้ธุรกิจที่มีเทคโนโลยีสูงไม่มาลงทุนในไทย และจะเป็นอุปสรรคในการพัฒนา ไทยแลนด์ 4.0 และต้องปรับตัวตามทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
5) เร่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เช่น เกษตรกร และกรรมกร โดยเพิ่มให้รายได้เพิ่มต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่แจกเงิน
6) เร่งกลับสู่รัฐบาลจากประชาชนเพื่อให้ต่างประเทศยอมรับ
นายพิชัย กล่าวต่อไปว่า "อยากให้ คสช. เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม โดยอยากเห็นประเทศไทยกลับมาแข่งขันในเวทีโลกได้อีกในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งนี้ คสช. ได้ขอให้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างสร้างสรรค์ และมีข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ เพื่อนำไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขการดำเนินงานทางเศรษฐกิจ"
"เรืองไกร" ยื่นสอบร่างกฏหมายยุทธศาสตร์-ปฏิรูป ขัดรัฐธรรมนูญ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายสงัด ปัถวี รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบและเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อศาลปกครองว่าการเสนอและการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. การจัดทำยุทธศาสตร์ พ.ศ... และร่าง พ.ร.บ. แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ... เข้าลักษณะเป็นกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 231 (2) หรือไม่?
โดยนายเรืองไกรกล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติ 2 ฉบับ ดังกล่าวทราบว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะมีการพิจารณาวาระสองและสามในวันที่ 22 มิ.ย. นี้ แต่จากที่ตนได้ตรวจสอบ พบว่าคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎหมายทั้งสองฉบับเมื่อวันที่ 4 เม.ย. และนายกรัฐมนตรีลงนามหนังสือถึงประธาน สนช. ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวให้พิจารณาในวันเดียวกัน และเมื่อมาตรวจสอบในส่วนของเหตุผลประกอบร่างกฎหมายดังกล่าวก็พบว่า มีการอ้างบทบัญญัติมาตรา 65 ของรัฐธรรมนูญ 60 ในการตรา พ.ร.บ. การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติพ.ศ.... และบทบัญญัติมาตรา 259 ในการตรา พ.ร.บ. แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ ทั้งที่ในวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวไปยัง สนช. รัฐธรรมนูญ 60 มาตรา 65 และมาตรา 259 ยังไม่มีผลใช้บังคับ การระบุ เหตุผลในการตราร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับจึงไม่ถูกต้อง เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 60 มีการประกาศและมีผลบังคับใช้ในวันที่ 6 เม.ย. จึงเห็นว่าการเสนอและการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับ โดยอ้างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 60 ก่อนที่จะมีผลใชับังคับนั้นเข้าข่ายเป็นกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญมาตรา 231(2)
"ฝากถึงคณะรัฐมนตรี และ สนช. ว่าจะทำยังไงก็ได้ ขอให้นำร่างนี้กลับไปพิจารณาใหม่ ร่างกฎหมาย 2 ฉบับนี้ไปต่อไม่ได้ เพราะ สมัยที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็น สนช. และนายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธานวุฒิสภา มีการเสนอร่าง พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยทักษิณ ตัวเนื้อกฎหมาย หรือตัวบทกฎหมายไม่ได้มีปัญหา แต่มีการอ้างวรรคกฎหมายผิด นายวิษณุ ก็อภิปรายเอง เรื่องพวกนี้จะผิดและปล่อยผ่านไปไม่ได้ ดังนั้นร่างพระราชบัญญัติ 2 ฉบับที่ สนช. กำลังจะมีการพิจารณาวาระสาม ในวันที่ 22 มิ.ย. จึงไม่ควรที่จะเป็นการพิจารณาเพื่อตราเป็นกฎหมาย เพราะถ้าเลยไปถึงชั้นนั้นก็ต้องมีการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ ที่ประชุม สนช. จึงควรพิจารณาคว่ำร่าง หรือถ้าจะให้เกิดผลเสียน้อยที่สุดคณะรัฐมนตรี ก็ควรจะเสนอขอถอนร่างกลับไป เพื่อนำไปให้ ครม. พิจารณาใหม่ให้ถูกต้องและเสนอกลับมาให้ สนช. พิจารณาทีเดียว 3 วาระรวดก็ได้" นายเรืองไกร กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากดำเนินการเช่นนี้ ก็จะทำให้ผู้ตรวจหมดประเด็นที่จะวินิจฉัยและสั่งยุติเรื่องได้เช่นกัน รวมถึงการนำร่างกฎหมายไปพิจารณาใหม่ก็ไม่น่าทำให้การออกกฎหมายดังกล่าวช้าจนเกินกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วันนับแต่รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้
"ยิ่งลักษณ์" แจงเหตุระเบิดไม่เกี่ยว "ทักษิณ"
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมทีมทนาย เดินทางมาสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดที่ 13 ในคดีโครงการรับจำนำข้าว โดยมีอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรคและอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้แก่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมว.ประจำสำนักนายกฯ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย นางสาวขัตติยา สวัสดิผล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย และนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 20 เดินทางมาให้กำลังใจ โดยมีการรักษาความปลอดภัยจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 จำนวน 1 กองร้อย
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงเวลา 09.00น.โดยมีประชาชนมารอให้กำลังใจและร่วมกันร้องเพลงอวยพรวันเกิดล่วงหน้า โดยมอบช่อดอกไม้ให้กับ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่จะมีอายุครบรอบ 50 ปี ในวันที่ 21 มิถุนายนนี้
นางสาวยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีพบภาพ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพักและบัตรประจำตัวของผู้ต้องหาในคดีไปป์บอมบ์ รพ.พระมงกุฎฯ ว่า "ต้องเรียนว่า ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี แน่นอนว่าก็ต้องมีคนรู้จัก มีคนรักหรือคนชอบเป็นธรรมดา แต่ไม่ได้หมายความว่ามีรูปท่านแล้ว ท่านจะสนับสนุนการใช้กำลังหรือการใช้ความรุนแรง ก็อยากขอความกรุณาอย่าเพิ่งเชื่อมโยง ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำหน้าที่สืบสวน และพิสูจน์พยานหลักฐานให้สิ้นสุดก่อน ทั้งนี้ ดร.ทักษิณ ชินวัตร ไม่เคยสนับสนุนการใช้กำลังหรือความรุนแรง และพรรคเพื่อไทยก็ประณามผู้ที่ใช้ความรุนแรง และเราไม่เห็นด้วยกับการกระทำแบบนี้"
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุถึงเพจยิ่งลักษณ์บนเฟซบุ๊ก ว่ายอดกดไลค์ 6 ล้านไลค์ ใครๆก็ทำได้นั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ หัวเราะก่อนกล่าวว่า "ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณแฟนเพจยิ่งลักษณ์ รวมถึงพี่น้องประชาชนที่เข้ามาติดตามข่าวสาร อย่างไรก็ตาม ว่างๆ ก็อยากให้เข้าไปดูเพจยิ่งลักษณ์ก็แล้วกันว่าตลอดเวลาที่เราเปิดเพจมาตลอด 7 ปี เป็นความรัก ความผูกพันที่มีต่อแฟนเพจและประชาชน ก็ลองไปเปิดดู ก็จะเห็นว่าทุกคนเข้ามาพูดกันด้วยความรักความผูกพัน ว่างๆก็อยากให้ไปเปิดดู"
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการจับกุมคนที่รับจ้างปั่นยอดไลค์ ซึ่งก็อาจจะมีการเชื่อมโยงไปได้ นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า "อย่างมองแฟนเพจยิ่งลักษณ์แบบนั้นเลย ใครได้ยินเขาจะเสียใจแย่"
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รัฐบาลใช้มาตรา 44 เดินหน้าโครงการสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า "ตรงนี้เรายังไม่เห็นรายละเอียดว่าอย่างไร แต่ก็อยากให้เร่งรัดในเรื่องของการลงทุนเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เพราะตรงนี้จะเป็นสิ่งจำเป็นในการที่จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจของเราดีขึ้น เพราะขณะนี้พี่น้องประชาชนต้องการในเรื่องของการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ทั้งนี้ การใช้มาตรา 44 นั้นอยากให้มีกระบวนการในการจัดการ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบ และเพื่อความโปร่งใส"
ผู้สื่อข่าวถามถึงคำถาม 4 ข้อของ พล.อ.ประยุทธ์ นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า "เชื่อว่าประชาชนคงใช้สิทธิตอบคำถาม แต่ส่วนตัวมองว่าคำถาม 4 ข้อค่อนข้างจะชี้นำบ้าง แต่อยากให้ประชาชนได้ให้ข้อมูลอย่างเต็มที่เพื่อหาทางออกร่วมกัน ซึ่งถ้ากลไกของรัฐธรรมนูญทำงานได้สมบูรณ์ ก็จะได้รัฐบาลที่ดีและมีธรรมาภิบาล การแก้ไขปัญหาต่างๆคงไม่สามารถหยุดทุกอย่างแล้วมาแก้อย่างเดียวโดยที่ประเทศชาติเดินไม่ได้ เราต้องร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปรับปรุง และขอให้กลไกนั้นเดินตามไปปกติ ทั้งนี้ ส่วนจะตอบคำถาม 4 ข้อด้วยตัวเองหรือไม่นั้น อยากให้ประชาชนเป็นผู้ตอบคำถามดีกว่า ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะเป็นการชี้นำ และขอพิจารณาอีกครั้งว่าจะตอบคำถาม 4 ข้อผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเหมือนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ หรือไม่ แต่เห็นผู้มีอำนาจไม่อยากให้ แต่ละแฟนเฟจพูดเรื่องการเมืองไม่ใช่หรือ?"
นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงการเปิดพื้นที่ให้นักการเมืองทำกิจกรรมว่า "การให้ทุกคนมีส่วนร่วมทั้งสื่อมวลชนและนักการเมืองนั้น ควรเปิดพื้นที่กว้างให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมกับการแสดงความคิดเห็น ซึ่งจะเปิดให้พรรคการเมืองดำเนินการได้แล้วหรือไม่ คงอยู่ที่คสช.จะพิจารณา แต่ก็อยากเปิดโอกาสให้นักการเมืองได้แสดงความคิดเห็นได้โดยตรง"
นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงการเซ็ตซีโร่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กตต.) จะกระทบกับการเลือกตั้งหรือไม่ว่า "คิดว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องของผลกระทบต่างๆ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่ารัฐบาลจะรักษาโรดแม็ปตามที่ได้สัญญาไว้"
วันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2560
"นพดล" แนะรัฐอุดช่องโหว่กฎหมายคุ้มครองเด็ก
นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า จากการเสียชีวิตของเด็กอายุ 12 ขวบ ที่ถูกแม่ทำร้ายต่อเนื่องจนเสียชีวิตแล้วนำศพถ่วงน้ำ รู้สึกสลดใจ อยากขอเรียกร้องรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางแก้ไขไม่ให้มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นกับเด็กไทยคนใดอีก อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก คนไทยทุกคนมีหน้าที่ปกป้องชีวิตของเด็ก และต้องทำในส่วนที่ทำได้ ซึ่งหลายกรณีถ้าเจ้าหน้าที่ทราบเรื่อง อาจช่วยชีวิตไว้ได้ทัน วิธีหนึ่งคือการแก้กฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กปี 2546 ซึ่งยังมีช่องโหว่ที่ควรแก้ไข เพื่อช่วยรักษาชีวิตเด็กไม่ให้ถูกทำร้ายจนตายอย่างน้องรุ้ง หรือลดจำนวนให้น้อยลง อย่างน้อย 4 ประเด็นคือ
1) แก้ไขมาตรา 29 เพิ่มหน้าที่ให้ผู้ใดที่พบเห็นเด็กที่อยู่ในสภาพที่ต้องได้รับการดูแลต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ภายใน 24 ชั่วโมง
2) ให้รางวัลแก่พลเมืองดีผู้แจ้ง โดยจ่ายจากกองทุนคุ้มครองเด็ก ในอัตราที่กำหนด เพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการแจ้งการทารุณกรรมต่อเด็กให้เจ้าหน้าที่รับทราบ
3) ควรเพิ่มสภาพบังคับของมาตรา 29 โดยอาจกำหนดบทลงโทษ ในกรณีที่มีผู้พบเห็นเด็กที่ต้องได้รับความช่วยเหลือ และตัวเองสามารถแจ้งได้โดยไม่มีภยันตรายต่อตัวเองแต่ไม่แจ้ง
4) มีมาตรการคุ้มครองพลเมืองดีที่แจ้งถึงการกระทำต่อเด็กดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อไม่ให้พลเมืองดีเดือดร้อน
นายนพดล กล่าวต่อไปว่า "ตนหวังว่ารัฐบาล หรือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือสมาชิก สนช. จะพิจารณาหาทางคุ้มครองเด็กผู้น่าสงสาร ที่อาจโชคร้ายอยู่ในเงื้อมมือของผู้ปกครอง หรือถูกกระทำทารุณกรรม โดยแก้กฎหมายที่จำเป็น และในระหว่างนี้ควรใช้มาตรการในการบริหารสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ อปท. ไปสำรวจในพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบ ว่ามีกรณีที่เด็กอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการถูกทารุณกรรมหรือไม่ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนแก้กฎหมาย"
"วัฒนา" แถลงไม่หยุดวิจารณ์รัฐ-เดินหน้าสู้คดีบ้านเอื้ออาทร
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า เมื่อเวลา 10.00น. ที่ผ่านมา นายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน หลังมีข่าวว่า ป.ป.ช. ชี้มูลโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยนายวัฒนา ระบุว่า เป็นเรื่องการเมือง เป็นความพยายามของผู้มีอำนาจโดยนำเรื่องคดีมาบีบไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องคดีก็ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม เวลาตนวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ เคยระบุ นักการเมืองบางคนไม่กลัวหรือ? ยังมีคดีอยู่ใน ป.ป.ช."
"โดนชกก็เคยมาแล้ว ขึ้นศาลทหารก็ขึ้นมาแล้ว หากรัฐบาลทำให้ดี ผมคงจะวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ แต่ทำบ้านเมืองเสียหาย ทำให้ประชาชนทุกข์ยาก ยังเอาเงินไปซื้อรถถัง กำลังซื้อภาคประชาชนตก เศรษฐกิจกำลังจะหายนะ อย่ามาสร้างประเด็น เอาเวลาไปทำอย่างอื่น การที่นักลงทุนปฏิเสธการลงทุน ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมาก อะไรที่เห็นว่าเป็นธรรมก็ทำไป อะไรเป็นเรื่องคดีก็พร้อมสู้คดี ไม่ขอใช้อภิสิทธิ์ เรื่องคดีกับเรื่องวิพากษ์วิจารณ์เป็นคนละเรื่องกัน" นายวัฒนา กล่าว
"สุรสาล" ถามความเหมาะสมรัฐตั้งโฆษก6คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรสาล ผาสุข อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสิงห์บุรี พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
มีความ "จำเป็น" และ "ความเหมาะสม" เพียงใด?
อนุสนธิจากการที่ครม.อนุมัติให้มีโฆษกประจำตัวรองนายกฯทั้ง 6 คนและโฆษกประจำสำนักนายกฯได้แถลงให้สื่อฯทราบแล้วนั้น มีประเด็นที่ผมขอตั้งเป็นข้อสังเกตกลับไปยังครม.ดังนี้
1. มีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด? เพราะปัจจุบันก็มีโฆษกมากมายจนแทบเดินชนกันตายอยู่แล้วมีทั้งโฆษกประจำสำนักนายกฯและรองโฆษกฯ โฆษกและรองโฆษกประจำคสช. โฆษกฯและรองโฆษกฯประจำกระทรวงฯจะให้ใครแถลงผลงานหรือประชาสัมพันธ์อะไรก็เลือกเอาที่สำคัญบางคนเป็นรองนายกฯมา3ปีแล้วไม่เห็นมีผลงานอะไร?
2. ที่ตั้งมานั้นมีความเหมาะสมหรือไม่? เพราะทุกคนมีตำแหน่งหน้าที่อื่นอยู่แล้วเช่นโฆษกประจำตัวพล.อ.ธนศักดิ์ก็เป็นปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ โฆษกประจำตัวดร.สมคิดมี2คนๆหนึ่งเป็นผู้ช่วยประจำสำนักนายกฯอีกคนเป็นหลานแท้ๆของดร.สมคิดเอง
3. ขัดต่อหลักธรรมาภิบาลในการบริหารประเทศในเรื่องของความโปร่งใสหรือไม่? เพราะมีการรับค่าตอบแทนและเงินประจำตำแหน่งเต็มจำนวน โดยผู้ที่แต่งตั้งเข้ามารับเงินทั้งตำแหน่งที่เป็นอยู่เดิมและตำแหน่งโฆษกฯโดยตำแหน่งโฆษกฯถ้าใช้อัตราเดียวกับโฆษกประจำสำนักนายกฯจะได้รับเงินเป็นค่าตอบแทน 45,000.-บาท และเงินประจำตำแหน่งอีก 10,000.- บาท รวมเป็น 55,000.-บาท
ตั้งงบประมาณขาดดุลเป็นแสนล้าน ประชาชนหน้าแห้งกินอยู่อย่างประหยัด พวกท่านเพราๆลงบ้างได้ไหมเอาแต่พอเหมาะพอสมและพอเพียงครับ
วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560
"พิชัย" ขอรัฐหยุดกลั่นแกล้ง-เรียกเข้าค่าย หลังตอบ4คำถามประยุทธ์
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า "ตามที่ พ.ท.พีรยุทธ์ เศวตเศรนี ของ คสช. โทรแจ้งว่าจะมารับตัวในวันศุกร์ตอนเที่ยง เพื่อเข้าไปในกองทัพภาคที่ 1 นั้น ตนได้สอบถามกลับไปยัง พ.ท.พีรยุทธ์ ว่าถูกเรียกเพราะสาเหตุใด? แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ ทั้งนี้เพราะตั้งแต่ถูกเรียกและยกเลิกไปคราวที่แล้ว ก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไร นอกจากการตอบ 4 คำถามของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งถามต่อสาธารณะเอง และออกมาเตือนเรื่องค่าเงินบาทแข็งจะมีผลต่อการส่งออก โดยเสนอให้แบงค์ชาติลดดอกเบี้ย เพื่อให้ค่าเงินอ่อนลง และช่วยลดภาระของประชาชนและธุรกิจ อีกทั้งเตือนให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาหนี้เสียและการว่างงานที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำมานาน ซึ่งก็เป็นการให้แนวคิดตามข้อมูลที่ถูกต้องพร้อมข้อแนะนำ ตามโพลสำรวจที่ประชาชนอยากเห็น จึงไม่น่าที่จะต้องถูกเรียก ทั้งๆที่มีรัฐธรรมนูญใหม่แล้ว เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตน่าจะได้รับการเคารพ ซึ่งอาจทำให้ความเชื่อถือของนักลงทุนในต่างประเทศและในประเทศลดลงไปอีกได้"
นายพิชัย กล่าวต่อว่า "นอกจากนี้ไม่แน่ใจว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทราบหรือไม่? ว่ามีการเข้ามากลั่นแกล้งตรวจสอบบริษัทเครือญาติของตน ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนแล้ว เนื่องจากออกมาอยู่การเมือง ดังนั้นหากพลเอกประยุทธ์ไม่ทราบเรื่อง ก็ขอให้พลเอกประยุทธ์ ได้สั่งให้หยุดการกลั่นแกล้งดังกล่าวโดยทันที เพราะไม่ได้เป็นผลดีกับรัฐบาลแต่อย่างใด สุดท้ายสังคมจะดูว่ารัฐบาลทหารลุแก่อำนาจได้"
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)