วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558

“เพื่อไทย” หนุนทำประชามติรัฐธรรมนูญ ชี้ควรฟังเสียงหลายภาคส่วน เชื่อประชาชนได้ประโยชน์


เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2558 นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าเท่าที่ฟังเสียงของภาคส่วนต่างๆ ทั้งนักวิชาการ นักการเมือง ต่างเห็นพ้องว่าควรมีการทำประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ ที่กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ดำเนินการอยู่ แต่ก็ต้องขึ้นกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่าจะทำหรือไม่ ถ้ามีใจอยากที่จะทำไม่ใช่เรื่องยาก แต่เท่าที่ดูวันนี้เหมือนเขาไม่คิดที่จะทำ จึงไม่กระตือรือร้นหาช่องทาง "ขอยืนยันอีกครั้งว่า ควรที่จะทำประชามติถามความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ส่วนจะผ่านหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ระหว่างการดำเนินการ ก็จะมีนักวิชาการ หรือ กมธ.ยกร่างฯ ออกมาให้ความเห็นชี้แจงกับประชาชนถึงแง่มุมต่างๆ ว่าทำไมถึงเขียนรัฐธรรมนูญออกมาเช่นนี้ และผลที่จะตามมาเป็นอย่างไร ซึ่งตรงนี้จะเป็นประโยชน์กับประชาชนที่จะเข้าใจ รัฐธรรมนูญมากขึ้น" นายอุดมเดช กล่าว

อนุตตมา เผยเพื่อไทยกังวลเศรษฐกิจทรุดหนัก แนะ ประเทศเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ลดปัญหาการกีดกันการค้า


นางสาวอนุตตมา อมรวิวัฒน์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เป็นห่วงเศรษฐกิจไทยจะทรุดตัวลงต่อเนื่อง จากการส่งออกเดือนมีนาคมที่ติดลบร้อยละ 4.45 ซึ่งเป็นการติดลบ 3 เดือนติดกันโดยติดลบทั้งไตรมาสที่ลบร้อยละ 4.69 และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะเป็นบวกได้   หากการส่งออกยังไม่สามารถขยายตัวกลับมาเป็นบวกได้ ก็ยากที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ และอยากให้รัฐบาลได้วางแผนไปในอนาคตว่าจะทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้อย่างไร เพราะปัจจุบันการลงทุนจากต่างประเทศและในประเทศก็ลดลงโดยตลอด

และหากประเทศไทยโดนข้อหาการค้ามนุษย์ในธุรกิจประมงจะยิ่งทำให้การส่งออกทรุดลงอีก และอาจจะมีการกีดกันทางการค้าอื่นๆตามมาอีกได้ หากโรดแมปการเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยของไทยยังไม่ชัดเจน และรัฐธรรมนูญยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ทำให้เชื่อว่าโอกาสที่การส่งออกจะเพิ่มขึ้นในปีนี้จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย

ดังนั้นรัฐบาลควรหาทางแก้ไขความมั่นใจนี้อย่างเร่งด่วน และต้องคอยจับตาว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 1.5% จะมีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนแค่ไหน โดยธนาคารแห่งประเทศไทยต้องช่วยดูแลค่าเงินบาทให้สอดคล้องกับประเทศคู่แข่งหลังปรับลดดอกเบี้ยด้วยเพราะปัจจุบันค่าเงินบาทที่แข็งเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาการส่งออกที่ติดลบ –  สำนักข่าวไทย

วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

"พินทองทา-พานทองแท้" นำทีม มูลนิธิไทยคม จัดโครงการครูนักส่งเสริมการอ่าน

#TV24 มูลนิธิไทยคม องค์กรการกุศลที่ มุ่งส่งเสริมด้านการศึกษาและพัฒนาเยาวชนอย่างต่อเนื่อง จัดโครงการครูนักส่งเสริมการอ่าน ครั้งที่ 4 ตอน Read & Write I Can Teach ขึ้น เป็นการอบรมวิธีการใช้หนังสือให้กับคุณครูก่อนจะนาไปใช้จริง เพิ่มทักษะความรู้ให้ครูปฐมโรงเรียนขนาดเล็ก เข้าใจเทคนิคในการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนรักการอ่านและฝึกทักษะทางภาษาอังกฤษให้แก่นักเรียนได้ อย่างถูกต้อง เพื่อให้เด็กเกิดทักษะในด้านการอ่าน การฟัง การพูด การเขียน การคิดวิเคราะห์ และการสรุป ใจความสาคัญ โดยมีครู 50 ท่าน จาก 50 โรงเรียนทั่วประเทศ เข้าร่วมโครงการ ระหว่างวันที่ 28-30 เมษายน 2558 ณ โรงแรม SC PARK เวลา 09.00 – 17.30 น.

โดยได้รับเกียรติจาก คุณพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ กรรมการและเลขานุการ มูลนิธิไทยคม และคุณพานทองแท้ ชินวัตร เป็นประธานเปิดงาน โดยมี คุณกนิษฐ์ พรหมเสน บรรณาธิการบริหาร บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จากัด(มหาชน) อาจารย์กัณภิกา วังเปรม ผู้เชี่ยวชาญด้านการอบรมครูภาษาอังกฤษฯ กระทรวงศึกษาธิการ และคุณสุจิตร สุวภาพ จากสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ ให้เกียรติเป็นวิทยากรพิเศษ




วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558

เพิกถอนใบอนุญาต 'Peace TV' กสท. อ้างเหตุขัดคำสั่ง คสช.


วันนี้ (27 เม.ย.2558) พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หรือ กสท. ระบุเหตุผลมติเพิกถอนใบอนุญาตว่า บริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด เป็นผู้รับใบอนุญาตและตามบันทึกข้อตกลงที่ทาง บริษัททำกับทาง สำนักงาน กสทช.(ในช่วงคสช.ยึดอำนาจ) ระบุว่า จะไม่ออกอากาศเนื้อหาที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่น ให้เกิดความขัดแย้งและสร้างให้เกิดความแตกแยก ตามประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. แต่ยังกระทำผิดซ้ำ

พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า กรรมการกสท. เปิดเผยว่า ช่องพีซทีวีทำผิดเงื่อนไขเอ็มโอยู โดยเนื้อหารายการที่ออกอากาศเข้าข่ายให้ข้อมูลข่าวสารยั่วยุ ปลุกปั่น ขัดต่อประกาศ คสช.ฉบับ 97 และ 103 ที่ประชุมคณะกรรมการกสท. จึง มีมติ 4 ต่อ 1 เพิกถอนใบอนุญาตฯ โดยมีผลทันทีหลังจากได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการจากสำนักงานกสทช.

สำหรับ ช่องพีซทีวี เคยถูกพิจารณาให้ระงับการออกอากาศ เป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-17 เมษายน2558 และกลับมาออกอากาศอีกครั้งวันที่ 18 เมษายน2558 ก่อนที่คณะกรรมการกสท.จะพิจารณาและมีมติดังกล่าว

'ปลอดประสพ' FB เผย ประมงไทยเข้าตาจน


#TV24 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี" อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ส่วนตัวโดยมีเนื้อหาดังนี้

ฤๅการประมงไทยจะเข้าตาจน

ผมถูกขอร้องจากสื่อมวลชนหลายสำนักให้แสดงความคิดเห็นกรณีประเทศไทยถูกใบเหลือง ซึ่งเป็นการเตือนครั้งสุดท้ายจากสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งไทยส่งออกสินค้าสัตว์น้ำไป อียู มูลค่าประมาณปีละ 40,000 ล้านบาท เรื่องดังกล่าวนี้อยู่ในบริบทของ IUU หรือเรียกเต็มๆว่า "Illegal Unreported and Unregulated fishing" (การทำการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดรายงาน และไร้การควบคุม)
ในฐานะที่ประเทศไทยอยู่ในแนวหน้าของการประมงโลก การส่งออกสินค้าประมงมีมูลค่ามากมายถึง 200,000 ล้านบาท/ปี จึงเป็นธรรมดาที่จะต้องถูกจับตา ถูกตรวจสอบ และแม้แต่ถูกกลั่นแกล้งจากผู้นำเข้าและคู่แข่งขัน

ย้อนไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว มาเลเซียประกาศว่า สินค้าประมงจากไทยจะต้องบรรจุในลังพลาสติกของมาเลเซียเท่านั้น โดยอ้างมูลเหตุทางสุขลักษณะ เราไม่ต่อสู้เรื่องลัง แต่เราขอว่าให้เขาออกมาตรฐานลังเพราะเราสามารถผลิตลังได้เอง สิบปีต่อมามาเลเซียบังคับให้ไทยขออนุญาตเดินเรือผ่านเขตเศรษฐกิจจำเพาะของเขา การขู่รุนแรงมากถึงขั้นมีการยิงกันตาย แต่ในที่สุดเราก็เจรจาว่า ขอเป็นแจ้งเพื่อทราบทางวิทยุ (Notification) แทนการขออนุญาตก็แล้วกัน

25 ปีที่แล้ว สหรัฐอเมริกาไม่ยอมซื้อกุ้งทะเลจากไทย โดยกล่าวหาว่า การจับกุ้งทำให้เต่าทะเลตาย ในการนี้ได้บังคับให้ไทย ใช้เครื่องมือ TED (Turtle Excluder Device)ผลิตโดยสหรัฐอเมริกา เราต่อสู้โดยการขอผลิตเครื่องมือ TED เองในมาตรฐานของสหรัฐฯพร้อมกับพิสูจน์ว่า เต่าที่สหรัฐหวงแหนเป็นหนักหนานั้น ไม่เคยว่ายน้ำมาถึงประเทศไทย

หมดเรื่องเต่าทะเล ก็มาเจอกับ NGO ที่กล่าวว่าประเทศไทยทำลายป่าชายเลนที่ใช้เลี้ยงกุ้งส่งออก คราวนี้ไปร้อง UN จนเกิดเป็นเวที Tribunal คือการไต่สวนสามฝ่าย คือ ผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง (ไทย) และคนกลางคือผู้เชี่ยวชาญจาก UN ผมก็ไปเถียงกับเขา ที่สุดเรารับปากจะดูแลควบคุมการเลี้ยงกุ้งให้ไม่ไปทำลายธรรมชาติ เริ่มมีการเลี้ยงกุ้งในบ่อแทนในป่าชายเลน พร้อมๆกับประกาศโครงการฟื้นฟูป่าชายเลนเป็นวาระแห่งชาติ

การอ้างการอนุรักษ์นั้น หากมองผิวเผินก็จะรู้สึกว่าดี แต่แท้ที่จริงแล้วจะแฝงมาด้วยการกีดกันทางการค้าเสมอ หรือที่เรียกว่า Non Trariff Barriers : NTB เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นกับประเทศไทยขณะนี้ก็เช่นกัน EU อิงกระแสอนุรักษ์และกระแสธรรมาภิบาล แต่ลึกๆแล้วผมคิดว่า เป็นการค้าแน่นอน ดังนั้นการที่กระทรวงการต่างประเทศไปโวยวายเรียกทูตเขามาต่อว่าต่อขาน หาว่าเลือกปฏิบัติ จะยิ่งทำให้เรื่องไปกันใหญ่ เพราะเท่ากับไปเปิดประเด็นการเมือง ซึ่งจริงๆแล้วการเมืองไทยขณะนี้คือรัฐบาลทหารซึ่งโลกเขาไม่ยอมรับ

ผมฟังท่านนายกพูดว่า เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว และไม่แน่ใจว่าจะแก้ไขทันภายใน6เดือนหรือไม่ ซึ่งผมก็คล้อยตาม แต่พล.อ.ประวิตร ออกมาโผงผางว่า ทำแล้วทุกอย่างต้องแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน จะส่งทหารไปคุมทุกท่าเรือ ต้องประชุม ต้องรายงาน และให้มีชุดเฉพาะกิจ เอาเลยครับผมเชียร์ แต่ผมว่า เรื่องนี้ มันไม่ใช่จับทหารเข้าแถว ขวาหันซ้ายหันนะครับ มันเป็นเรื่องทางวิชาการและกลยุทธ์

ท่านต้องส่งรัฐมนตรีไปต่อรองขอเวลาเพิ่มเติม เพราะ 6 เดือนน่ะมันไม่พอหรอก (เรื่องแรงงานท่านอดีตรัฐมนตรีสุรพงษ์ไปขอร้องรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐให้คงระดับ Tier2 อยู่ถึง2ปี) ท่านต้องมอบอำนาจให้กรมประมงเป็นเจ้าของเรื่อง ไม่ใช่กระทรวงแรงงาน กระทรวงคมนาคม หรือแม้แต่กระทรวงการต่างประเทศ ขอเรียนว่า ในอดีตท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ท่านนายกรัฐมนตรีชวน หลีกภัย รวมถึงท่านบรรหาร ศิลปอาชา ล้วนมอบหมายกรมประมงทั้งสิ้น (คือผมนี่ละครับ) กระทรวงและกรมต่างๆที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันสนับสนุนและทุกอย่างก็ผ่านมาด้วยดีดังที่เห็นอยู่ และที่สำคัญที่สุด ชาวประมงทุกภาคส่วนจะต้องเอาด้วย ชาวประมงจะต้องยอมกินยาขมเพื่อความอยู่รอดในอนาคต ในขณะเดียวกันกลุ่มอุตสาหกรรมประมง (เศรษฐี) ต้องให้การสนับสนุนให้เต็มที่ ไม่ใช่ถือโอกาสบีบอีกทอดหนึ่ง

เชื่อผมเถอะครับเรื่องนี้แก้ไขได้ แต่อย่าแก้แบบทหาร อย่าเอาอำนาจไปแก้ อย่าเอากฎหมายที่ชาติบ้านเมืองอื่นเขาไม่มี ไม่ยอมรับ ไปแก้ มีอยู่ปัญหาเดียวที่ผมวิตกหนักหนา ก็คือ ยังไงๆก็ต้องมีการหารือและรับปากรับคำในระดับรัฐมนตรี แต่เราเป็นรัฐบาลที่ EU เขาไม่ยอมคุยด้วยนี่สิครับ คนไทย ชาวประมงไทยก็ซวยสิครับ EU เค้าจะคุยกับรัฐบาลประชาธิปไตยที่เลือกโดยประชาชนเท่านั้น "ท่านเข้าใจไหมครับ"

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2558

ยิ่งลักษณ์ FB แสดงความเสียใจ แผ่นดินไหวเนปาล

#TV24 วันที่ 26 เมษายน 2558 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Yingluck Shinawatra โดยมีข้อความดังนี้


ดิฉันขอแสดงความเสียใจและห่วงใยเป็นอย่างยิ่งถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ประเทศเนปาล รวมทั้งประเทศใกล้เคียง ซึ่งยังความสูญเสียอย่างมากทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน
แผ่นดินไหวครั้งนี้ถือเป็นภัยพิบัติขนาดใหญ่ของมวลมนุษยชาติ ซึ่งนานาชาติก็เริ่มเร่งเข้าไปให้ความช่วยเหลือแล้ว และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ต่างๆจะคลี่คลายโดยเร็ว ทั้งนี้ขอภาวนาให้ทุกคนปลอดภัยค่ะ

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558

'จาตุรนต์' เผยเวที ศปป. ไม่ได้เลื่อนเลือกตั้ง


นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีข่าวเวทีศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) ฝ่ายการเมือง พร้อมให้เลื่อนเลือกตั้งออกไป เพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญมีความสมบูรณ์ ว่า ข้อสรุปไม่ตรงกับที่พูดกัน ความเห็นที่เห็นตรงกัน คือ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีเนื้อหาไม่เป็นประชาธิปไตย ถ้าบังคับใช้จะนำไปสู่ความขัดแย้งอย่างมาก และไม่สิ้นสุด อาจจะนำไปสู่การจบลงด้วยการรัฐประหารอีก ดังนั้น จึงเสนอว่าควรจะมีการแก้ไขในเนื้อหาสำคัญเสียก่อน แต่ถ้าจะดีควรให้มีการลงประชามติ ซึ่งต้องใช้เวลา

"ถ้าให้มีการลงประชามติจริง หลายคนในเวทีวันนั้น ก็คาดว่าร่างรัฐธรรมนูญนี้จะไม่ผ่าน ประชาชนจะไม่เห็นด้วย ก็จะทำให้ต้องร่างใหม่ และถ้าเป็นอย่างนี้ ผู้ที่เข้าร่วมการหารือส่วนใหญ่เห็นว่า ยังดีกว่าปล่อยให้ร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และจะสร้างปัญหาต่อไปหากนำมาใช้เลย"

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นเป็นอันดับแรก คือให้มีการแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตย ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการให้มีการแก้ไขสาระสำคัญ แต่เชื่อว่าการแก้ไขสาระสำคัญคงไม่เกิดขึ้น ส่วนแนวโน้มสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) คงจะเห็นด้วยกับร่างนี้ ทั้งๆ ที่ไม่มีการแก้ไขเนื้อหาสาระ เนื่องจากไปผูกสปช.กับ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญไว้ หากร่างนี้ถูกคว่ำโดย สปช. ทั้ง 2 องค์กรก็ต้องถูกยกเลิก และเร่ิมต้นกันใหม่ ทำให้ สปช.ไม่มีทางจะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ

"ฟังจากการอภิปรายก็จะเห็นแล้วว่า สปช.ปูทางสำหรับการผ่านร่างรัฐธรรมนูญนี้ไว้ ด้วยลักษณะที่เออออ หรือชื่นชมกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้น ทางที่จะระงับ ยับยั้งร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นอันตรายนี้ได้ ที่บางคนเรียกว่าเป็นระเบิดเวลา คือการให้ทำประชามติ แต่อาจมีบางคนตั้งคำถามว่า ถ้าต้องทำประชามติแล้วไม่ผ่านก็จะเสียเวลาอีกนาน อันนี้ก็ต้องมาทำความเข้าใจกันว่า ถ้าจะมีการลงประชามติต้องหมายความว่า ผ่านก็ได้ ไม่ผ่านก็ได้ แล้วแต่ประชาชน ถ้าไม่ผ่านก็เสียเวลา ถือเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าคิดว่าทำประชามติแล้วต้องผ่านอย่างเดียว ก็ไม่รู้จะลงประชามติไปทำไม"

เมื่อถามว่า โอกาสไปปรับแก้ในชั้นคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 57 ให้อำนาจไว้นั้น มองว่าคนแก้ไขจริงๆ สุดท้ายเป็น กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่ง คสช.และ ครม.เสนอความคิดเห็นได้ ถ้าจะใช้กำลังภายในจริงๆ แต่คิดว่ากมธ.ยกร่างฯ คงไม่เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ และจะเดินเข้าสู่ความขัดแย้งและวิกฤติที่ใหญ่กว่าเดิม ดังนั้น ไม่ควรปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณชน ควรมีการทำความเข้าใจวัตถุประสงค์ เพราะฉะนั้น ถ้าจะหารือกันเรื่องปรองดอง คงจะต้องพูดกันถึงขบวนการ และผู้ที่จะมาหารือให้ชัดเจน ส่วนการจะส่งเสริมฟังความเห็นร่างรัฐธรรมนูญ จะเป็นประโยชน์ เพราะมีผู้ที่สนใจและสามารถให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์อีกมาก คนเหล่านี้ควรได้รับเชิญมากขึ้น

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558

ภูมิธรรม แนะทางออกประเทศ ปรองดองจะเกิดขึ้นได้ กติกาต้องเป็นธรรม


#TV24 นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ https://twitter.com/phumtham หลังจากได้รับเชิญจากศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) ร่วมประชุมปรึกษาหาแนวทางการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ที่ สโมสรทหารบก เมื่อวานนี้ (23 เมษายน 2558) โดยระบุว่า

"เมื่อวานผมได้รับเชิญไปร่วมหารือที่สโมสรทบ. ด้วยบรรยากาศที่ดี เป็นกันเองและเปิดให้ได้แสดงความเห็นกันเต็มที่..อย่างที่"ใบตองแห้ง"เขียน สาระหลักที่คุยกันคือทำอย่างไรให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ คือสิ่งที่ทุกคนปรารถนา เพราะอยากเห็นปัญหาของประเทศ ได้รับการร่วมมือกันแก้ไขโดยเร็ว"

"สิ่งที่เราค่อนข้างเห็นเหมือนกันคือ การปรองดองจะเกิดขึ้น กติกาของประเทศที่จะใช้ร่วมกัน ต้องเป็นธรรมและเป็นประชาธิปไตย การปฏิบัติตามกติกา ที่กำหนดร่วมกัน ต้องยุติธรรมและเป็นข้อปฏิบัติที่ทุกฝ่ายต้องได้รับอย่างเท่าเทียมและเสมอภาค ภายใต้กติกาเดียวกัน ควรเปิดให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ กว้างขวางและเห็นต่างกันได้แต่ ต้องไม่ชักนำ ยุยงให้เกิดการใช้ความรุนแรงต่อกัน"

นายภูมิธรรม ระบุว่า "ไม่มีทางที่คนทุกคนจะเห็นเหมือนกันหมดได้ คนเห็นต่างกันต้องอยู่ร่วมกันได้ ภายใต้กติกาที่เห็นพ้องต้องกันและเคารพความแตกต่างกัน ควรเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความเห็นต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องรัฐธรรมนูญ ประชาชนควรได้ตัดสินใจโดยประชามติ ควรลดเงื่อนไขบาดหมาง ขัดแย้ง เป็นไปได้ควรแก้ปัญหาคนที่ยังได้รับผลสะเทือนจากความขัดแย้ง ได้รับการประกัน, ปลดปล่อยสู่อิสรภาพและคืนความยุติธรรมความเห็นทั้งหมดท่านประธานที่ประชุมจะรับไปเสนอให้ผู้เกี่ยวข้องได้พิจารณาหาทางออกที่เหมาะสมต่อไป ส่วนเรื่องที่ว่าพรรคการเมืองทุกพรรคต้องการให้ เลื่อนเลือกตั้งออกไป น่าจะเป็นการสรุปที่ให้น้ำหนักสาระการคุยที่คลาดเคลื่อน ความจริงสิ่งที่พรรคการเมืองให้น้ำหนักคือรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างและพิจารณากันอยู่ เป็นรัฐธรรมนูญที่มีปัญหามากและจะสร้างปัญหาใหญ่ในอนาคต เราเห็นว่า ยังมีเวลาที่จะแก้ไขปรับปรุงและจะใช้ช่องทาง เช่นที่คณะตุลาการ นำเสนอต่อผู้มีหน้าที่ต่อจากนี้ไป ประธานที่ประชุมก็ได้เสนอให้ผู้มีความคิดเห็นแตกต่าง ทำข้อสรุปเป็นลายลักษณ์ อักษรนำเสนอครม.หรือหัวหน้าคสช.เพื่อพิจารณาต่อไป"

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

"พานทองแท้" เผย ทักษิณ แนะเขียนรัฐธรรมนูญ อย่าเสียหลักการ

#TV24 วันนี้ (23 เมษายน 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ Facebook : Oak Panthongtae Shinawatra โดยมีเนื้อหา ดังนี้


รัฐประหารครั้งที่แล้ว เขาว่า

"รับๆร่างรัฐธรรมนูญไปก่อน แล้วค่อยไปแก้ไขทีหลัง"
พวกเรายังจำกันได้นะครับ..?

คำพูดนี้กลายเป็น "โกหกคำโต" ที่หลอกคนไทยทั้งประเทศ
ทำให้รัฐธรรมนูญ 50 ผ่านการลงประชามติ มีผลบังคับใช้
จนกระทั่งมาโดนฉีกทิ้ง จากการรัฐประหารในอีก 7 ปีถัดมา
รัฐประหารครั้งนี้ เขาว่า

"การร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้โปร่งใสเป็นธรรม ไม่มีธงหรือร่างทรงของใครทั้งสิ้น"

ถือเป็นคำมั่นสัญญา ของผู้มีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้
จะมีธงหรือไม่มีธง? เป็นร่างทรงของใครหรือไม่? คณะกรรมการร่างฯทุกคน ต่างรู้อยู่แก่ใจ ว่าตนเองพูดจริง หรือกำลังโกหกคนทั้งประเทศ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้เราก็จะได้เห็นกัน ว่าสิ่งที่ท่านจะได้รับ คือดอกไม้หรือก้อนอิฐ และคนที่ยกมือสนับสนุนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะถูกถอนหงอกจากคนไทยทั้งประเทศหรือไม่

รัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังพิจารณากันอยู่นี้ ถูกครหาจากสื่อแทบทุกแขนง ตั้งแต่ก่อนตั้งคณะกรรมการยกร่างฯเสียด้วยซ้ำว่า ลือกันมานานว่าจะมีรัฐธรรมนูญที่ถูกเขียนขึ้นมา เพื่อขจัดคนกลุ่มหนึ่งออกจากการเมือง และสืบทอดอำนาจให้กับคนอีกกลุ่มหนึ่ง เพื่อรับไม้ต่อจากการรัฐประหาร จริงหรือไม่จริงจะได้เห็นกัน ในอนาคตอันใกล้นี้

ข้อกำหนดต่างๆที่ขัดต่อความรู้สึก นักประชาธิปไตยทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น คนที่เคยถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ห้ามลง สส. และนายกรัฐมนตรีสามารถเลือกมาจากคนนอกได้ ฯลฯ เป็นหัวข้อที่ถูกวิจารณ์กันมาก ว่าจะเป็นกลยุทธไม้เด็ดที่สามารถขจัด แกนนำทางการเมืองของทุกพรรคในประเทศไทยได้ทั้งหมด ยกเว้นพรรคฯของพระการเมือง ที่เคยพูดห้ามชาวสวนยาง ไม่ให้ออกมาเรียกร้องยาง 3โลร้อย ว่า "ให้อดทนไว้ เพราะรัฐบาลนี้ เป็นพวกเดียวกัน..!!"

ประเทศไหนใช้ข้อบังคับที่เอียงกระเท่เร่ มาใช้เป็นกฏหมายสูงสุด ประเทศนั้นไม่มีวันสงบครับ นอกจากการเมืองภายใน จะวุ่นวายจนหาข้อยุติไม่ได้ ความเชื่อมั่นบนเวทีโลก ก็จะเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นประเทศที่ล้าหลังเพื่อนบ้านไปในที่สุด อย่างที่เราเคยเห็นประเทศอื่นเป็นมา

หากการเขียนกฏหมายสูงสุดของประเทศ กลับกลายเป็นการชักแม่น้ำทั้ง 5 เพียงเพื่อต้องการขจัดคน ที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเขาอยากเลือก และช่วยเหลือเข้าข้างคนของตัวให้ได้เปรียบ จนกระทั่งกระบวนการยุติธรรมเอนเอียง เสียหลักการในการเป็นนิติรัฐ จนประเทศอื่นทั่วโลก เขาหัวเราะเยาะ ในความเป็นประชาธิปไตย 99.99% แบบไทยๆ แบบนี้ประเทศเสียหายเสียเวลาเปล่าๆ

ทำอย่างที่คุณพ่อผม เคยแนะนำไปตั้งแต่รัฐประหารครั้งที่แล้ว จะชัดเจนดีกว่ามั๊ยครับ เขียนรัฐธรรมนูญแบบปกติที่เป็นมาตรฐาน อย่างที่ประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกเขาทำกัน อย่าเขียนให้หลักการเสียหาย แล้วเพิ่มเข้าไปเพียงข้อเดียวในรัฐธรรมนูญก็พอ...ว่า

"ห้ามคนในตระกูลชินวัตร หรือคนที่ทักษิณฯสนับสนุน เข้ามาเล่นการเมือง" ว่ากันตรงๆอย่างนี้ไปเลยครับ

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

ทิ้งแล้วโดน! รัฐเตรียมรีดค่าเก็บขยะ บังคับจ่ายทุกหลัง เฉลี่ยเดือนละ 150.- บาท


นายเเพทย์ พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ในหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วย สุขลักษณะการจัดการมูลฝอยทั่วไป โดยสาระสำคัญของเรื่องดังกล่าว คือ การให้อำนาจเทศบาลในการจัดการขยะอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะการกำหนดเกณฑ์ให้เทศบาลใช้เพื่อจัดเก็บค่าจัดการขยะ ได้ครัวเรือนละ150 บาทต่อเดือน   ซึ่งค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะดังกล่าวได้มีการศึกษาและวิจัยแล้วพบว่า ตามปกติแต่ละครัวเรือนจะสร้างขยะ คนละ 1 ก.ก.ต่อวัน เฉลี่ยให้แต่ละครัวเรือนมีสมาชิก 5 คน แต่ละเดือนจะเท่ากับสร้างขยะ 150 ก.ก. โดยค่ากำจัดขยะเฉลี่ยก.ก.ละ 1 บาท จะเท่ากับเดือนละ 150 บาท ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าวเป็นค่ามาตรฐานกลาง กำหนดไว้เพื่อให้เทศบาลได้มีเกณฑ์อ้างอิงในการจัดเก็บ แต่หากครัวเรือนสามารถลดปริมาณขยะได้น้อยกว่าเกณฑ์ก็อาจจะเสียน้อยกว่าหรือไม่เสียก็ได้

ซึ่งหลักการดังกล่าวจะเป็นการกระตุ้นให้ครัวเรือนตระหนักในการคัดแยกขยะ รีไซเคิลขยะ เช่น ขวด กระดาษ ซึ่งเป็นขยะประเภทที่สามารถคัดแยกไว้ขายได้ ซึ่งเมื่อสร้างขยะน้อยก็จะไม่เสียค่าจัดการขยะ เป็นต้น    โดยการเก็บค่ากำจัดขยะดังกล่าวเนื่องมาจากปัจจุบันปริมาณขยะมีมาก เเละต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงในการจัดการ จึงจำเป็นต้องจัดเก็บค่ากำจัดขยะเพื่อให้ครัวเรือนต่างๆมีความรับผิดชอบมากขึ้น  นอกจากครัวเรือนต้องรับผิดชอบขยะของครัวเรือนของตนเอง นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ก็ต้องมีส่วนร่วมด้วย โดยมีแนวคิดเก็บค่ากำจัดขยะรวมอยู่ในค่าที่พักวันละ 2 บาทต่อคน และให้สถานประกอบการเป็นผู้นำส่งเทศบาล

"อนุตตมา" FB "ย้ำ" คัดค้านมาตรา 44 ยืนยันเพื่อไทยไม่สนับสนุนกฏหมายที่ไม่เป็นประชาธิปไตย


#TV24 นางสาวอนุตตมา อมรวิวัฒน์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยและคณะทำงานเศรษฐกิจเพื่อไทยโพสต์ข้อความผ่าน Facebook : jib.anuttama โดยมีเนื้อหาดังนี้

"ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยสนับสนุนการเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจพลังงานของภูมิภาค โดยใช้ความได้เปรียบเชิงภูมิยุทธศาสตร์ อันเป็นนโยบายที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ซึ่งหากทำสำเร็จประเทศไทยจะมีรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล และเห็นว่าหากรัฐบาลนี้ทำได้ก็จะเป็นประโยชน์กับประเทศ แต่พรรคเพื่อไทยคัดค้านการใช้ มาตรา 44 ซึ่งเป็นกฎหมายที่เอื้อต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน และไม่สนับสนุนทุกกฏหมายที่ไม่เป็นประชาธิปไตย พรรคยังคงยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย ที่ให้เกียรติและสิทธิประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม"


"ภูมิธรรม" ทวิตแจง เพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับ ม.44 ยอมรับปัญหาการสื่อสารคลาดเคลื่อน น้อมรับคำวิจารณ์


#TV24 นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่าน ทวิตเตอร์ส่วนตัว https://twitter.com/phumtham โดยมีเนื้อหาดังนี้

เพื่อไทย..ชัดเจน เรายึดมั่นในประชาธิปไตยไม่เห็นด้วยกับกฎหมายและหลัการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย กรณี ม.44 อันตราย เพราะเป็นการใช้อำนาจที่ผิดหลักการตรวจสอบและถ่วงดุลย์

กรณีที่มีการวิจารณ์พรรคเพื่อไทย มีท่าทีสนับสนุนให้ใช้ ม.44 ไปผลักดันโครงการพัฒนาในภาคใต้ เป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ขอยืนยันว่าไม่ใช่ท่าทีพรรคเพื่อไทย

เรายืนยันและแสวงหาความเป็นประชาธิปไตยให้กลับคืนสู่สังคมไทยโดยเร็ว การช่วยกันหาทางออกให้ประเทศยังเป็นภารกิจสำคัญที่คนไทยทุกคนต้องช่วยกัน

ส่วนข้อผิดพลาดใดๆอันเกิดขึ้น เป็นเรื่องที่เราน้อมรับทุกคำวิจารณ์ และพร้อมนำไปปรับปรุงให้พรรคสามารถร่วมสร้างประชาธิปไตยไทยให้มั่นคงในไทยต่อไป


วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

“เพื่อไทย” ติงร่างรธน. ไปต่อยาก ฉบับบวรศักดิ์ มุ่งกำจัดเสียงข้างมาก


วันที่ 21 เม.ย. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่ออภิปรายร่างรัฐธรรมนูญ ที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.ยกร่างฯ) พิจารณาเสร็จแล้ว ว่า "พรรคเพื่อไทยขอเชิญชวนประชาชนทุกหมู่เหล่า ติดตามการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญนี้อย่างใกล้ชิด เพราะบ้านเมืองเป็นของเราทุกคน หากปล่อยผ่าน ก็ยากเกินกว่าจะแก้ไข ลำพังชุดความคิดหลักของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ ที่จะกำจัดเสียงข้างมาก ก็น่าจะผิดทิศผิดทาง เพราะเสียงข้างมาก หรือเสียงส่วนใหญ่ เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย หรือต่อไปจะเลือกเอาคนคะแนนน้อยสุด หรือลากตั้งเป็นหลัก แล้วใช้วาทกรรมบิดเบือนว่า เลือกตั้งโดยอ้อม อะไรคือความต่างของคำว่า ประชาชนกับพลเมือง เพิ่มอำนาจพลเมืองคือพลเมืองกลุ่มไหนที่ได้อำนาจเพิ่ม หรือเพิ่มเฉพาะกลุ่มสาวกนกหวีด ที่ประชาชนยังไม่เข้าใจ ปัญหาที่ กมธ.ยกร่างฯ ชุดนี้มองไม่เห็น คือ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่กติกา แต่อยู่ที่อันธพาลไม่เคารพกติกา พอเลือกตั้งแพ้ ก็ออกมาป่วน ชัตดาวน์ประเทศ ก่อจลาจลขัดขวางการเลือกตั้ง ทำร้ายประเทศ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร ลำพังชุดความคิดหลักของนายบวรศักดิ์ ไปต่อได้ยากเต็มทน"

"อนุตตมา" หนุน โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา เหน็บรัฐ ใช้ ม.44 สานต่อ นโยบายหาเสียงเพื่อไทย


#TV24 นางสาวอนุตตมา อมรวิวัฒน์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยและคณะทำงานเศรษฐกิจเพื่อไทย กล่าวว่า

"โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา นี้เป็นประโยชน์ต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต เราต้องมองไปยังอนาคตข้างหน้าว่ายุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในอีก 20-30 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร ไม่ใช่มองแค่วันนี้พรุ่งนี้ ต้องมองว่าอะไรคือสิ่งสำคัญในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจระยะยาว การพัฒนาด้านระบบพลังงานและด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดีและเศรษฐกิจเจริญ"

ซึ่งโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารานี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมต่อระหว่างสองมหาสมุทรเพื่อร่นระยะเวลาการเดินเรือผ่านช่องแคบมะละกา ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเดินเรือที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในแถบอาเซียน เหมือนดังที่สิงคโปร์เจริญก็เพราะสิงคโปร์เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการเดินเรือส่งสินค้า มีท่าเรือน้ำลึก และมีอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมาช้านาน ดังนั้น จึงเห็นว่า รัฐบาลควรเดินหน้าโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบาราต่อให้สำเร็จ"

"โดยโครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการที่พรรคเพื่อไทยเคยเสนอในช่วงการหาเสียงเมื่อปี 2554 ซึ่งหากรัฐบาลนี้ทำโครงการนี้สำเร็จจะเป็นคุณูปการใหญ่หลวงที่ทำให้ระบบการขนส่งและโลจิสติกส์ของไทยพัฒนาไปมาก จึงขอให้รัฐบาลทำโครงการดีๆ เช่นนี้ เนื่องจากรัฐบาลมีความเด็ดขาดสามารถใช้มาตรา 44"

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

สั่งพักการผลิต “ข้าวลายจุด” บก.ลายจุด FB แจงเตรียมจำหน่าย “มะนาว” แทน


#TV24 วันนี้ (18 เมษายน 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด โพสต์ข้อความผ่าน  Facebook : สมบัติ บุญงามอนงค์ โดยมีเนื้อหา ดังนี้

จากใจพ่อค้าข้าว(ลายจุด)

ตอนเริ่มต้นผมคิดว่าตัวเองเป็นพ่อค้าข้าว แต่วันหลัง ๆ เริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพ่อค้ายาเสพติด ผมถูกจับตามองจาก จนท รัฐ มีเสียงตำหนิในลักษณะประหนึ่งผมเป็นบุคคลหายนะที่เข้าทำลายกลไกตลาดและสร้างความวุ่นวายให้แก่ประเทศชาติ

ผมกลับมาทบทวนว่าความริเริ่มสร้างสรรค์กิจการเพื่อสังคมอย่างข้าวลายจุดที่รับซื้อข้าวจากชาวนาในราคา 15,000 บาทมาทำข้าวถุงขายนั้นมีแง่มุมใดที่ผมลืมนึกถึง โดยเฉพาะผลกระทบในด้านลบ ถึงวินาทีนี้ผมก็ยังมองไม่เห็นผลกระทบด้านลบจากการทำข้าวลายจุด

ในด้านนวัตกรรม ข้าวลายจุด ได้ทำให้เห็นว่าการรับซื้อข้าวจากชาวนาในราคา 15,000 บาท และนำมาบริหารจัดการในรูปแบบธุรกิจสามารถประกอบการได้ไม่ขาดทุนหากมีการบริหารจัดการที่ดีและสามารถสื่อสารกับผุ้บริโภคอย่างเข้าใจในหลักการค้าที่เป็นธรรม

จากพ่อค้าข้าวสมัครเล่น ผมยังพบจุดอ่อนอยู่อีกจำนวนหนึ่งที่ต้องดำเนินการแก้ไข และเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ นั่นคือ การทำให้ข้าวลายจุดเป็นข้าวถุงในระดับมืออาชีพ หรือ มาตรฐานสูง และเพื่ออุดช่องว่างทั้งหมดที่มีอยู่ในการประกอบการครั้งนี้ ผมจึงขอประกาศพักการผลิตข้าวถุงตราลายจุดไว้ชั่วคราว จนกว่าการดำเนินการในทุก ๆ ด้านจะถูกปรับปรุงแก้ไขสมบูรณ์

โปรดเก็บถุงข้าวรุ่นนี้ไว้ เพราะเมื่อ ข้าวลายจุด Version2 ออกมา ท่านสามารถนำถุงข้าวเปล่ามารับส่วนลด แต่คงไม่มีการชิงรางวัลแจกรถซาเล้งแต่ประการใด

อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ข้าวลายจุดหยุดผลิต ลายจุด Company ได้เตรียมเสนอสินค้าที่เหมาะกับครัวเรือนไทยเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือ "มะนาวต่างดุ๊ด" ต้นกล้าละ 150 บาท ซึ่งจะเริ่มจัดจำหน่ายในสัปดาห์หน้านี้
พบกันครั้งหน้า ข้าวลายจุด V 2 ณ ร้านค้าข้างๆ 7-11 ใกล้บ้านคุณ

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2558

“เพื่อไทย” หนุน “ข้าวลายจุด” แนะเปิดใจให้กว้าง อย่ามองเป็นการเมือง


#TV24 18 เมษายน 2558 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแพร่ สังกัดพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงกรณีรัฐบาลออกมาตำหนิ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด กรณีขายข้าวลายจุดว่า 

"อยากให้รัฐบาลสนับสนุน อย่ามองเป็นประเด็นการเมือง เพราะเป็นความพึงพอใจของทั้งสองฝ่ายที่คนซื้อข้าวก็เต็มใจซื้อข้าวช่วยชาวนา ซึ่งหากรากหญ้าไม่มีเงินหมุนเวียนก็ไม่มีเงินไปจับจ่ายใช้สอย ระบบเศรษฐกิจก็ติดขัด อยากให้รัฐสนับสนุนการขายข้าวของบก.ลายจุด เพราะเป็นการช่วยชาวนา แต่รัฐกลับมองเป็นปัญหาการเมือง เพราะทีมเศรษฐกิจชุดนี้มองปัญหาไม่ขาด มองอะไรก็เป็นการเมืองไปหมด ความจริงอะไรที่เป็นประโยชน์ควรสนับสนุน ควรเปิดใจให้กว้าง มันไม่มีอะไรเลย และเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ไม่ได้ทำลายระบบเศรษฐกิจ ไม่ได้ก่อให้เกิดการชุมนุม จะไปห่วงอะไร บก.ลายจุด ไม่ได้เล่นการเมือง ควรปล่อยไปบ้าง อย่ามองทุกเรื่องเป็นการเมือง มันหยุมหยิมเกินไป"

“พานทองแท้” FB หนุน ข้าวลายจุด ยืนยันซื้อข้าวชาวนา 15,000.-บาท/ตัน ไม่ขาดทุน


#TV24 วันนี้ (18 เมษายน 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ Facebook : Oak Panthongtae Shinawatra โดยมีเนื้อหา ดังนี้

"ข้าวสาร ลายจุด" กำลังดัง
"พานทองแท้" เลยขอเกาะกระแส
สัมภาษณ์ บก.ลายจุด ด้วยตัวเองเลยครับ..!! 

พี่หนูหริ่ง(สมบัติ บุญงามอนงค์) หรือที่หลายคนเรียกว่า บก.ลายจุด ได้เปิดใจถึงเหตุผลที่รับซื้อข้าวจากชาวนาเกวียนละ 15,000บาท ไว้อย่างน่าสนใจดังนี้ 
ตั้งแต่คสช.เข้ามาปกครองประเทศ ตนเองถูกจับกุมตัวไปปรับทัศนคติ ถูกอายัดบัญชีธนาคาร ทำให้ไม่สามารถเบิกเงินออกมาใช้ได้ ตนเป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งมีอีกหลายชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ จำเป็นต้องประกอบอาชีพเพื่อมาหาเลี้ยงครอบครัว 

ในฐานะที่ตนเองเป็น NGO ทำงานเพื่อสังคมมาโดยตลอด เมื่อจะหารายได้จากการค้าขาย จึงคิดที่จะขายของที่เป็นการช่วยเหลือสังคมไปด้วย เมื่อทราบว่าปัจจุบันพี่น้องชาวนายากลำบาก ขายข้าวไม่ได้ราคา เมื่อลองศึกษาดูโครงสร้างราคาข้าว พบว่าชาวนาซึ่งเป็นผู้ที่เหนื่อยยาก ลำบากที่สุดในวงจรการผลิตข้าว กลับเป็นผู้ที่ถูกพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ แทบไม่เหลือกำไรจากการปลูกข้าวเลย เมื่อคิดจะขายข้าวบก.ลายจุดจึงได้คำนวนราคาซื้อ-ขายข้าว ออกมาแบบนี้ครับ...

ถ้าตนซื้อข้าวจากชาวนาตันละ 15,000 บาท
นำมาสีเป็นข้าวขาวมีค่าใช้จ่ายตันละ 1,100 บาท
จะได้ข้าวสารมาขายทั้งสิ้น 460 กิโล
ที่เหลือเป็น ปลายข้าว แกลบ และรำข้าว ซึ่งขายรวมๆกันได้ 3,500 บาท 
เท่ากับตนได้ข้าวสารมา 460กิโล
ด้วยต้นทุน 15,000 + 1,100 - 3,500 = 12,600บาท
นำมาบรรจุถุง ถุงละ5กิโล คิดค่าใช้จ่ายรวมค่าขนส่งทั้งสิ้นถุงละ 10บาท(ตกกิโลละ2บาท) รวมเป็นต้นทุนการผลิต 13,520 บาท
เมื่อนำข้าวมาขายถุงละ200 บาท จะได้เงิน 18,400 บาท
คงเหลือเป็นกำไร 18,400 - 13,520 = 4,880บาท 

บก.ลายจุดบอกว่ากำไร เกือบ 5,000บาทต่อข้าวเปลือก 1เกวียน ตนก็อยู่ได้สบายๆแล้ว จะต้องไปเบียดเบียนชาวนา ด้วยการกดราคาทำไม แต่ในระบบค้าข้าวที่รัฐบาลไม่ช่วยเหลือชาวนานั้น พ่อค้าคนกลางได้กำไรเกิน10,000 บาท ในขนะที่ชาวนาผู้ยากลำบาก เหลือกำไรเกวียนละไม่กี่ร้อย บางครั้งถึงกับขาดทุน 

การค้าขายแบบที่ บกลายจุดทำนี้ ในประเทศที่เจริญแล้วเค้าเรียกว่า Fair Trade ครับ เค้าจะระบุเลยว่าสินค้าตัวนี้ ซื้อจากชาวไร่ชาวนา มาในราคาที่เป็นธรรมเท่านี้ๆ และนำมาขายให้ผู้บริโภคราคานี้ เมื่อคำนวนออกมา เงินกำไรที่ได้จะกระจาย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงมือผู้บริโภคอย่างเป็นธรรม นอกจากภาครัฐไม่ควรขัดขวางแล้ว ยังควรจะต้องสนับสนุนให้มีการค้าขายแบบ Fair Trade นี้เยอะๆเลยด้วยซ้ำ 

สุดท้าย พี่หนูหริ่ง ฝากมาว่า 

รัฐบาลควรจะคืนความสุขให้กับชาวไร่ชาวนา
ด้วยการไปไล่จับคนที่กดราคาสินค้าเกษตรให้ตกต่ำ
มากกว่ามาไล่จับ คนที่ให้ราคาที่เป็นธรรม แบบนี้นะครับ..!! 
ปล.ติดตาม กดไลค์ ให้กำลังใจ บก.(ข้าว)ลายจุด ได้ที่นี่ครับ

"วิสาระดี" ติง แถลงผลงานรัฐบาล คลุมเครือ ไม่ชัดเจน ไม่เป็นรูปธรรม


#TV24 นางสาววิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ อดีต ส.ส. จังหวัดเชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลแถลงผลงานทำงานครบ 6 เดือน ว่า

"คณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้รับฟังการแถลงผลงาน และขอให้กำลังใจรัฐบาลในการเดินหน้าแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป แม้นักวิชาการและภาคเอกชนเองจะมองว่า ด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลยังคงไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรมที่จะช่วยเหลือประชาชนอย่างจริงจัง โดยการแถลงผลงานด้านเศรษฐกิจเป็นเหมือนรายงานประจำปีมากกว่าแสดงผลงานที่โดดเด่นว่าจะช่วยประชาชนจริงๆ ปัจจุบันชาวบ้านกำลังเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า ซึ่งเมื่อดูตัวเลขเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจทุกตัวก็ยังอยู่ในลักษณะที่นิ่ง และมีท่าทีว่าจะติดลบ โดยเฉพาะการส่งออกที่ 3 เดือนแรกติดลบร้อยละ 4 การใช้จ่ายภาคประชาชนก็ยังเงียบ การลงทุนขนาดใหญ่ก็ไม่กระเตื้อง คงมีแต่การท่องเที่ยว แต่ยังไม่ชัดเจนมากพอที่จะทดแทนการลดลงของการส่งออกได้"

"ที่สำคัญอีกเรื่อง คือ การดำเนินนโยบายต่างประเทศ ที่นอกจากจะไม่สร้างความสมดุลย์ในแต่ละขั้ว ทั้งสหรัฐอเมริกา รัสเซีย และจีนแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยก็ดูคลุมเครือ และยังมีที่ปรึกษาบางท่านกล้าวิจารณ์อดีตฑูตสหรัฐฯ และดูเหมือนจะไม่เข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแม้แต่น้อย พร้อมแนะให้ขอคำปรึกษาจากกรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศ"

"นอกจากนี้ นางสาววิสาระดียังระบุว่า ไทยคงยังไม่มีทีท่าชัดเจนในการดำเนินโรดแมป กลับเข้าสู่ประชาธิปไตยที่แน่ชัด โดยเฉพาะประเด็นการเลือกตั้งรอบใหม่ ทำให้การค้าการลงทุนและการเจรจาไม่ชัดเจน ไม่มีชาติใดอยากผูกมัดกับประเทศที่ยังคลุมเครือ ดังนั้น จึงสรุปว่า การแถลงผลงานรัฐบาล 6 เดือน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ เป็นเหมือนรายงานการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากกว่า ทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยจึงขอแนะนำให้ รัฐบาลควรวางแผนเศรษฐกิจเป็นระยะ คือ ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อช่วยเหลือประชาชน และขอเป็นกำลังใจให้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้โดยเร็ว"

"ยิ่งลักษณ์" โพสต์เฟสบุ๊ก ขอบคุณแฟนเพจ ทุกคำอวยพรพร้อมกำลังใจที่มีให้

 #TV24 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ Facebook : Yingluck Shinawatra ล่าสุด โดยมีเนื้อหาดังนี้


ช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมา มีโอกาสได้พาน้องไปป์ไปสรงน้ำพระ ไหว้บรรพบุรุษ รดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่ และเล่นน้ำสงกรานต์ที่เชียงใหม่ แล้วยังได้มีโอกาสเข้าไปตอบแฟนเพจ แต่ก็ได้ตอบไปบ้างบางท่านต้องขอโทษที่ตอบได้ไม่ทั่วถึงทุกคนนะคะ ดิฉันต้องขอขอบคุณแฟนเพจมากๆค่ะที่ยังให้กำลังใจและอวยพรกันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นกำลังอย่างดีและเป็นความผูกพันที่มีต่อกันอย่างเหนียวแน่นตั้งแต่เปิดเพจนี้ ก่อนเลือกตั้ง ก็เป็นเวลาเกือบ4ปีแล้ว ดิฉันหวังว่าเราจะได้ใช้ความรักความผูกพันที่เรามีต่อกันนี้ในการยึดเหนี่ยวและเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันต่อไปแล้วคุยกันในหน้าเพจนะคะ

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

“จาตุรนต์” ติง ร่าง รธน. ตามยถากรรม ประชาชนไม่มีส่วนร่วม-บ้านเมืองจะเสียหาย


#TV24 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง ได้โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ส่วนตัว โดยมีเนื้อหาดังนี้

ประชามติ อย่ากลัวเสียเวลา
ผมเสนอความเห็นเรื่องการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญไว้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว หลังจากนั้นก็ได้เสนอความเห็นเพิ่มเติมมาเป็นระยะๆ ช่วงนี้เห็นมีการพูดเรื่องการลงประชามติกันมาก จึงเอาความเห็นที่เคยพูดไว้มาเสนอให้อ่านกันอีกครั้ง

มาถึงวันนี้ ผมก็ยังมีความเห็นอย่างเดิม สถานการณ์อาจเปลี่ยนไปบ้างตรงที่กฎอัยการศึกนั้นเลิกใช้ไปแล้ว แต่ก็มีการใช้คำสั่งด้วยอำนาจตามมาตรา 44 แทน ซึ่งหากจะมีการลงประชามติก็ยังจำเป็นต้องผ่อนคลายให้เกิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่อยู่ดี

ที่ต้องเน้นก็คือ การลงประชามติจะเป็นประโยชน์ มีผลดีมากกว่าผลเสียแน่นอน โดยเฉพาะยิ่งมีการประกาศล่วงหน้านานเท่าใด การลงประชามติก็จะยิ่งเกิดประโยชน์มากขึ้นตามไปด้วย เพราะผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยก็จะแสดงความคิดเห็นหรืออาจจะรณรงค์กันเต็มที่ ส่วนผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายก็จะฟังประชาชนมากขึ้นและก็ย่อมจะปรับปรุงแก้ไขตามความเห็นของฝ่ายต่างๆพอสมควร

ด้วยเกรงว่า ถ้าไม่แก้ไขอะไรเลย ร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านการลงประชามติ

บางคนก็อาจจะคิดตามที่คุณบวรศักดิ์แกบอกไว้ว่า "จะเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูล"

การไปตัดสินใจให้มีการลงประชามติกันในนาทีสุดท้าย ย่อมมีความเสี่ยงที่จะเกิดสภาพมัดมือชก

มาถึงตอนนี้ ดูเหมือนฝ่ายที่แบ่งรับแบ่งสู้ที่จะให้มีการลงประชามติ ออกมาตั้งคำถามมากมายจนกลายเป็นตั้งแง่เพื่อจะไม่ให้มีการลงประชามติไปเสียแล้ว เช่น ถามว่าถ้าไม่ผ่าน จะร่างใหม่หรือใช้ร่างไหนแทนก็ไม่ทราบ จะให้ลงประชามติเห็นชอบไม่เห็นชอบกับร่างทั้งฉบับหรือเป็นหัวข้อๆไป ถ้าบางห้วข้อผ่าน แต่บางหัวข้อไม่ผ่านจะทำกันอย่างไร เป็นต้น

บางท่านถึงกับบอกว่า ถ้าลงประชามติกันเลย ร่างนี้คงไม่ผ่าน เพราะฉะนั้นต้องชี้แจงประชาชนให้มากๆเสียก่อน แต่ก็ไม่ทราบว่า สุดท้ายจะมีการลงประชามติหรือโมเมผ่านกันไปเลย เพราะกลัวว่าถ้าขืนไปลงประชามติเข้าจะไม่ผ่าน

ความจริงการจะจัดให้มีการลงประชามติแบบไหนนั้น ไม่ใช่เรื่องยากอะไร จะถามทั้งฉบับหรือถามเป็นหัวข้อก็ได้ เพียงแต่ออกแบบให้ดีด้วยความจริงใจ ให้ถูกหลักวิชาการและชี้แจงกติกาให้ชัดเจนเท่านั้นเอง

ส่วนถ้าประชามติแล้วไม่ผ่านจะทำอย่างไร ในความเห็นของผมก็มีทางเลือกได้อย่างน้อยสัก 2 - 3 แบบคือ ให้ประชาชนเลือกระหว่างร่างของกรรมาธิการหรือรัฐธรรมนูญปี 40 หรือ ปี 50 อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ก็ให้เลือกระหว่างร่างนี้กับการยกร่างกันใหม่ นับหนึ่งกันใหม่

หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ดี ร่างใหม่ก็ร่างใหม่เถอะครับ อย่ากลัวเสียเวลา เพราะถ้ายอมให้ผ่านๆกันไปจะยิ่งเสียหายไม่สิ้นสุด เท่ากับเสียเวลายิ่งกว่า เข้าตำราเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย

ความคิดที่ว่า รีบๆให้มีเลือกตั้งกันไปเถอะ แล้วทุกอย่างก็จะดีเองนั้นใช้ไม่ได้แน่ๆ

ถ้าเราใช้รัฐธรรมนูญอย่างที่ร่างกันอยู่นี้ การเลือกตั้งก็ไม่มีความหมายอะไร ประชาชนกำหนดตัดสินอะไรก็ไม่ได้ รัฐบาลบริหารประเทศก็ไม่ได้ ความขัดแย้งก็จะปะทุขึ้นอีกโดยไม่มีทางที่ใครจะแก้ได้

ครั้นจะหวังไปแก้รัฐธรรมนูญให้ดีขึ้นในวันข้างหน้าก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเขาร่างกันไว้แบบใครก็แก้ไม่ได้ สุดท้ายก็จะกลับมาวงจรเดิมคือ ยึดอำนาจกันอีก ประเทศก็จะมีแต่ถอยหลังไปเรื่อยๆไม่จบไม่สิ้น

ท่านที่เกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญทั้งหลาย ที่ออกมาพูดสนับสนุนให้มีการลงประชามติมีมากขึ้นพอสมควร สำคัญพูดแล้วขอให้ผลักดันกันจริงเถอะครับ อย่าพูดแล้วก็ไม่ตามผล ปล่อยให้รัฐธรรมนูญออกมาโดยที่ประชาชนไม่มีส่วนร่วมหรือไม่สามารถแม้แต่จะออกความเห็น

ถ้าปล่อยกันไปตามยถากรรม บ้านเมืองจะเสียหายหนักกว่าเดิมไปอีกนานครับ

"กิตติรัตน์" เตือนเศรษฐกิจตกต่ำ เบิกจ่ายงบช้า ภาษีมรดก-ที่ดิน เขย่าขวัญเอกชน


#TV24 นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความ ผ่าน Facebook ส่วนตัว Kittiratt Na-Ranong โดยมีเนื้อหาดังนี้

รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง... 

พอภาวะเศรษกิจชักไม่ได้ดั่งใจไม่รู้จะแก้ตัวยังไง ก็น่าสนใจที่เริ่มมี อดีตนักการเมืองขั้วนู้น กับ นักวิเคราะห์เศรษฐกิจโนเนม ออกมาโทษว่าเป็นเพราะ โครงการ รถคันแรก โทษค่าแรงขั้นต่ำ โทษจำนำข้าว ฯลฯ เอาเป็นว่าโทษ อะไรก็ได้ที่รัฐบาลที่แล้วทำไว้...

ทำไมหรือครับ คืนภาษีสรรพสามิต ที่เขาจ่ายมาตอนซื้อรถคันเล็กๆ ให้คนที่ไม่เคยมีรถได้ซื้อรถไว้ใช้เอง โดยต้องถือครองรถไว้ ครบ1 ปี มันขัดหูขัดตาเพื่อนเศรษฐีขี่รถหรูนักหรือ...

ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท เป็นลูกเป็นหลานเรา ถ้าได้ต่ำกว่านั้นเขาจะมีคุณภาพชีวิตอย่างไร เคยคิดไหม หรือเห็นว่าเขาไม่ใช่คน อยากจ่ายต่ำๆ แล้วหาคนทำงานได้หรือ... 

รับจำนำข้าวเปลือกเกวียนละ 15,000 บาท เพื่อให้กระดูกสันหลังของชาติมีรายได้เฉลี่ย คนละ 242 บาทต่อวัน โดยการอุดหนุนของรัฐที่อยู่ในกรอบวินัยการคลังที่เข้มงวด ทำให้คุณภาพชีวิตของคนชนบทดีขึ้น และยังช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้ภาคการผลิตอื่นมันขัดอกขัดใจ คนรวยแล้ว นักหรือไง...

ไม่พูดเรื่องรำไม่ดีเลยนะ...

เบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า ทั้งที่น่าจะควบคุมได้ดี เพราะมีอำนาจเบ็ดเสร็จล่ะ... ไม่สามารถเจรจาสัญญาการค้าเสรี เพื่อแทนที่ จีเอสพี ที่ถูกตัดล่ะ...

บิ๊กเศรษฐกิจ พูดนู่น พูดนี่ เรื่องภาษีมรดกเอย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเอย จนภาคเอกชน คนทั่วไปเขาขวัญกระเจิง ไม่กล้าลงทุน ไม่กล้าบริโภค รายได้เข้าคลังหายหดล่ะ...

เคยต่อว่าด่าทอว่ากู้เงินแล้วชาติจะเสียหาย ซึ่งเป็นเรื่องเท็จทั้งนั้น ไงล่ะอนุมัติกู้กันไปเท่าไหร่แล้วล่ะ ไม่ต้องผ่านสภาให้ใครๆ เขาได้วิเคราะห์วิจารณ์กันเลย...

นักวิชาการโนเนม เลือกข้าง ออกมาช่วยกัน โหวกเหวกเลยนะ... 

ผมเคยบอกแล้ว ว่าให้กำลังใจรัฐบาล เห็นว่าอะไรดีก็ทำไป และยังให้กำลังใจอยู่ ผู้คนทั่วไปเขาจะได้ไม่ต้องลำบากมากนัก...

แต่ถ้ามีการ ฉวยโอกาสมั่วโทษกัน ผมต้องลูกขึ้นมาเถียง เพื่อยืนยันในสิ่งที่ คนทั่วไปเขามองออก...


วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558

“พานทองแท้” สอนคสช. ปล่อยลิ่วล้อระราน-จะปรองดองกันอย่างไร?


#TV24 วันนี้ (15 เมษายน 2558) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ Facebook ส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra โดยมีเนื้อหา ดังนี้

ถ้า คสช.จะใช้ มาตรา 44 ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติจริงๆ ควรใช้ตบปาก พวกชักใบให้เรือเสีย เป็นอย่างแรกครับ..!!

การกระทำรัฐประหารครั้งที่ผ่านมา อ้างว่าทำไปเพื่อความปรองดองของคนในชาติ ต้องการให้คนทุกสีทุกฝ่ายรักกัน ทหารจึงจำเป็นต้องติดอาวุธออกมาควบคุมประเทศ
สิ่งที่ชวนสงสัยก็คือ ทำไมบุคลากรหลายคน ที่คสช.ควรจะคัดเอาคนที่เป็นกลาง ไม่นกหวีดไม่เหลืองไม่แดง เข้ามาทำงานเพื่อสร้างความสมานฉันท์ แต่ทำไมส่วนใหญ่ จึงเป็นพวก Hard Core สายนกหวีดติดธงอ้างชาติ กันซะเยอะ..!!

3 จังหวัดภาคใต้ใครเป็นผู้ดูแลความสงบเรียบร้อย จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นพื้นที่อิทธิพล ของนักการเมืองคนใด ถ้าจะก่อเหตุสร้างสถานการณ์ ใครจะเป็นผู้กระทำได้สะดวก มีหรือการข่าวระดับประเทศจะไม่รู้ไม่เห็น ถ้ามีคนบงการจริงๆ จะต้องระบุให้ชัดว่าเป็นใคร ไม่ใช่ไฟเขียวปล่อยให้ลิ่วล้อ ออกมาเห่าหอนกันเปรอะไปหมดแบบนี้

การควบคุมความสงบ ไม่ควรใช้วิธีบังคับให้ฝ่ายที่เป็นรัฐบาลอยู่เดิม กระดุกกระดิก พูดจาอะไรก็ไม่ได้ ส่วนฝ่ายม็อบป่วนเมือง จนเป็นเหตุให้ต้องปฏิวัติ รัฐประหาร กลับให้ตำแหน่งเป็นทางการ แถมปล่อยให้ออกมาเพ่นพ่าน เกะกะระรานชกเขาข้างเดียวแบบนี้ มันจะปรองดองกันได้อย่างไร?

การ"ก่อการร้าย" อาจสร้างความเสียหาย น้อยกว่าการปล่อยให้คนมีตำแหน่ง ออกมา"ก่อการระยำ" สร้างความแตกแยกให้กับบ้านเมืองนะครับ..!!


พระสุเทพโผล่แล้ว! เผยหนีไม่พ้น-ระเบิดใต้ต้องรับกรรม


#TV24 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระสุเทพ ปภากโร หรือพระสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กล่าวเกี่ยวกับเหตุวางระเบิดคาร์บอม ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี  ว่า "เป็นเรื่องตำรวจ และทหารจะต้องไปสืบสวน ใครทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องรับกรรมนั้น หนีไม่พ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ ทุกคนก็ทราบกันดี"

“สุวพันธ์ุ” รับระเบิดใต้ยังสรุปไม่ได้ รมว.สำนักนายกฯ-อดีตผอ.ข่าวกรองยัน “ไก่อู”ข้อมูลไม่รอบด้าน


#TV24 เมื่อวันที่ 12 เมษายน นายสุวพันธ์ุ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เกาะสมุย และเพลิงไหม้ที่สหกรณ์โคอ๊อฟ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อกลางดึกวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังดำเนินการหาหลักฐาน และเมื่อคืนวานนี้ (11 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงก็ได้เข้าควบคุมตัวนายนรินทร์ อ่ำหนองบัว หรือ "เอ็ม เสื้อแดง" ไปสอบสวนอยู่ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่ ส่วนเจ้าหน้าที่การข่าวก็กำลังติดตามหาข่าวเพื่อไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นอีกทั้งในส่วนกล่าวและภูมิภาค ซึ่งเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีสั่งการไว้

"เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงต้องสอบสวนนายนรินทร์ก่อนว่าโพสต์จากสาเหตุอะไร เรายังสรุปไม่ได้ ว่าเขาทำหรือไม่ทำ ตอนนี้เรายังสรุปอะไรไม่ได้เพราะยังไม่เห็นข้อมูลรอบด้าน ตอนนี้หน้าที่เราคือค้นหาความจริงว่าอะไรคือมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุที่แท้จริงจะได้หาทางระวังป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำสอง ทุกๆ เรื่องผู้มีอำนาจต้องดูให้ครบทุกมิติค่อยสรุปออกมา" นายสุวพันธุ์ กล่าว

เมื่อถามกรณี พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่าเหตุระเบิดครั้งนี้เชื่อมโยงกับเหตุระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า "ตนยังไม่เห็นข้อมูลทั้งหมด จึงยังไม่สามารถสรุปตัดสินอะไรได้ เหตุระเบิดที่เกาะสมุยเรายังระบุอะไรไม่ได้ เพราะหลักฐานไม่มากพอและไม่ชัดเจนว่าเป็นใครเป็นคนทำและใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังกันแน่"

“ถาวร” กลับลำ! ไม่มั่นใจระเบิดใต้โยงการเมือง-ยันไม่มีหลักฐาน


#TV24 นายถาวร เสนเนียม อดีตรมช.มหาดไทย ที่เคยกำกับดูแลศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ให้สัมภาษณ์แสดงท่าทีล่าสุดกับผู้สื่อข่าว กรณีที่อ้างรายงานข่าวจากความมั่นคง โดย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค4 ส่วนหน้า ระบุมีการจ้างวาน กลุ่มบีอาร์เอน จากประเทศเพื่อนบ้าน ปฏิบัติการ คาร์บอมบ์ ที่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล สมุย เมื่อวันที่ 10 เม.ย.จำนวน 5 ล้านบาท โดยโยงไปถึง 3 นักการเมืองชื่อดังในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า

"อย่าให้ผมพูดชัดเจน เพราะเราไม่มีหลักฐาน อาจถูกฟ้องร้องได้ แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น จะเกี่ยวโยงกับกลุ่มการเมืองอื่นใดหรือไม่นั้น ตนไม่ขอยืนยัน"

“อนุสรณ์” สอนพระสุเทพ การใส่ร้ายผู้คนไม่ใช่กิจของสงฆ์


#TV24 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พระสุเทพ ปภากโร แกนนำ กปปส.ระบุ เหตุคาร์บอมเป็นฝีมือของคนที่อยู่ต่างประเทศ ที่พยายามอธิบายให้เชื่อมโยงกับบางฝ่าย ว่า

"น่าแปลกใจที่ถึงวันนี้มือวางระเบิดคาร์บอมบ์ยังไม่ได้ตัว และยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร แต่พระสุเทพกลับรีบร้อนออกมาเขียนนิยาย สรุปทันทีว่าใครเป็นคนทำ หากพระสุเทพ รู้ตัวว่าใครเป็นคนทำหรือจ้างวาน ให้ระบุชื่อมาเลย หากเกี่ยวข้องกับใครเขาจะได้ฟ้องร้องได้ถูก หรือหากมีข้อมูลจริงก็ควรส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ขอยืนยันว่าพวกเราไม่มีใครจิตใจสกปรกทำร้ายประเทศได้แบบนั้น เรารู้สึกผิดหวังกับนิสัยโกหกถาวรของพระสุเทพตั้งแต่เป็นฆราวาส หวังว่า บวชแล้วจะเปลี่ยนนิสัย แต่เปล่าเลย การบวชไม่ช่วย ศีลพระ 227 ข้ออาจยากไป พระสุเทพ ควรเริ่มต้นในการรักษาศีล 5 ให้ได้ก่อน โดยเฉพาะศีลข้อ 4 คือไม่มุสารายวัน การใส่ร้ายผู้คนไม่ใช่กิจของสงฆ์ อย่าใช้สถานะพระหรือผ้าเหลืองมาระรานใส่ร้ายคนอื่น ส่วน พล.ต.สรรเสริญ ขอให้ยุติการบิดเบือนโดยใช้ความเชื่อส่วนตัว อยู่เหนือข้อเท็จจริงที่เป็นวิทยาศาสตร์ บ้านเมืองเราแตกแยกบอบช้ำมามาก การแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่รัฐพึงต้องระมัดระวัง ถ้าแก้ขัดแย้งไม่ได้ก็อยู่เฉยๆ อย่าไปราดน้ำมันเข้าไปในกองเพลิงเสียเอง"

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558

“ทักษิณ” ส่งสัญญาณเตือนพระสุเทพ เราหยุดแล้ว ท่านยังไม่หยุด-อย่าบวชแต่กาย-เลิกมุสา


#TV24 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ https://twitter.com/ThaksinLive โดยมีข้อความดังนี้

  • ถึงพระสุเทพ เราหยุดมานานแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด ท่านบอกท่านบวชแล้ว 9 เดือน อย่าบวชแต่กาย เพียงนุ่งผ้าเหลืองและโกนหัวเท่านั้น
  • ควรเอาใจไปบวชด้วย เพราะท่านมุสาเป็นประจำ นึกว่านุ่งผ้าเหลืองแล้วจะเลิกมุสา เรารู้จักกันดีพอนะ

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558

"ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" โพสต์ข้อความ สวัสดีสงกรานต์ ถึงชาวไทยทุกคน

#TV24 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ https://instagram.com/thaksinlive/ ระบุว่า "สงกรานต์ปีนี้สบายใจ ได้ทำบุญที่บ้านดูไบ" พร้อมภาพถ่ายขณะกำลังสรงน้ำพระพุทธรูป โดยมีประชาชนจำนวนมากโพสต์ข้อความสวัสดีปีใหม่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เช่นเดียวกัน


ทางด้าน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่าน Facebook : Yingluck Shinawatra ระบุว่า "เนื่องในวันสงกรานต์วันปีใหม่ไทยซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมานาน ก็ขอถือโอกาสนี้อวยพรให้พี่น้องคนไทยทุกคนประสบแต่ความโชคดี มีความสุข ความเจริญ ทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง สุขภาพกายสุขภาพใจสมบูรณ์แข็งแรงตลอดปีนะคะ"


“ยิ่งลักษณ์”ร่วมทำบุญปีใหม่ไทย ประชาชนชาวเชียงใหม่ให้การต้อนรับอบอุ่น


#TV24 เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 เม.ย. มีรายงานว่า ที่วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร พระอารามหลวง อ.เมือง เชียงใหม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี  เดินทางไปทำบุญวันสงกรานต์และวันปีใหม่ไทย โดยพระราชเจติยาจารณ์ อายุ 90 ปี เจ้าอาวาสได้พรมน้ำพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล และมอบพระสมเด็จหงษ์หยกปลุกเสกครั้งใหญ่เมื่อปี 2536 ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลูกชายและนายสมชาย

จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ และลูกชาย ได้ร่วมกันเขียนตุง (ธง) 12 นักษัตรก่อนนำแขวนสะเดาะเคราะห์ ไว้กลางวิหารหลวงตามความเชื่อของชาวล้านนา และสรงน้ำพระพุทธรูปและพญานาคหน้าองค์พระธาตุเจดีย์หลวง แล้วไปก่อเจดีย์ทราย ซึ่งระหว่างทางไปไหว้ศาลหลักเมืองและท้าวพญากุมภัณฑ์ภายในวัดมีประชาชนมารอรดน้ำสงกรานต์ให้พรอย่างเป็นกันเอง ขณะเดียวกันลูกชายได้ใช้ปืนฉีดน้ำฉีดใส่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างสนุกสนาน โดยมีนักท่องเที่ยวและประชาชนมาขอถ่ายภาพด้วยเป็นจำนวนมาก

Photo by Ketsirinya Thanasrisatit 




ข้ามคลอง อย่ากลัวเปียกน้ำ “ชูวิทย์” FB แนะรัฐตรวจสอบที่ดินเขาใหญ่


#TV24 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว “ชูวิทย์ I’mNo.5” โดยมีเนื้อหาดังนี้ 

ข้ามคลอง อย่ากลัวเปียกน้ำ

ชีวิตของผม เคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายมาทุกรูปแบบ ไม่มีอะไรต้องเสีย เมื่อจะข้ามคลอง ผมไม่กลัวเปียกน้ำ

ผมเรียกร้องความยุติธรรมเสมอภาค เมื่อหน่วยงานรัฐตรวจสอบที่ดินเขาใหญ่ ก็ควรจะทำให้ทั่วถึง บรรดาพวกที่อ้างว่าได้ที่ดินอย่างถูกกฎหมาย ไอ้คนอย่างผมก็อยากจะรู้นักว่า มันถูกต้องตามกฎหมายจริงหรือไม่ หากทำถูกต้องจริง แล้วจะกลัวอะไร? อย่า "กินปูนร้อนท้อง" ไปหน่อยเลย

ที่จะฟ้อง ผมไม่กลัว กลัวไม่ฟ้อง อย่าคิดว่ามีเงินแล้วจะดลบันดาลได้ทุกอย่าง

"เงินของคุณ ผมไม่เกี่ยว ถึงจะรวยก็เรื่องของคุณ ไม่ใช่เรื่องของผม"

ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐ เขาต้องทำหน้าที่เป็นกลาง ไม่ได้มีหน้าที่เป็นโจทย์ให้คุณ ใหญ่มากนักหรือครับ? ถึงจะเรียกเจ้าหน้าที่รัฐไปเป็นโจทย์ร่วม?

ผมเป็นหัวหน้าพรรครักประเทศไทย มีหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชน หากไม่ทำหน้าที่ แล้วจะเสนอหน้ามาตั้งพรรคทำไม?

เงิบไม่เงิบ ไปพิสูจน์กันที่ศาล ช่วงนี้ไม่ค่อยมีคนฟ้อง ทนายผมกำลังว่างงานอยู่พอดี


วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2558

อาชญากรรม เกลื่อนเมือง เหล่าอันธพาล รุมกระทืบตำรวจรับสงกรานต์


#TV24 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (12 เม.ย.) ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอ โดยเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด เหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 22.00 น. สวป.พนมสารคาม ถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกายขณะเข้าตรวจยึดจยย.ในปั๊มน้ำมัน

ล่าสุด ที่ สภ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ได้ร่วมกันตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 4 ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา หลังช่วงคืนที่ผ่านมาเกิดเหตุ กลุ่มเด็กวัยรุ่นรุมทำร้ายร่างกาย พ.ต.ท.กฤษ บุญเรืองคณาภรณ์ สวป.พนมสารคาม จนบาดเจ็บสาหัส ไม่ได้สติ

ทั้งนี้ พ.ต.ท.กฤษ อยู่ระหว่างขับรถยนต์ส่วนตัว ไปตรวจบ้านพักนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แต่เนื่องจากได้รับแจ้งเหตุว่ามีการแข่งรถบริเวณดังกล่าว จึงเข้าตรวจยึดจยย. ที่รถมีสภาพดัดแปลง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ในปั๊มน้ำมัน และอยู่ระหว่างรอร้อยเวรส่งกำลังมาสนับสนุน


ซึ่งในคลิปที่มีความยาว 1.30 นาที จะเห็นว่า พ.ต.ท.กฤษ ได้เข้ายึดรถจยย. 2 คัน ของกลุ่มเด็กแว้นในปั๊มน้ำมัน กระทั่งวินาที 48 จะเห็นว่ามีวัยรุ่นชายในชุดดำ เดินมาทางด้านหลังและพุ่งเข้าทำร้ายร่างกายจน พ.ต.ท.กฤษ ล้มลง และทุบเข้าที่ใบหน้าซ้ำหลายครั้งจนสลบ

ระหว่างนั้นชายวัยรุ่น 2 คน ที่อยู่ในที่เกิดเหตุจะรีบวิ่งไปขึ้นรถจยย.ขับหนีไป โดยมีพนักงานปั๊มน้ำมันพยายามเข้ามาห้ามปราม ก่อนที่ชายชุดดำจะวิ่งขึ้นรถจจย.ของเพื่อนในกลุ่ม หลบหนีไปในเส้นทาง ถนนทางหลวงสาย 304 มุ่งหน้า ขาเข้าจาก อ.กบินทบุรี เข้าฉะเชิงเทรา

ทั้งนี้ พ.ต.ท.กฤษ ขณะนี้อาการยังโคม่า และถูกนำตัวส่งเข้ามารักษาอาการอยู่ที่ โรงพยาบาลตำรวจ

ขอบคุณภาพถ่ายจาก เครือข่ายเพื่อนตำรวจ



"พิชัย" เตือนเศรษฐกิจทรุด แนะรัฐดำเนินการ 8 ข้อแก้ไขเร่งด่วน


#TV24 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เสนอ 8 แนวทางแก้ไขเร่งด่วน ดังนั้นเพื่อชะลอไม่ให้เศรษฐกิจย่ำแย่ ไปกว่านี้ โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าอยากขอเสนอ 8 แนวทางดังนี้

  1. เร่งการช่วยเหลือ ประชาชนที่มีรายได้น้อย โดยเฉพาะเกษตรกร โดยหามาตรการเสริมที่จะสร้างรายได้ที่ถาวร ไม่ใช่จะแจกเงินอย่างเดียว 
  2. หามาตรการให้ธุรกิจ SME สามารถกลับมาสร้างรายได้ การช่วยเหลือที่ผ่านมา ทำได้แค่เพียงยืดเวลาการปิดกิจการเท่านั้น 
  3. ปรับปรุงระบบการส่ง เสริมการลงทุน เพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่เป็นอนาคตของประเทศ เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยไม่ได้เป็นที่น่าสนใจของต่างชาติอีก แล้ว และเร่งให้มีการลงทุนอย่างแท้จริงไม่ใช่เพียงแค่ขอทิ้งไว้ 
  4. ยกเลิกกฏหมายที่ไม่เป็นสากลทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคต่อการท่องเที่ยว และการลงทุน 
  5. เร่งการลงทุนโครงสร้าง พื้นฐาน เพราะหลายเดือนที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้าเลย 
  6. รัฐธรรมนูญใหม่ที่ร่าง ขึ้นจะต้องเป็นสากลเป็นที่ยอมรับ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ใช่เขียนรัฐธรรมนูญแบบต้องการให้ได้ผลที่คาดไว้ล่วงหน้า 
  7. ในเมื่อรัฐบาลยืนยันโรดแมป ก็สมควรที่จะกำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นใจในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะแก้ปัญหาการส่งออก การลงทุน และ การท่องเที่ยวได้ 
  8. เปิดเสรีภาพให้ประชาชน ในการคิดและการแสดงออกเพื่อนำแนวคิดมาปรับปรุงประเทศให้ก้าวหน้า ไปได้ ซึ่งจะสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้นด้วย

วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2558

"ชูวิทย์" ไล่ตรวจสอบที่ “นัท กปปส.” สอนรัฐใช้ ม.44 อย่าเลือกที่รักมักที่ชัง


#TV24 11 เม.ย. 58  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว "ชูวิทย์ I'm No.5" โดยมีข้อความดังนี้

สนามกอล์ฟ รีสอร์ทหรู ของคนดี ชอบขึ้นเวทีเป่านกหวีดไล่คนโกง

เมื่อตรวจสอบ "โบนันซ่า" ที่เอาป่าสงวนไปทำสนามแข่งรถ บรรดาหน่วยงานราชการพาเหรดกันตื่นตัว ผลสรุปว่าบุกรุกป่าเขาเสียดอ้า เขานกยูง เขาอ่างหิน

ไหนๆก็ตรวจสอบแล้ว ควรตรวจให้เสมอภาค อย่าให้เขาหาว่า "เลือกที่รัก มักที่ชัง" แถบเขาใหญ่มีเยอะครับ ที่นายทุนเอาที่ดินไปโดยไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ ทำนองเดียวกับโบนันซ่า

ขอฝากกองทัพภาคที่สอง ผู้ว่าฯโคราช DSI กระทรวงยุติธรรม กรมอุทยาน กรมป่าไม้ กรมที่ดิน และหน่วยงานท้องถิ่น ช่วยตรวจสอบที่ดินสนามกอล์ฟพร้อมรีสอร์ทหรู ขายบ้านหลังละ 30 ล้าน ของคนดีที่ชอบขึ้นเวทีเป่านกหวีดไล่คนโกง 

พิกัด 14.511810, 101.431651 ชื่อ "คีรีมายา" บนที่ดินกว่าพันไร่ ติดอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ของ "คุณลูกนัท" แกนนำรุ่นใหม่ กปปส. ทายาทคนดีแห่ง "โนเบิล"

เมื่อเป็นคนดีต้องไม่มีแผล เพราะเดี๋ยวนี้มีพวกชอบอ้างเป็นคนดีแต่ปาก แต่ถูกฟ้องว่าโกงบ้าง ถูกยึดทรัพย์บ้าง

ส่วนผมเป็นคนเลวครับ อยากเป็นคนดีกับเขาเหมือนกัน จึงขอให้ช่วยไปตรวจสอบหน่อย อยู่ติดอุทยานเสียขนาดนั้น คงไม่รบกวนหน่วยงานราชการจนเกินไป

อย่างนี้ ม.44 ถึงจะ "สร้างสรรค์" ไม่ว่าสีไหน ข้างไหน ก็ตรวจสอบ 

พูดชัดขนาดนี้แล้ว อย่าหาว่าผมไม่บอกอีกล่ะ ไปช่วงสงกรานต์นี้เลยก็ดีนะครับ ประชาชนเขาจะได้สบายใจ


วุ่น! ธรรมศาสตร์ ผวาสั่งปิดประตู ย้ายที่จัด “ผู้เฒ่าขอขมา-รดน้ำดำหัวเยาวชน”


#‎TV24‬ กลุ่มนักศึกษา จัดกิจกรรม "ผู้เฒ่าขอขมา-รดน้ำดำหัวเยาวชน" โดยให้ผู้รักประชาธิปไตยร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์อันดีงาม เมื่อผู้เฒ่าอยากขอขมาเด็ก นำโดย อ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ โดยผู้จัดงานระบุว่า ในเวลา 17.00 น. จะมีพิธีรดน้ำดำหัวเยาวชน โดย ผู้หลักผู้ใหญ่

ทั้งนี้ ภายในงานดังกล่าวมีการขับเสภา "เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา" ด้วย โดย มีการเปลี่ยนสถานที่จากบริเวณลานปรีดีฯ ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เป็นบริเวณหน้าประตูท่าพระจันทร์แทน หลังมหาวิทยาลัยมีคำสั่งงดใช้พื้นที่ในการจัดกิจกรรม สำหรับผู้ใหญ่ที่มาร่วมกิจกรรมกังกล่าว อาทิ ใบตองแห้ง, อ.พวงทอง ภวัครพันธุ์, อ.ศรีประภา เพชรมีศรี, อ.สุชาติ สวัสดิ์ศรี, อ.พนัศ ทัสนียานนท์, อ.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ และ อ.อภิชาต สถิตนิรามัย

ล่าสุด ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจำนวนมาก ต่างแสดงความเห็นไม่พอใจกรณีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สั่งปิดประตูและไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัยจนเป็นเหตุให้ต้องย้ายสถานที่จัดงาน

/ ภาพถ่ายโดย Sorathan Hamphipat @Sorathan_TV24