ฉลอง 6 ปี VoiceTV "เมฆินทร์" นำทัพ โทรทัศน์คนรุ่นใหม่

#TV24 นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สถานีโทรทัศน์ VoiceTV นำคณะผู้บริหาร และพนักงาน สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณศาลพระภูมิ และประกอบพิธีทำบุญเลี้ยงพระ เนื่องในโอกาส เปิดสถานีและออกอากาศ ครบรอบ 6 ปี และถือเป็นปีแรกที่ ออกอากาศโดยได้ใบอนุญาตทีวีดิจิตอล โดยบรรยากาศในช่วงเช้า มีตัวแทนจากหลายองค์กร เข้าร่วมแสดงความยินดีกับคณะผู้บริหาร VoiceTV เป็นจำนวนมาก

สำหรับภายในปี พ.ศ. 2558 สถานีโทรทัศน์ VoiceTV ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำสถานีข่าว ด้วยงบลงทุน 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน (พ.ศ.2557) ที่ลงทุน 400 ล้านบาท คงสัดส่วนรายการข่าว 60% และวาไรตี้ 40% พร้อมปรับผังรายการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไปยังกลุ่มอายุ 18-22 ปี รวมทั้งเพิ่มรายการสำหรับนักเรียน นักศึกษา และ รายการแนะนำอาชีพที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่กำลังจะจบการศึกษา

ทั้งนี้ จะมีงาน THANK YOU PARTY ในช่วงค่ำ โดยจะเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. บริเวณ Event Hall โดย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเป็นผู้กล่าวเปิดงาน พร้อมชม Presentationชุดพิเศษ รวมทั้งมีการมอบของที่ระลึกให้กับพนักงานที่มีอายุงานครบ 6 ปี รวมทั้งมอบรางวัล Best Quality by Function Awards ในช่วงท้ายของงาน

“พิชัย” เตือน รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หวั่นกู่ไม่กลับ

นาย พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า การส่งออกเดือนพฤษภาคม กลับทรุดลงอีกโดยติดลบ - 5.01%ซึ่งเป็นการติดลบติดกันเป็นเดือนที่ 5 ไม่ได้เป็นอย่างที่ ม.ร.ว ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ได้บอกว่า การส่งออกกำลังจะฟื้นและจะเป็นบวกได้หลังจากการส่งออกเดือนเมษายนติดลบน้อยลงที่ - 1.7% ทำให้ 5 เดือนที่ผ่านมาการส่งออกลดลงถึง -4.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเชื่อได้ว่าการส่งออกทั้งปีนี้จะติดลบอย่างแน่นอน และยิ่งตอกย้ำว่าที่หม่อมอุ๋ยบอกมาตลอดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะโต 4% คงเป็นไปไม่ได้ และคงจะไม่ถึง 3% ด้วยซ้ำ เพราะจะต้องเจอปัญหาอีกหลายอย่าง เช่น ภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นนอกจากจะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นวงกว้างแล้ว ยังจะก่อให้เกิดผลเสียทางเศรษฐกิจนับเป็นแสนล้านบาทและน่าจะทำให้จีดีพีลดต่ำลงมากกว่าที่รัฐบาลคาดไว้ที่ - 0.5% จึงอยากให้รัฐบาลได้เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักในขณะนี้ โดยเฉพาะเกษตรกร ซึ่งหลายฝ่ายคงจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดรัฐบาลที่แล้วถึงต้องเร่งโครงการจัดการน้ำจำนวน 350,000 ล้านบาท อีกทั้งปัญหาการส่งออกที่อาจจะแย่ลงเพิ่มเติมหากไทยถูกลงโทษในปัญหาการค้ามนุษย์จากสหรัฐ และปัญหาการประมงจากยุโรป ปัญหาการลงทุนจากต่างประเทศที่ลดลงอย่างมาก ปัญหาการท่องเที่ยวที่ลดลงเพราะเรื่อง ICAO และ โรคเมอร์ส ปัญหาการลงทุนภาครัฐที่ยังไม่เห็นมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จึงเห็นได้ว่ากำลังจะมีปัญหาในทุกกลจักรเศรษฐกิจพร้อมกัน หากทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลท่องเป็นอย่างเดียวว่าเศรษฐกิจกำลังจะฟื้น ทั้งๆที่ทุกอย่างกำลังจะดิ่งลงเหว ปัญหาต่างๆก็จะไม่สามารถแก้ไขได้ ส่วนหนึ่งที่รัฐบาลถูกสื่อโจมตีอย่างมากจนท่านนายกฯอารมณ์เสียก็มาจากปัญหาเศรษฐกิจนี้ ที่ประชาชนเดือดร้อนกันอย่างแท้จริง จึงอยากให้ท่านนายกฯเร่งแก้ไขปรับเปลี่ยน มิเช่นนั้นเศรษฐกิจอาจจะกู่ไม่กลับ ประชาชนจะยิ่งลำบากมากขึ้น

อุปสมบท "ณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช" เพื่อไทยร่วมแน่นวัด! ได้ฉายา "ณณัฏฐ์ จันทสีโล"

#‎TV24‬ "กิ๊ก วันพอยท์" นายณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช บุตรชายนายสาโรจน์ หงษ์ชูเวช รองผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย เข้าพิธีอุปสมบทแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน 2558 ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน ได้ฉายา "พระณณัฏฐ์ จันทสีโล" แปลว่า ผู้หมดจดเหมือนพระจันทร์ โดยมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการบริหารพรรค รวมทั้ง อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย ร่วมในพิธีดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

หมายเหตุ - ดูภาพถ่ายฉบับเต็มได้ที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.888589831201020.1073741865.742693512457320&type=1&l=3c121f9a20

"เพื่อไทย" ส่งหลักฐานสู้คดีถอดถอน

วันที่ 26 มิถุนายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลา 11.00 น. ที่บริเวณหน้าลานพระบรมรูป รัชกาลที่ 7 อาคารรัฐสภา อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคเพื่อไทย กว่า 200 คน  นำโดย นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง นายพีระศักดิ์ พอจิตต์ รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 เพื่อขอคัดค้านการดำเนินการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และขอใช้สิทธิแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงในการพิจารณาถอดถอนจากตำแหน่งด้วยตนเอง

โดยนายสามารถ ระบุว่า “ตามที่ ป.ป.ช.ได้ส่งรายงานและสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ประเด็นเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มาของสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาถอดถอนออกจากตำแหน่ง เห็นว่า ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจส่งเรื่องนี้ให้ สนช.ถอดถอนออกจากตำแหน่งได้ และการดำเนินการของ ป.ป.ช.เป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากในชั้นไต่สวนข้อเท็จจริง อดีต ส.ส.ได้ขอใช้สิทธิเข้าชี้แจงข้อเท็จจริง แก้ข้อกล่าวหาด้วยตนเอง ประกอบคำชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นหนังสือที่ยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช. โดยขอให้ ป.ป.ช.ได้แจ้งกำหนดนัดเพื่อเข้าชี้แจง แต่ ป.ป.ช.กลับเร่งสรุปสำนวนและมีมติชี้มูลความผิด พร้อมส่งเรื่องให้ประธาน สนช.ดำเนินการถอดถอนออกจากตำแหน่ง โดยมิได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ และเพิกถอนต่อสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาที่รัฐธรรมนูญได้รับรองและคุ้มครองไว้ การดำเนินการของ ป.ป.ช.จึงมิชอบด้วยกฎหมาย สนช.จึงไม่มีอำนาจรับสำนวนดังกล่าวเพื่อถอดถอนออกจากตำแหน่งได้ ดังนั้น อดีต ส.ส.ในฐานะผู้ถูกกล่าวหามีความประสงค์ขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ในการแถลงและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติด้วยตนเอง ทั้งนี้ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เคยพิจารณาถอดถอนสมาชิกสภาวุฒิสภาในประเด็นเดียวกันมาแล้ว ดังนั้น อยากขอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติใช้ดุลยพินิจพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา”

#TV24 วันที่ 26 มิถุนายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลา 11.00 น. ที่บริเวณหน้าลานพระบรมรูป รัชกาลที่ 7 อาคารรัฐสภา อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย กว่า 200 คน นำโดยนายสามารถ แก้วมีชัย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง นายพีระศักดิ์ พอจิตต์ รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 เพื่อขอคัดค้านการดำเนินการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และขอใช้สิทธิแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงในการพิจารณาถอดถอนจากตำแหน่งด้วยตนเองนางสาวขัตติยา สวัสดิผล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “วันนี้มาเพื่อที่จะให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 240 กว่าคน ที่โดนถอดถอนได้ใช้สิทธิ์ขอแสดงเจตจำนงในการชี้แจงด้วยตนเองกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ถึงความเป็นมาเป็นไปว่าทำไมเราถึงทำเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมา ว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร ก็คือเป็นการแสดงเจตจำนงขอชี้แจงด้วยตัวเองเป็นรายบุคคล”เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อถึงความคาดหวังในการเดินทางมายื่นหนังสือในครั้งนี้ นางสาวขัตติยา กล่าวว่า “คาดหวังความเป็นธรรม เพราะเราก็ทำในหน้าที่ของเรา ทำในอำนาจที่เรามีในฐานะที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ณ ขณะนั้น เพราะฉะนั้น ฝ่ายนิติบัญญัติ ก็คือเป็นการร่างกฎหมาย การพิจารณากฎหมาย การแก้กฎหมาย เพราะฉะนั้น การแก้ไข รัฐธรรมนูญในส่วนของที่มาของสมาชิกวุฒิสภาก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ของเรา ที่จะปรับให้เข้ากับเหตุการณ์และความเป็นไป และทำให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เพราะฉะนั้น เราก็ต้องยืนยันว่าเราไม่มีเจตนารมณ์แอบแฝง หรือเราไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือเราไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในเรื่องของที่มาสมาชิกวุฒิสภาแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น เราก็ต้องขอใช้สิทธิ์ในการแสดงเหตุผลและความคิดของเราต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ”

Posted by TV24 สถานีประชาชน on 26 มิถุนายน 2015

ทางด้าน นางสาวขัตติยา สวัสดิผล อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “วันนี้มาเพื่อที่จะให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 240 กว่าคน ที่โดนถอดถอนได้ใช้สิทธิ์ขอแสดงเจตจำนงในการชี้แจงด้วยตนเองกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ถึงความเป็นมาเป็นไปว่าทำไมเราถึงทำเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมา ว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร ก็คือเป็นการแสดงเจตจำนงขอชี้แจงด้วยตัวเองเป็นรายบุคคล”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อถึงความคาดหวังในการเดินทางมายื่นหนังสือในครั้งนี้ นางสาวขัตติยา กล่าวว่า “คาดหวังความเป็นธรรม เพราะเราก็ทำในหน้าที่ของเรา ทำในอำนาจที่เรามีในฐานะที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ณ ขณะนั้น เพราะฉะนั้น ฝ่ายนิติบัญญัติ ก็คือเป็นการร่างกฎหมาย การพิจารณากฎหมาย การแก้กฎหมาย เพราะฉะนั้น การแก้ไข รัฐธรรมนูญในส่วนของที่มาของสมาชิกวุฒิสภาก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ของเรา ที่จะปรับให้เข้ากับเหตุการณ์และความเป็นไป และทำให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เพราะฉะนั้น เราก็ต้องยืนยันว่าเราไม่มีเจตนารมณ์แอบแฝง หรือเราไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือเราไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในเรื่องของที่มาสมาชิกวุฒิสภาแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น เราก็ต้องขอใช้สิทธิ์ในการแสดงเหตุผลและความคิดของเราต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ”

ด้านนายพีระศักดิ์ กล่าวขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนที่มาเยี่ยมรัฐสภาในวันนี้ ส่วนเรื่องกระบวนการพิจารณานั้น ขอให้เป็นไปตามหน้าที่ และขอให้ส่งตัวแทนมาพูดคุยเพื่อหาทางออกในเรื่องดังกล่าวอย่างเหมาะสม

"ปลอดประสพ" ถาม ใครทำแล้งกันแน่?

นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ในรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้

แล้งแล้วจ้า ใครทำแล้งกันแน่?

ไม่ทราบบ้านเมืองเป็นอะไร จะหาความสงบสักวันก็ให้ยากเย็น เกิดข่าวกุว่าท่านอธิบดีกรมชลประทาน (คุณเลิศวิโรจน์) ออกมาเฉ่งรัฐบาลชุดที่แล้ว (ชุดประชาธิปไตย) ว่าเป็นต้นเหตุของภัยแล้ง เพราะไปสั่งให้กรมชลประทานปล่อยน้ำเสียจนหมดเขื่อน (บ้าหรือเปล่า)

ผมคิดอยู่แล้วว่าเรื่องนี้มันแหกตา แถมยุให้ตีกันเพื่อหลีกหนีความรับผิดชอบ จึงให้ลูกน้องเก่าติดต่อท่านเลิศวิโรจน์ทันที ท่านเลิศวิโรจน์โทรกลับมา 2 ครั้ง ยืนยันว่าไม่เคยพูดแบบนั้น ท่านเล่าว่าได้บอกกับนักข่าวไปแล้วว่าปี 2555 มันเป็นเรื่อง 3 ปีมาแล้ว จึงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับภัยแล้งปีนี้ และการระบายน้ำจากเขื่อนก็เป็นรูปแบบของคณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วยราชการทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง

มาตรวจสอบข่าวพบว่าคนจุดพลุคือ ดร.เสรี ศุภราทิตย์ เอาว่าเรารู้จักกัน นับถือความรู้ซึ่งกันและกันมา อาจารย์ออกมาพูดให้ชัดอีกทีซิครับ ว่าพวกผมเป็นตัวการทำให้เกิดภัยแล้ง อธิบายมาเลยว่าเรื่อง 3 ปีมาแล้ว มันกระทบตอนนี้อย่างไร และช่วยยืนยันอีกทีว่าพวกผม (ฝ่ายการเมือง) และข้าราชการประจำทั้งหลายนิยมชมชอบการระบายน้ำเล่นๆ แบบไหนกัน

ไหนๆก็พูดถึงแล้ว ขอให้ข้อมูลกับท่านที่สนใจประกอบการพิจารณา (เป็นภูมิคุ้มกัน จะได้ไม่ถูกแหกตา)

เขื่อนภูมิพล ในปี 2554 ปริมาณน้ำเต็ม 100% (น้ำท่วมใหญ่) ปีถัดมา 2555 เก็บน้ำไว้ 94% (12,680 ล้านลม.ม.) นำเอามาใช้ในปี 2556 จนเหลือ 4,150 ล้านลบ.ม. (31%) ต่อมาปี 2557 ใช้ไป 4,016 ล้านลบ.ม. (30%) จากที่มีน้ำ 7,774 ล้านลบ.ม. (58%) ปัจจุบันมีการใช้น้ำของเดิมที่เก็บไว้ 7,200 ล้านลบ.ม. (53%) จนเหลือวันนี้ 4,115 (31%)

ดูให้ดีนะครับปี 2556 ใช้ทั้งปีน้ำเหลือ 31% ปี 2557 เหลือ 31% ในขณะที่ปีนี้ก็เหลือ 31% เท่ากันทั้ง 3 ปี แต่ปีนี้กลับแล้ง มันมีอะไรกันครับท่านผู้รับผิดชอบทั้งหลาย

มาดูสถิติของเขื่อนสิริกิติ์บ้าง ปี 2556 เหลือ 3,142 ล้านลบ.ม. (33%) ปี 2557 เหลือ 3,183 ล้านลบ.ม. (33%) ไม่แล้งจริงไหมครับ แต่พอมาปีนี้เดี๋ยวนี้มีน้ำถึง 3,464 ล้านลบ.ม. (36%) น้ำปีนี้เหลือมากกว่าปีที่แล้วด้วยซ้ำ แต่เกิดภัยแล้ง

อธิบายหน่อยสิครับแล้วแล้งได้อย่างไร ?

ขอเรียนว่าการระบายน้ำคือการใช้น้ำ น้ำที่ระบายจะออกมาทำไฟฟ้า ใช้เพื่อการเกษตรท้ายน้ำ (ชลประทาน) ใช้เพื่อการเดินเรือ ใช้เพื่อการประมง ใช้เพื่อไล่น้ำเค็ม และใช้เพื่ออุปโภคบริโภค ไม่ใช่ระบายทิ้งแบบชักโครกนะครับ การระบายน้ำมีคณะกรรมการเป็นข้าราชการประจำแท้ๆ ไม่มีนักการเมืองเลย

หลักการระบายใช้ Rule Curve หรือที่เรียกว่าระดับน้ำควบคุม คุมทั้งเก็บและการใช้ โดยปรกติจะใช้เป็นรายเดือน สำหรับสูตรการคำนวณก็มาจากข้อมูลพื้นฐานของเขื่อน ข้อมูลอุตุนิยมวิทยา ข้อมูลความต้องการใช้น้ำ โดยอาศัยหลัก Optimization Rule Curve ที่มีการใช้กันได้ผลมานานแล้ว และดูเหมือนว่าจะมีอายุมากกว่านักวิจารณ์ทั้งหลายเสียอีก

เอาละครับพอแค่นี้ สรุปว่าพวกผมไม่เกี่ยว พวกผมเปล่าทำ รัฐบาลชุดนี้ต้องรับผิดชอบหาทางแก้ให้ได้ ห้ามโมเมไปโทษคนอื่น ที่ท่านบวงสรวงพระพิรุณนั้นผมว่าก็เหมาะแล้วดีแล้ว (ผมก็ลูกพระพิรุณเช่นกัน) แต่พระพิรุณท่านจะช่วยหรือเปล่า ผมไม่รู้ แต่ผมเชื่อว่าหากท่านอยู่ในร่องในรอย ถูกทำนองคลองธรรมไม่เบียดเบียนข่มเหงผู้อื่น พระท่านต้องคุ้มครองแน่ๆ

สำหรับพวกที่ชอบเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ชอบยุแยงตะแคงรั่ว ชอบปั้นน้ำเป็นตัว ก็ต้องสำนึกพระเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านลงโทษขนาดนี้ยังไม่เข้าใจอีกหรือ อะไรๆที่แย่งจากประชาชนก็ยอมคืนมาไวๆเถิดครับ

“อนุตตมา” เตือน เศรษฐกิจตกต่ำกว่าที่คาด

วันที่ 23 มิถุนายน 2558 นางสาวอนุตตมา อมรวิวัฒน์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับลดการเจริญเติบโตของประเทศไทยในปีนี้ลง จาก 3.8% เหลือเพียง 3% ซึ่งเป็น ไปตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจได้ออกมาเตือนแต่แรกแล้ว และเชื่อได้ว่าเศรษฐกิจในสิ้นปีนี้มีโอกาสสูงที่จะโตไม่ถึง 3% ทั้งนี้เพราะปัจจัยทางเศรษฐกิจหลายอย่างไม่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะการส่งออกในปีนี้ก็จะติดลบไม่ได้เป็นอย่างที่ ม.ร.ว ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ออกมาบอกว่าเศรษฐกิจจะโต 4% และการส่งออกเป็นบวก อีกทั้งยังเจอปัญหาขององค์การบินระหว่างประเทศ (ICAO) และ ปัญหาโรคเมอร์ส ที่จะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวที่กำลังจะไปได้ดีให้หยุดชะงักลง โดยอยากเสนอให้รัฐบาลเร่งตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจขึ้นมาและให้มี บุคคลากรพอเพียง เพื่อแก้ปัญหาของ ICAO อย่างเร่งด่วน อีกทั้งอยากให้รัฐบาลได้ศึกษารูปแบบในสมัยที่รัฐบาลพรรคไทยรักไทย ป้องกันโรคซาร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันโรคเมอร์สนี้

นอกจากนี้ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยยังเป็นห่วงเรื่องภัยแล้งที่จะทำให้เกษตรกรลำบากมาก และ ยอดการส่งเสริมการลงทุนใน 5 เดือนแรก ที่มียอดโครงการลดลง 35% แต่มียอดเงินลดลงถึง 84% ซึ่ง เป็นเรื่องที่น่าวิตกอย่างมาก หมายถึงนักลงทุนต่างประเทศไม่ได้สนใจที่จะลงทุนในประเทศไทยอีกแล้ว ซึ่งจะส่งผลกระทบระยะยาวกับประเทศไทยอย่างมาก ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาและพยายามกลับสู่ระบอบ ประชาธิปไตยโดยเร็วเพื่อเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นของต่างประเทศ

“ยิ่งลักษณ์” เยือนอุตรดิตถ์ เดินสายทำบุญวันเกิดครบ 48 ปี

#TV24 เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 23 มิถุนายน 2558 ที่วัดดอนไชย ต.ชัยจุมพล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อม "น้องไปป์" ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร ลูกชาย ได้เดินทางมายังวัดดอนไชย เพื่อทำพิธีสะเดาะเคราะห์และทำบุญ คล้ายวันเกิดครบ 48 ปี โดยมี นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย อดีต รมช.การคลัง นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายปัณณวัฒน์ นาคมูล แกนนำ นปช.อุตรดิตถ์ พร้อมด้วย กลุ่มพลังมวลชนที่ยังสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวนกว่า 300 คน เดินทางมาให้กำลังใจ และมอบดอกไม้ให้กับ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงในครั้งนี้ ซึ่งเมื่อเดินทางมาถึง  นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้จุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย และกราบนมัสการ เจ้าอาวาสวัดดอนไชย จากนั้น ได้เข้าสู่พิธีบายศรีที่ชาวกลุ่มมวลชนอำเภอลับแล ได้เตรียมไว้ให้เพื่อเป็นการรับขวัญ และสะเดาะเคราะห์ไปในตัว เพื่อให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ พ้นจากเคราะห์กรรมต่างๆ ตามความเชื่อของคนท้องถิ่น

#TV24 เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 23 มิถุนายน 2558 ที่วัดดอนไชย ต.ชัยจุมพล อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อม "น้องไปป์" ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร ลูกชาย ได้เดินทางมายังวัดดอนไชย เพื่อทำพิธีสะเดาะเคราะห์และทำบุญ คล้ายวันเกิดครบ 48 ปี โดยมี นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย อดีต รมช.การคลัง นางสาวกฤษณา สีหลักษณ์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายปัณณวัฒน์ นาคมูล แกนนำ นปช.อุตรดิตถ์ พร้อมด้วย กลุ่มพลังมวลชนที่ยังสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวนกว่า 300 คน เดินทางมาให้กำลังใจ และมอบดอกไม้ให้กับ อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงในครั้งนี้ ซึ่งเมื่อเดินทางมาถึง นางสาวยิ่งลักษณ์ ได้จุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย และกราบนมัสการ เจ้าอาวาสวัดดอนไชย จากนั้น ได้เข้าสู่พิธีบายศรีที่ชาวกลุ่มมวลชนอำเภอลับแล ได้เตรียมไว้ให้เพื่อเป็นการรับขวัญ และสะเดาะเคราะห์ไปในตัว เพื่อให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ พ้นจากเคราะห์กรรมต่างๆ ตามความเชื่อของคนท้องถิ่น

Posted by TV24 สถานีประชาชน on 22 มิถุนายน 2015