วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2562

"สุดารัตน์" ห่วงทำร้ายจ่านิว เหมือนอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อน


คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

คดีทำร้ายจ่านิวรอบที่แล้วยังไม่คืบ วันนี้โดนอีก เหมือนอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อน รัฐไม่เหลียวแลความปลอดภัยให้นักกิจกรรมผู้เห็นต่างจากผู้มีอำนาจ/เอาใครมาลงโทษไม่ได้

ขอประณามการกระทำรุนแรงนี้ ขอเรียกร้องให้นายก รับผิดชอบลงมาดูปัญหานี้ด้วยตัวเอง

#คนเห็นต่างต้องไม่โดนทำร้ายอีก

"ชัชชาติ" ห่วงจ่านิวถูกทำร้าย แนะเร่งหาตัวอาชญากร


นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ผมได้เคยพบกับจ่านิวตามงานต่างๆ พบปะ พูดคุยกันบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเห็นข่าวของจ่านิวตามสื่อ ล่าสุดยังรู้สึกดีใจที่ได้ข่าวว่าน้องเขาได้รับทุนไปเรียนต่อที่ประเทศอินเดีย

กรณีจ่านิวถูกทำร้าย เป็นเรื่องอุกอาจ ทำต่อหน้าคนจำนวนมากโดยไม่เกรงกลัวอาญาแผ่นดิน หวังว่าเจ้าหน้าที่จะเร่งรัด หาตัวอาชญากรและผู้เกี่ยวข้องมาลงโทษโดยเร็ว

หวังว่าจ่านิวจะหายบาดเจ็บได้โดยเร็ว และไปเรียนต่อได้ตามที่ตั้งใจไว้ครับ

"พานทองแท้" หวังจ่านิวหายเป็นปกติ ชี้รากเหง้าเผด็จการต้นตอความรุนแรง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ในโลกประชาธิปไตย

วิธีการที่โหดร้ายป่าเถื่อน ไม่เคยชนะการเมืองภาคประชาชนเลยสักครั้ง

ทำร้าย1 เกิดใหม่10
ทำร้าย10 เกิดใหม่100

จะมีกิจกรรมประชาธิปไตยเกิดขึ้นอีกมากมาย จนกว่ารากเหง้าเผด็จการฯ ที่เป็นต้นตอของความรุนแรง จะหมดสิ้นไป

ขอให้จ่านิวหายเป็นปกติโดยเร็วนะครับ
#saveจ่านิว

"จิรายุ" รุดตรวจที่เกิดเหตุทำร้ายจ่านิว ห่วงประเทศนี้อยู่ยาก


นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตคลองสามวา พรรคเพื่อไทย พร้อมกับ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย อาทิ นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ ,นายการุณ โหสกุล ,นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ,นายพลภูมิ วิพัฒภูมิประเทศ ลงพื้นที่ที่เกิดเหตุที่จ่านิวถูกทำร้าย โดยเริ่มตรวจสอบตั้งแต่บ้านของ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว ที่อยู่ในซอยรามอินทรา 109/2 ซึ่งเป็นจุดที่นายสิรวิชญ์เดินออกมาถนนใหญ่ที่ป้ายรถเมล ซึ่งห่างประมาณ 100 เมตร
     
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า มีกล้องวงจรปิดอยู่ไม่น้อยกว่า 9 จุด มีทั้งหมด 18 ตัว ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าใช้การได้หรือไม่ ซึ่งขอเรียกร้องให้กรุงเทพมหานครรีบส่งข้อมูลให้กับตำรวจในการตรวจหาผู้กระทำผิดในทันที ซึ่งตนหวังว่าคงจะไม่ใช่กล้องดัมมี่อีก
     
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าวันนี้ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ประสานงานสั่งการให้ตำรวจนครบาล 3 ที่รับผิดชอบพื้นที่เขตคลองสามวามาตรวจที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยกำชับว่าจะหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้ได้
     
นายจิรายุ กล่าวว่า “จุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่านและเกิดขึ้นกลางกรุงเทพมหานครในเวลากลางวันแสกๆ ซึ่งวันนี้กลับไม่มีคนในรัฐบาลออกมาให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใดมีแต่ ส.ส.พรรครัฐบาลออกมาแสดงความสะใจและประชดประชันผ่านโลกโซเชียลซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง ไม่ว่าผู้ถูกทำร้ายจะเห็นต่างทางการเมือง แต่เขาเป็นคนไทยเหมือนกันและถ้าหากเป็นลูกหลานของคนในพรรครัฐบาลท่านจะทำอย่างไร”
   
“ส่วนการช่วยเหลือเบื้องต้นในขณะนี้ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ได้รวบรวมเงินเพื่อนำไปมอบให้กับคุณแม่ของนายสิรวิชญ์เป็นจำนวนกว่า 150,000 บาทและพี่น้องชาวคลองสามวา และมีนบุรีอีกกว่า 50,000 บาท โดยจะนำไปมอบที่โรงพยาบาล ในเวลา 11:00 น. วันนี้” นายจิรายุ กล่าว
     
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า “ทั้งนี้ในวันพุธที่จะถึงนี้ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรตนจะยื่นกระทู้ถามสดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องความปลอดภัยของประชาชนและขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ด้วยตัวเองในฐานะที่ท่านเคยอ้างว่าเป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทั้งประเทศ หากท่านไม่มาตอบซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ต่อการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชนประเทศนี้คงอยู่ยากเต็มที”

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562

"สุดารัตน์" ห่วงหนอนกระทู้ระบาดหนัก กัดกินข้าวโพดทั่วประเทศ


คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

หนอนกระทู้ระบาดหนัก กัดกินข้าวโพด เสียหายทั่วประเทศ

รัฐบาลยังไม่เหลียวแลแก้ปัญหาพี่น้องเกษตรกรเลย

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ดิฉันได้ไปรับฟังปัญหาของพี่น้องเกษตรกรที่อำเภอปากช่อง ตำบลวังกะทะ จ.นครราชสีมา

ทุกข์หนักของพี่น้องเกษตรกรคือการระบาดของหนอนกระทู้ที่กัดกินข้าวโพดในหลายอำเภอ สร้างความเสียหายนับแสนไร่ในจ. นครราชสีมาต้นข้าวโพดยืนต้นตายเกือบทั้งหมด โดยเกษตรกรต้องแบกรับมูลค่าความเสียหายเองทั้งหมด โดยที่ภาครัฐไม่ได้เข้าไปดูแลช่วยเหลือแต่อย่างใดเลย

ผ่านมาเกือบ 1 เดือน หลังจากที่ดิฉันลงพื้นที่ปากช่อง ปรากฏว่าปัญหาหนอนกระทู้ได้ระบาดไปทั่วประเทศแล้ว แต่ไม่มีการเหลียวแลใดๆจากภาครัฐ ปล่อยให้เกษตรกรต้องต่อสู้อย่างเดียวดายตามยถากรรม ทั้งการช่วยเหลือเยียวยา และการแนะนำวิธีป้องกันและกำจัดหนอนกระทู้

ดิฉันขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องอีกครั้ง ให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรอย่างเร่งด่วนโดย

1.เร่งสำรวจความเสียหาย และประกาศให้พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากหนอนระบาดเป็นพื้นที่ภัยพิบัติด้านการเกษตรทันที

2.เร่งจ่ายเงินค่าชดเชยทันทีเพื่อให้เกษตรกรมีเงินไปลงทุนปลูกข้าวโพดในรอบต่อไป ที่ต้องเริ่มปลูกในเดือนกรกฎาคมนี้ การชดเชยขอให้ชดเชยเป็นเงินสดเพื่อเป็นทุนในการปลูกข้าวโพดใหม่ ไม่ใช่ชดเชยโดยการซื้อยาฆ่าแมลงไปแจก เพราะขณะนี้ข้าวโพดได้ตายหมดแล้ว

3.เร่งให้ความรู้และคำแนะนำที่ถูกต้องเพื่อให้เกษตรกรรู้วิธีป้องกันและกำจัดหนอนกระทู้อย่างถูกวิธี

4.ในระยะยาว ควรหาทางรับมือหนอนระบาดล่วงหน้า ด้วยการประมวลความรู้ และพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรที่จะป้องกันกำจัดหนอนได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วถ่ายทอดอย่างเป็นระบบ ให้พี่น้องเกษตรกรได้รับรู้ทั่วถึง

เมื่อวานนี้ ส.ส.โคราช #ทีมเพื่อไทย “ส.ส.ศิรสิทธิ์ เลิศด้วยลาภ” ได้ลุกขึ้นอภิปรายในสภา เร่งรัดให้รัฐบาลแก้ปัญหาความทุกข์ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดทั่วประเทศ แต่เสียดายทั้งนายกฯและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่มีใครมาสภาเลย

พรรคเพื่อไทยจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อเร่งให้รัฐบาลนแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน

#ตำแหน่งนายกมีไว้รับใช้ประชาชน
#ความทุกข์เกษตรกรรอไม่ได้

"ภูมิธรรม" เผย เพื่อไทยเตรียมปรับทัพการสื่อสาร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการ พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ภารกิจของพรรคเพื่อไทย : ปรับกระบวนทัศน์ จัดกระบวนคน สร้างกลไกรับมือวิกฤติรัฐธรรมนูญ แสวงหาทางเลือกที่สร้างสรรค์ให้ประชาชน”

************************************

สถานการณ์บ้านเมืองหลังการเลือกตั้ง ประชาชนยังคงสิ้นหวังต่อไปกับรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจาก คสช. ซักล้างตนเองผ่านการสร้างภาพอันแยบยลว่าพวกเขามาจากการเลือกตั้งของประชาชน

ถึงวันนี้ผ่านการเลือกตั้งมาแล้วกว่า 3 เดือน พวกเขายังไม่สามารถแยกแยะและจัดสรรผลประโยชน์ต่างๆของพวกพ้องตนเองได้ลงตัว ความทุกข์ของประชาชนถูกวางไว้ข้างหลัง กลไกการแก้ปัญหาปล่อยให้เกิดเกียร์ว่าง ทิศทางที่จะแก้ไขหรือคลี่คลายปัญหาของประชาชนจึงไม่ลุล่วงลงง่ายๆ บวกกับความขัดแย้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมต่างๆที่จะเป็นข้อท้าทายกำลังถาโถมเข้ามาทุกขณะ

พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกให้มี”ตัวแทน” ของพี่น้องประชาชน จำนวนมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถเฝ้ารอและดูดายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้านในสถานการณ์ปัจจุบันมีภารกิจที่ต้องทำความเข้าใจเพื่อผลักดันให้เกิดโอกาสและทางเลือกใหม่ๆให้มากขึ้น
ภารกิจสำคัญของพรรคเพื่อไทยมีหลายด้านทั้งงานในสภา และนอกสภา เพื่อแสดงบทบาทร่วมทุกข์สุขกับประชาชน

ภารกิจเร่งด่วนอันดับแรก คือ…

“การขยายบทบาทและทางเลือกใหม่ๆ ในทุกช่องทาง…ใส่ใจและแก้ไขปัญหาความทุกข์ของประชาชน”

ในฐานะผู้แทนราษฎร และนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ควรเข้าหาร่วมทุกข์สุขกับพี่น้องประชาชน ให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับกลไกภาคประชาชน กลุ่มอาชีพต่างๆ ร่วมคิดและหาทางเลือกในการจัดการปัญหาความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ ควบคู่กับการจัดกำลังคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง เร่งตรวจสอบ ถ่วงดุลอำนาจรัฐบาลอย่างเข้มข้น หาหลักฐาน และรูปธรรม ข้อมูลต่างๆ ที่จะทำให้การตรวจสอบมีน้ำหนักและมีความน่าเชื่อถือ

“มุ่งแก้ปัญหาวิกฤตรัฐธรรมนูญด้วยมติมหาชน”

นักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยต้องใช้เงื่อนไขเวลานี้ สื่อสารต่อพี่น้องประชาชนให้เข้าใจเนื้อแท้ของรัฐธรรมนูญ ฉบับ คสช ที่แปลงร่างมาจากเงาร่างเดิมในเครื่องแต่งกายใหม่ “คสช.2”

จัดกระบวนคน ทั้งใน ละนอกสภาฯ เร่งรณรงค์และทำความเข้าใจกับประชาชนทุกกลุ่ม สาขาอาชีพทั้งสังคม ให้เข้ามีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญปัจจุบันอย่างจริงจัง
ความจำเป็นที่จะต้องสร้างความร่วมมือกับกลไกทุกภาคส่วน ขับเคลื่อน “มติมหาชน “เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะนำเราไปสู่การทบทวน การปรับกระบวนทัศน์ในการอาศัยพลังร่วมจากทุกพรรคฝ่าย และทุกส่วน ร่วมกันจัดการกับกลไกและโครงสร้างความอยุติธรรม ของรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจเดิมในการปกครองประเทศ

การเข้ามาร่วมกำหนดสาระของความเป็นประชาธิปไตยในรัฐธรรมนูญใหม่โดยฉันทามติของประชาชน จึงเป็นพันธกิจของนักประชาธิปไตยทุกคนที่จะต้องช่วยกันผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนที่สุด

“ผลักดันทุกนโยบายที่เป็นประโยชน์ตามที่ได้ให้คำมั่นกับประชาชน”

ข้อเสนอเชิงนโยบายในช่วงการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย แม้ยังไม่มีโอกาสได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลเพราะกติกาที่บิดเบี้ยววิปริตแตกต่างไปจากระบบปกติ แต่พวกเรายังสามารถสร้างช่องทางความร่วมมือกับประชาชนในเขตพื้นที่ต่างๆที่เราสัมพันธ์ด้วยอย่างใกล้ชิด ร่วมกันแลกเปลี่ยนหารูปแบบการทำงานแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนต่างๆด้วยพลังของเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างรวดเร็ว การใช้รูปแบบการสื่อสารด้วยข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชน จะยังคงสร้างสายสัมพันธ์ที่ผูกพันกันระหว่างพี่น้องเพื่อไทยกับพี่น้องประชาชน และเน้นย้ำว่า
“หัวใจของพรรคเพื่อไทยคือประชาชน”

“ปรับกระบวนทัศน์ จัดกระบวนคน ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง”

ท้ายที่สุด……หัวใจสำคัญ คือการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบคิดระบบการทำงาน การสื่อสารในแบบที่ใกล้ชิด ต่อเนื่อง สร้างสรรค์เพื่อเชื่อมโยงความยึดมั่นในพรรคเพื่อไทย ตัวนักการเมือง เครือข่ายและพี่น้องประชาชนที่ยึดมั่นประชาธิปไตย

การปรับปรุงครั้งสำคัญคือการปรับ "ภาวะการนำ" "คน" และ "กลไก" ภายในองค์กร ให้มีส่วนผสมของ องค์ความรู้ ความชำนาญในงานการเมือง ความสามารถและประสบการณ์ที่เป็นที่ยอมรับของประชาชน ภาพจำของพรรคเพื่อไทยคือความสามารถในการนำนโยบายมาปฏิบัติอย่างเป็นจริง เข้าถึงชีวิตของพี่น้องประชาชน คุณค่าเหล่านี้ที่เราเคยปฎิบัติจนลุล่วงและได้ผล เป็นผลงานที่ฝากความประทับใจให้พี่น้องประชาชน ที่ยังคงเชื่อมั่น รักและโอบอุ้มเราอย่างเสมอมา เป็นคุณค่าที่ต้องรักษาไว้และทำให้ต่อเนื่อง

สำหรับการเปลี่ยนแปลงในห้วงเวลาปัจจุบัน ที่มีความเร็วของการสื่อสารและการแย่งชิงพื้นที่การนำเสนอข่าวสาร ทำให้พวกเราต้องปรับตัว ปรับกระบวนความคิด สร้างพันธมิตรฝ่ายประชาธิปไตย การดึงส่วนผสมอันสำคัญขององค์ความรู้ใหม่ๆ วิธีการคิดที่รับมือกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น การมองหาทรัพยากรใหม่ ๆ ในการทำงาน เป็นความท้าทายสำคัญทั้งของโลกปัจจุบันและสังคมไทยการรักษาคุณค่าเดิมให้เข้มแข็ง เข้มข้น ร่วมกับการจัดสัดส่วนผสมของความรู้ วิธีคิด ที่มีทักษะความชำนาญของโลกสมัยใหม่ เป็นการสร้างเส้นทางการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลาย จะทำให้พรรคเพื่อไทยของเรามีการปรับตัวและสามารถแสดงบทบาทที่รับความท้าทายของโลกใหม่และสังคมไทยที่กำลังต้องการความเปลี่ยนแปลงได้อย่างดี

ทั้งหมด นับเป็นภารกิจสำคัญที่ท้าทายพรรคเพื่อไทย …ท้าทายนักการเมืองและผู้บริหารชุดใหม่ของพรรคเพื่อไทย ที่จะอาสาเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งในการทำงานในกระแสการเปลี่ยนแปลง และร่วมเคียงคู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป

พรรคเพื่อไทย……วันนี้เราพร้อมที่จะรับความท้าทายใหม่ๆ. ที่กำลังเกิดขึ้น



วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2562

"ชวลิต" สอน "ชวน" สอบกระบวนการสรรหา ส.ว.

       
นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นต่อกรณีพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ ว่า
ญัตติตรวจสอบกระบวนการสรรหา ส.ว.ส่อแท้ง ดังนี้
       
ตามข้อบังคับการประชุมสภา ฯ ข้อ 43 กำหนดว่า ให้เป็นอำนาจของประธานสภา ฯ ที่จะวินิจฉัยว่า ญัตติใดเป็นญัตติด่วน หรือไม่? และเมื่อวินิจฉัยแล้วให้แจ้งผู้เสนอญัตติ ทราบพร้อมด้วยเหตุผล ภายใน 5 วัน
นับแต่วันได้รับญัตตินั้น
           
บัดนี้ เกิน 5 วัน นับจากวันทึ่ได้ยื่นญัตติแล้ว ผู้เสนอญัตติยังไม่ได้รับการแจ้งจากประธานสภา ฯ ว่า
ไม่รับญัตติพร้อมเหตุผลประกอบ จึงอนุมานได้ว่า เมื่อเกิน 5 วันตามข้อบังคับสภา ข้อ 43 ดังกล่าวแล้ว ท่านประธานสภา ฯ ได้รับญัตตินี้แล้ว
           
อนึ่ง ยังมีข้อบังคับข้อที่ 45 กำหนดว่า  ภายใต้ข้อบังคับข้อ 43 และข้อ 44 ให้ประธานสภาบรรจุญัตติเข้าระเบียบวาระการประชุมภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับญัตตินั้นตามลำดับที่ยื่นก่อนหลัง ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ครบ 7 วัน ตนจะได้ตรวจสอบจากสภา ฯ ว่า ท่านประธานสภา ฯ ได้สั่งบรรจุญัตติเรียบร้อยแล้วหรือยัง?
           
นายชวลิต ฯ กล่าวในที่สุดว่า ตนเชื่อว่านายชวน หลีกภัย ประธานสภา ฯ เป็นคนรักษาคำพูด รักษาหลักการ ท่านเคยให้สัมถาษณ์ว่า สภา ฯ สั่งซ้ายหัน ขวาหันไม่ได้ และท่านได้ตั้งความหวังว่า จะยกระดับความน่าเชื่อถือของสภา ฯ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านจะไม่รับญัตติที่อยู่ในอำนาจ หน้าที่ของสภา ฯ ในอันที่จะตรวจสอบกระบวนการสรรหา ส.ว.ซึ่งใช้งบประมาณจากภาษีประชาชนถึง 1,300 ล้านบาท ว่า ถูกต้อง ชอบธรรม เป็นไปตามกฎหมาย หรือไม่?

แต่ก่อนนี้  เรามักจะกล่าวกันว่า กระบวนการยุติธรรมเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ยุคนี้ สมัยนี้ จะเหลือองค์กรใดที่เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชน ซึ่งประชาชนกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด
         
ดังนั้น ต่อกรณีความไม่ชอบธรรมทางการเมืองที่เกิดขึ้นในยุคนี้  อย่าไปต่อว่าเด็กนักเรียน นักศึกษา ที่ทำพานไหว้ครูสะท้อนสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน เพราะเด็กนักเรียน นักศึกษาเหล่านั้น ล้วนต้องการรับมรดกบุญ ไม่ต้องการรับมรดกบาป จากคนรุ่นเรา เขาเหล่านั้นติดตามการทำหน้าที่ของรุ่นพี่ รุ่นพ่อ รุ่นปู่ อย่างใกล้ชิด อย่าให้เด็กสาปแช่งเราเลย ไม่อายฟ้าดิน ก็อายเด็ก รุ่นลูก รุ่นหลานของเรา

"ยิ่งลักษณ์" แนะอย่าหมดหวัง ให้กำลังใจคนไทย วันสดใสรออยู่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

วันนี้มีโอกาสออกมาดื่มกาแฟในสวน เพราะเห็นว่าอากาศช่วงนี้ดีเป็นพิเศษ 

อากาศที่นี่ไม่ได้ดีทุกวันค่ะ บางวันฝนตก บางวันก็หนาว เปลี่ยนไปตามสภาพของแต่ละวั

ก็คงเหมือนกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงของชีวิตคนเรา ที่บางครั้ง บางช่วงเวลาก็ไม่เป็นดั่งใจเรานึก

ดิฉันขอให้กำลังใจทุกท่านที่กำลังท้อ หรือผิดหวังกับสถานการณ์ต่างๆที่กำลังเกิดขึ้น

ขอให้ทุกคนยิ้มสู้ และอย่าหมดหวัง

วันที่สดใสรอเราอยู่เสมอนะค

"เพื่อไทย" ใจกว้างให้ประยุทธ์ยืมโครงการ “หวยบำเหน็จ”


ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับแนวคิด เรื่อง การนำโครงการหวยออยไลน์ หวยบนดิน กลับมาใช้อีกครั้ง หากถามว่าเห็นด้วยหรือไม่ อาจต้องพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียอีกครั้ง เพราะบริบทต่างๆ ของประเทศได้เปลี่ยนไปมากจากอดีต

แต่มีอีกหนึ่งทางเลือก คือ โครงการ “หวยบำเหน็จ” ซึ่งพรรคเพื่อไทยนำเสนอในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เป็นนวัตกรรมทางนโยบายที่เหมาะสมกับสภาวะของประเทศไทยปัจจุบัน เพราะเป็นการผสมผสาน “วิถีชีวิตของคนไทยที่ชอบเสี่ยงดวง” เข้ากับ “ภาวะสังคมสูงวัยที่ขาดเงินออม”

หวยบำเน็จ ทำให้ประชาชนสามารถซื้อหวยแล้วได้ลุ้นรางวัลเหมือนเดิม แต่ที่ต่างคือหากถูกหวยกิน เงินต้นทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในบัญชีส่วนตัว แล้วได้คืนทั้งหมดเมื่ออายุ 60 ปี

กล่าวคือ “ซื้อเยอะ ก็ได้ลุ้นเยอะ และเก็บออมได้เยอะในเวลาเดียวกัน”

จะเห็นได้ว่าเป็นโครงการที่กระตุ้นให้เกิดการออม ผ่านการสร้างแรงจูงใจ โดยงบประมาณภาครัฐ เพื่อปรับโครงสร้างการออมของประเทศที่กำลังมีปัญหา

พรรคเพื่อไทยไม่ติดใจหากนายกรัฐมนตรีจะเอาโครงการนี้ไปปรับใช้ เพราะอย่างที่ได้พูดไว้เสมอว่า เราต้องการเป็นฝ่ายค้านที่สร้างสรรค์ อะไรที่ดีก็แลกเปลี่ยนกัน เพื่อประโยชน์ของประชาชน และเราเสียดายนโยบายดีๆ แบบนี้ หากไม่มีโอกาสได้นำไปใช้

หากรู้สึกไม่สะดวกใจที่จะเอานโยบายที่ดีของพรรคคู่แข่งไปใช้ หากจะเปลี่ยนชื่อเป็น “หวยประชารัฐ” พรรคเพื่อไทยก็ไม่ขัดข้อง

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2562

"ลดาวัลลิ์" อัด ประยุทธ์ ขายฝันอาเซียน

"ลดาวัลลิ์" หวั่น "ประยุทธ์" ชวนผู้นำอาเซียนฝันลมๆแล้งๆเพราะบริหารประเทศ 5 ปียังรั้งท้ายอาเซียน


นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงถ้อยคำการกล่าวเปิด ประชุมสุดยอด ผู้นำอาเซียน ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพที่ผ่านมานั้น มีทั้งการกล่าวถึงประวัติความเป็นมา สภาพปัญหาในปัจจุบันที่อาเซียนต้องเผชิญ การนำเสนอแนวคิด"ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” “อาเซียนเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง" สำหรับคนไทย ต่างประเทศไม่แน่ใจนักว่าจะมีสักกี่คนให้ความสนใจคำประกาศของพลเอกประยุทธ์ และมั่นใจแค่ไหนว่า ในความเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 ที่เหลือเวลาอีก 6 เดือนนั้น รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรัฐบาลไทยในการเป็นประธานอาเซียน ที่จะสร้างพลังความเข้มแข็ง การก่อเกิดมิตรภาพของประชาชน ทั้ง 10 ประเทศประชาคมอาเซียน เพราะการเป็นผู้นำประเทศของไทยมาเป็นเวลา 5 ปีเศษ ภายใต้คสช.พลเอกประยุทธ์ก็ไม่สามารถพัฒนาประเทศไทยให้เกิดความเข้มแข็งเกรียงไกรทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจและด้านวัฒนธรรมให้บังเกิดขึ้นได้เมื่อจะต้องมารับบทเป็นประธานประชาคมอาเซียนที่มีความแตกต่างหลากหลายกับประเทศไทย และมีความแข็งแกร่งหลายด้านที่เหนือกว่าประเทศไทยโดยเฉพาะด้านการเมืองและความมั่นคงของมนุษย์จะไปทำอะไรได้

กรณีที่พลเอกประยุทธ์พูดถึงความฝันที่อยากจะ ทำให้เกิดขึ้นในอาเซียน 3 ประการคือ 1 ฝันว่าจะมุ่งสู่การเป็นดิจิตอลอาเซียนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 2.ฝันที่จะเห็นความร่วมมือของอาเซียนและ 3.ฝันที่จะให้อาเซียนมีความยั่งยืนในทุกมิติ ประเด็นนี้ก็อีกเช่นกัน ไม่ทราบว่าระหว่างที่ผู้นำอาเซียนนั่งฟังประโยคเหล่านี้พวกเขาจะคิดอย่างไร อาจจะคิดว่าคงได้แต่ฝันลมๆแล้งๆ ตอนนี้รัฐบาลประยุทธ์ 2 ที่กำลังจะเข้าบริหารประเทศก็ยังแทบจะเอาตัวไม่รอด เพราะรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำขาดเสถียรภาพ คนไทยยังมีการแบ่งฝ่ายกันอยู่ และผู้รักประชาธิปไตยก็ต้องการปลดล็อคอำนาจคสช.ไม่ต้องการให้สืบทอดอำนาจอีกต่อไป นับประสาอะไรจะไปผลักดันให้ประชาคมอาเซียน ทำในสิ่งที่ฝันให้ประสบความเป็นจริงได้

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2562

"ณัฐวุฒิ" จับสังเกต "อุตตม" รอดคดีทุจริตธนาคารกรุงไทย

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้


วันนี้ผมไปที่ศาลจังหวัดพัทยา ทำหน้าที่จำเลยที่ 1 ร่วมกับคุณจตุพร คุณวีระกานต์ นพ.เหวง และคุณอดิศร จำเลยที่ 2 - 5 ในคดีเกิดเหตุระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อปี 2552

การชุมนุมคราวนั้นพวกเราเป็นจำเลยในศาลอาญา รัชดาแล้ว อยู่ในขั้นตอนการนัดสืบพยาน แต่เจ้าหน้าที่เอาพยานหลักฐานเดิมทั้งหมดมาฟ้องที่พัทยาอีกครั้ง จึงร้องต่อศาลว่าเป็นการฟ้องซ้ำหรือไม่ ซึ่งต้องรอคำวินิจฉัย

คดีที่พัทยามีผู้ต้องหาในชั้นพนักงานสอบสวนอีกคน คือ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน แต่วันนี้อัยการบอกว่านำตัวบุคคลดังกล่าวมาฟ้องไม่ทัน คดีจึงขาดอายุความ !??!

ด้วยความสัตย์จริงผมไม่ติดใจหากใครที่เคยต่อสู้กันมาจะหลุดพ้นคดี เพราะพี่น้องผมทั้งแกนนำและมวลชนเป็นกลุ่มคนที่ต้องคดีความ และถูกกระทำสารพัดรูปแบบหนักหนากว่ากลุ่มใดๆ แต่คำอธิบายว่าขาดอายุความ(ช่วงกลางเดือน เม.ย. 62)เพราะนำตัวมาฟ้องไม่ได้ในคดีนี้ เป็นเรื่องที่ยังเข้าใจยาก

ผู้ต้องหาทั้ง 6 คนเป็นผู้สมัครส.ส.ต่างพรรค ยกเว้นคุณจตุพรซึ่งถูกตัดสิทธิ์แต่ก็เคลื่อนไหวในสนามเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง หลังการเลือกตั้งแต่ละคนยังปรากฏตัวในที่สาธารณะ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเป็นที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่มีเพียงคนเดียวที่นำตัวมาฟ้องไม่ได้

ผม คุณวีระกานต์ นพ.เหวง เป็นผู้สมัครพรรคไทยรักษาชาติ คุณอดิศร พรรคเพื่อไทย คุณจตุพร เป็นกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ ส่วนคุณสุภรณ์ ย้ายจากพรรคเพื่อไทยไปเป็นผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ มีข้อแตกต่างกันทางคดีอย่างไรหรือไม่

เคยมีกระแสข่าวว่าคนบางกลุ่มใช้ประเด็นช่วยเหลือเรื่องคดีความ ชักชวนส.ส.ให้ย้ายไปอยู่พรรคที่ตั้งขึ้นใหม่ ไม่ทราบว่าคดีที่ผมพูดถึงอยู่มีตื้นลึกหนาบางเกี่ยวข้องอย่างไร

ยิ่งเห็นกรณีคุณอุตตม หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐที่เกี่ยวข้องกับคดีเงินกู้ธนาคารกรุงไทย แต่ไม่ถูกฟ้องดำเนินคดีเหมือนกรรมการคนอื่นๆก็ยิ่งไปกันใหญ่

สังคมใดที่กระบวนการยุติธรรมถูกใช้เป็นเงื่อนไขต่อรองผลประโยชน์ต่างๆได้ จะพูดถึงประชาธิปไตยและสันติสุขของประชาชนในมิติไหน

ย้ำอีกทีว่าคุณสุภรณ์พ้นคดีผมไม่อิจฉา ไม่คาใจ

เพียงแต่สังเวชใจกับคำว่าอภินิหารทางกฎหมาย และปาฏิหารย์แห่งหลักนิติธรรมที่เกิดขึ้นเท่านั้น

"จาตุรนต์" ถามประยุทธ์ รออะไร ทำไมไม่ตั้งรัฐบาล?


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ตั้งครม. ทำไมต้องรอกรกฎา รอกรกฎาเพื่ออะไร?

ครบ 3 เดือนพอดีนับจากวันเลือกตั้ง ถ้าตั้งครม.ปลายเดือนหน้า ก็จะครบ 4 เดือนหรืออาจจะกว่า 4 เดือนซึ่งต้องถือว่ายาวนานที่สุดที่เคยมีมา

ประยุทธ์ถือไพ่เหนือทุกฝ่ายแต่ทำไมไม่รีบตั้งครม. จะว่ายังไม่ลงตัวก็คงไม่ใช่ ถ้าให้ลงตัวเร็วกว่านี้ก็ยังได้

แต่ทำไมต้องรอ

หรือจริงๆแล้วประยุทธ์สนุกกับการเป็นทั้งนายกฯและหัวหน้าคสช.ที่มีอำนาจเต็มและไม่มีใครตรวจสอบนี้มากกว่า

ประยุทธ์เลือกที่จะทำหน้าที่ประธานอาเซียนในขณะที่ยังเป็นนายกฯในระบอบเผด็จการเต็มรูปแบบมากกว่าจะรีบตั้งครม.ให้เสร็จ การพูดอะไรกับต่างประเทศก็ไม่มีน้ำหนัก แต่ก็ไม่สน

หรือประยุทธ์ต้องการทำเรื่องผลประโยชน์สำคัญอะไรให้เสร็จเสียก่อนโดยที่สภายังตรวจสอบไม่ได้

สามเดือนมานี้ พลเอกประยุทธ์ทำอะไรไปหลายอย่างทั้งๆที่ควรจะรอรัฐบาลใหม่ที่จะต้องแถลงนโยบายเสียก่อนและตรวจสอบได้ อีก 1 เดือนต่อไปนี้จะทำอะไรอีก

ทำไมต้องรอกรกฎา รอกรกฎาทำไม?

"เพื่อไทย" ยื่นสอบ 21 ส.ว. ถือหุ้นสื่อ


นายณรงค์ รุ่งธนวงศ์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและสถิติ กองอำนวยการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เดือนที่ผ่านมาคณะทำงานศูนย์ข้อมูลฯ ได้สืบค้นข้อมูลการถือครองหุ้นสื่อมวลชนของสมาชิกวุฒิสภาได้จำนวนมาก รวมทั้งได้ประสานข้อมูลกับคุณเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เพื่อยื่นคำร้องต่อประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอให้ตรวจสอบสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในวันนี้จำนวน 21 ราย ว่าสิ้นสุดลงเพราะเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ อันเข้าลักษณะต้องห้ามตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 111 (4) ประกอบมาตรา 108 (ข.) (1) และมาตรา 98 (3) หรือไม่ รวมทั้งขอให้เร่งส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย และขอให้ศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่อีกด้วย

นายณรงค์ฯ กล่าวต่อว่า การสืบค้นข้อมูลยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งบุคคลที่อยู่ในรายชื่อสำรองถือครองหุ้นสื่ออีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะดำเนินการประสานข้อมูลเพื่อยื่นคำร้องตามช่องทางที่กฎหมายกำหนดต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2562

"ลดาวัลลิ์" เผย เลือกตั้งไทยไม่เป็นธรรม


นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นางสาวจันดานี วาตาวาลา ผู้อำนวยการเครือข่ายเพื่อการเลือกตั้งเสรี หรือ​อันเฟรล แถลงข่าวเรื่อง “โอกาสที่หายไปของประชาธิปไตยในการเลือกตั้งทั่วไป ปี2562” โดยรายงานว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีเสรีอยู่บ้างแต่ไม่เป็นธรรม และชี้ว่า กกต. ไม่เป็นกลาง รวมคะแนนและคำนวณสูตรผิดพลาด พรรคเพื่อไทยเห็นพ้องด้วยทุกประการกับรายงานของอัลเฟรล ซึ่งทำให้ประเทศไทยได้รับความอับอายขายหน้าไปทั่วเอเชียและทั่วโลก
         
นางลดาวัลลิ์ กล่าวว่า “จากสภาพที่เกิดขึ้นอาจถือได้ว่า กกต. คือผลิตผลของคสช. และ​สนช. ที่คัดสรรเข้ามา ภายใต้กติกา รธน.2560 ที่วิปริต กกต. ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในการทำงานมาก​ เช่น การประกาศผลเลือกตั้งล่าช้า เก็บดองคำร้องเรื่องการเลือก​ ส.ว.ระดับอำเภอ จังหวัด​ และประเทศที่มีข้อสงสัยในความสุจริตและเที่ยงธรรม หรือการยุติคดีกรณีพปชร. จัดโต๊ะจีนระดมทุนมีเงื่อนงำ การตีความกฎหมายที่อาจจะเอื้อต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ให้ขาดคุณสมบัติกรณีเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ รวมทั้งคุณสมบัติและการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของ ส.ส. ทำให้การได้มาซึ่ง​ ส.ส. และ​ส.ว. น่าจะผิดไปจากเจตนารมณ์และความต้องการของประชาชน กกต. น่าจะเหตุผลมาอธิบายต่อสังคมว่าไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่สังคมเคลือบแคลงสงสัยดังกล่าวข้างต้น”
         
“ปัญหาเรื่องประสิทธิภาพ และไม่เป็นอิสระในการทำหน้าที่ ทำให้การเลือกตั้งแม้จะเสรีแต่มีคำครหาเรื่องความเที่ยงธรรม ทำให้ดูประหนึ่งว่า กกต.ไม่กล้าสู้หน้ากับสื่อและประชาชน จึงค่อนข้างจะเงียบหายไป ปล่อยเจ้าหน้าที่ในระดับให้ปฎิบัติการ​ เลขาฯและรองเลขาธิการ​ มารับหน้าชี้แจงแทน กกต.ควรนำเอารายงานของ อัลเฟรล มาพิจารณาเพื่อทบทวน ปรับปรุงแก้ไขในการทำงาน ทั้งนี้เพื่อให้เป็นองค์กรอิสระที่มีประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือ และเป็นที่ยอมรับ ทั้งภายในประเทศ​ และองค์การระหว่างประเทศโดยแท้จริง​” นางลดาวัลลิ์​ กล่าว

วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2562

“ยิ่งลักษณ์” ขอคนไทยมีความสุข ขอบคุณทุกกำลังใจ-อวยพรครบรอบวันเกิด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

วันเกิดแต่ละปีเป็นการบอกว่าเราแก่ลง 1 ปี แต่สำหรับดิฉัน ทุกอย่างอยู่ที่ใจค่ะ แม้วันนี้ต้องผ่านชะตาชีวิตมาหลายรูปแบบ ก็ไม่เคยท้อ อายุก็เป็นเพียงตัวเลข หากเราหาความสุขให้ได้ ทุกอย่างก็จะทำให้ชีวิตยาวนาน

วันเกิดปีนี้ดิฉันไม่ขออะไรมากนอกจากขอความสุขในชีวิตและความหวังที่จะให้คนไทยทุกคนมีความสุขด้วยเช่นกัน

ดิฉันขอขอบคุณทุกคำอวยพร ทั้งจากพี่ชายสุดที่รัก ครอบครัว พี่น้องประชาชน และแฟนเพจทั้งใกล้และไกลที่ส่งมาให้ดิฉัน ทำให้ดิฉันมีความสุขตื้นตันใจมากค่ะ

ขอบคุณทุกคนที่ยังคงรักและคิดถึงดิฉันเสมอมา ขอความสุข คำอวยพรพร้อมความปรารถนาดีที่ได้รับ ส่งกลับไปยังทุกท่านด้วยนะคะ ด้วยรักและคิดถึงค่ะ

"อนุสรณ์" เปรียบรัฐบาลใหม่ ดุจกระสือ หัวเดิมลอยไปเปลี่ยนร่าง


นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมายืนยัน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้ตามบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ 60 ว่า “บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 60 มาตรา 264 รับรองให้คณะรัฐมนตรีคือนายกรัฐมนตรี+รัฐมนตรี ที่ดำรงตำแหน่งก่อนมีรัฐธรรมนูญ 60 เป็นคณะรัฐมนตรีคือนายกรัฐมนตรี+รัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ 60 ต่อไป แต่เมื่อพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯที่ออกจากร่างเดิม(ครม.ชุดเดิม) มาแล้ว กำลังจะเป็นนายกฯที่รอไปสวมทับกับร่างใหม่(ครม.ชุดใหม่) สภาพจึงไม่ต่างกับกระสือที่มีแต่หัว ล่องลอยไปเรื่อยๆเพื่อที่จะไปสิงร่างใหม่(ครม.ชุดใหม่) ร่างเดิม(ครม.ชุดเดิม)ก็มีแต่ตัวไม่มีหัว ดังนั้นทั้งนายกฯและครม.ชุดเดิม จึงไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ด้วยกันต่อไปได้ เพราะกลับเข้าร่างเดิมไม่ได้แล้ว เป็นข้อต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ไม่แน่ใจว่าเนติบริกรคู่กายลืมบอกหรือบอกไม่หมด เพราะหากนำประเด็นนี้ไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่แน่นอน 5 ปีที่ผ่านมาประชาชนได้เห็นหลายครั้งในหลายเรื่องที่กรอบคุณธรรมจริยธรรม หลักธรรมาภิบาลของรัฐบาลคสช.ถูกตั้งคำถาม ถ้ามีวิธีคิดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ได้ ก็ใช้รัฐบาลเก่าทำงานไปเรื่อยๆ น่าจะไม่เป็นธรรมกับประชาชน และทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาส เพราะคิดแบบนี้หรือไม่ผ่านการเลือกตั้งมาเกือบ 90 วันแล้วยังตั้งรัฐบาลไม่ได้เสียที มีแต่ข่าววิ่งเต้นต่อรองแย่งชามข้าว แย่งผลประโยชน์กัน เพราะได้ทั้งขึ้นทั้งล่องแบบนี้หรือไม่?”

"ชุมสาย" หวังดี เตือนรัฐบาลใหม่ อยู่ไม่นาน


ทนายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐที่กำลังพิจารณาให้​ ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีลาออกจากส.ส.บัญชีรายชื่อ แล้วขยับลำดับขึ้นมา​ หรือจะให้ควบตำแหน่งรัฐมนตรีกับส.ส.บัญชีรายชื่อไปพร้อมกันนั้น​ ตนเห็นว่า​ ส.ส.ที่ได้เป็นรัฐมนตรีไม่ควรจะลาออกจาก​ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพราะรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา​ น่าจะอยู่ไม่นานก็อาจตัองลาออก รัฐมนตรีทุกคนก็จะต้องพ้นตำแหน่งไปพร้อมกัน หากยังเป็น ส.ส.อยู่ก็ไม่ต้องพ้นตำแหน่งไป​เพราะ​รธน.2560 และกฎหมายไม่ได้ห้ามการดำรงตำแหน่ง​ รมต. และ​ ส.ส.
       
ทนายชุมสาย กล่าวว่า “รัฐบาลประยุทธ์ ภา​ค​ 2 ที่มีเสียง ส.ส.ในจำนวนใกล้เคียงกับฝ่ายค้าน ที่เรียกว่า เสียงปริ่มน้ำ และมีกลุ่มก๊วนไม่พอใจการจัดสรรโควต้า​ รมต. มีลักษณะ "ไร้เสถียรภาพ" และคลอนแคลนอย่างยิ่ง พร้อมจะแพ้โหวตให้กับฝ่ายค้านได้ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ประชาชนในหลายภาคส่วนนอกสภาฯ ก็ไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะบริหารประเทศและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้เกิดมรรคผลเป็นรูปธรรมได้ รวมทั้งยังมีเงื่อนไขอื่นๆ​ อันเป็นอุปสรรคของรัฐบาลอีก เช่น การถือหุ้นสื่อของ​ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจำนวนหลายสิบคน เป็นต้น ด้วยเหตุปัจจัยเหล่านี้ จึงไม่อยากให้รัฐมนตรีพรรค​พลังประชารัฐและพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆอย่าเสี่ยงไปฝากอนาคตไว้กับการเป็นรัฐมนตรี จึงเตือนมาด้วยความปรารถนาดี”

"เพื่อไทย" หนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ


ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คำพูดของ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ที่ระบุว่า ส.ส. ตรวจสอบ ส.ว. ไม่ได้ เพราะข้ามสายงานกันนั้น ชี้ให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ได้ให้อำนาจประชาชนในการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล และองค์กรอื่นๆ ตามรัฐธรรมนูญที่เป็นกลไกสืบทอดอำนาจได้อย่างเต็มที่ สมควรต้องรื้อทิ้งทั้งฉบับ ไม่งั้นต่อไปตัวแทนประชาชนในรัฐสภาจะกลายเป็นแค่เสือกระดาษ เพราะถึงแม้จะเห็นอยู่ชัดๆ ว่ามีความไม่ถูกต้องเกิดขึ้นในกระบวนการสรรหา ส.ว. แต่ ส.ส. ก็ทำอะไรไม่ได้ หรือแม้จะโชว์หลักฐานได้อย่างชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขาดคุณสมบัติที่จะได้รับเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ แต่ก็ทำได้แค่ลุกขึ้นยืนอภิปรายเพื่อให้สิ่งที่ ส.ส. พูดถูกจดลงในบันทึกการประชุมของสภาฯ เท่านั้น แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อย่างเป็นรูปธรรม ผิดกับการใช้อำนาจพิเศษตาม ม.44 ที่ดลบันดาลอะไรก็ได้ รวดเร็วทันใจ แถมยังตรวจสอบไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ให้อำนาจประชาชนเข้าไปตรวจสอบ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ประชาชนอาจหมดศรัทธาและมองว่ารัฐสภาไม่สามารถเป็นที่พึ่งและไม่ใช่เครื่องมือในการแก้ไขความอยุติธรรมได้ เพราะดีแต่พูด แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้อย่างเป็นชิ้นเป็นอัน

ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวอีกว่า แต่ถ้าหากประชาชนต้องการควบคุมการใช้อำนาจของรัฐบาล ก็มีทางเดียว คือ ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แล้วให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการร่าง หากต้องการให้ นายกฯ หรือ ส.ว มีคุณสมบัติอย่างไร ก็ให้ประชาชนกำหนดเงื่อนไขไว้ในรัฐธรรมนูญ ประชาชนจะได้ไม่ต้องมานั่งช้ำใจทีหลังเวลานั่งมอง ค.ส.ช. แต่งตั้งตัวเองและเครือญาติมาเป็น ส.ว.สรรหา กินเงินเดือนหลักแสนบาทต่อเดือนกันตามใจชอบโดยไม่เกรงใจสายตาประชาชน แต่เหตุที่พวกเขาทำเช่นนั้นได้เพราะสังคมปล่อยให้พวกเขาเขียนรัฐธรรมนูญกันได้เองตามอำเภอใจตั้งแต่แรก เหมือนดังคำกล่าวของนักปราชญ์ทางการเมืองที่ว่า "ชนชั้นใดเป็นผู้เขียนกฎหมาย ก็ย่อมร่างกฎหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชนชั้นนั้น" ดังนั้น ในรัฐธรรมนูญที่ประชาชนไม่มีส่วนร่วมในการร่างฉบับนี้ จะเห็นได้ว่า อำนาจของตัวแทนประชาชนจะเล็กกว่าอำนาจของตัวแทนเผด็จการ

"อนุดิษฐ์" เผยเพิ่งเคยเห็น รัฐขอร้องเอกชนให้ขายของแพง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้


ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นภาครัฐขอร้องเอกชนให้ขายของแพงกับประชาชน

เอกชนก็คงงงเหมือนกันว่า (กรู) ขายของถูกมันผิดตรงไหน

ของที่ว่าก็คือน้ำมันปาล์มบรรจุขวด ที่ร้านโมเดิร์นเทรดทั้งหลายขายหั่นราคาเพื่อล่อใจนักช็อป

ขายกันอยู่ดีๆที่ 24 บาท แฮปปี้ทั้งผู้ขายผู้ซื้อ หนอยแน่! ผู้มีอำนาจกลับร้องขอให้เพิ่มราคาอีก 10 บาท

กลายเป็น 34 บาท

ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องขายตามราคาต้นทุนที่แท้จริง ไม่เช่นนั้นราคาปาล์มสดของเกษตรกรจะตกต่ำ

ประกาศออกไปไม่เกรงใจผู้บริโภค ชาวบ้านร้านตลาดอ้าปากหวอ แม้แต่ผู้ขายที่ได้ประโยชน์ยังออกอาการส่ายหัว

ออกมาตรการขอร้องมาแป๊บเดียว ก็ให้ผู้รับผิดชอบออกมาขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันแก้ปัญหา สามารถดึงราคารับซื้อปาล์มน้ำมันให้สอดคล้องกับกลไกตลาด

จากเดิมราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำอยู่ที่กิโลกรัมละ 2 บาท แต่ตอนนี้ปรับขึ้นมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 3.30-3.40 บาท อยู่ในระดับที่เกษตรกรคุ้มทุน

เพิ่งรู้ว่าการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำทำได้ง่ายๆแค่นี้เอง!

แค่ขายแพงขึ้นให้กับประชาชนก็แก้ได้แล้ว จริงหรือเปล่า?

หรือเป็นแค่การโฆษณาชวนเชื่อที่ออกมาหลอกลวงประชาชนอีกเรื่องหนึ่งเท่านั้น!

ผมเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจลุงกำนันเรื่องน้ำมันปาล์มเอาไว้เมื่อปี 54 ก็พอจะมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง

เรื่องนี้พิสูจน์ไม่ยาก โปรดติดตามตอนต่อไป

ว่าแต่พรรคแกนนำฝ่ายรัฐบาลสัญญาอะไรเอาไว้กับชาวสวนปาล์ม โปรดทำให้ได้ด้วยนะครับ

ขนาดไม่มีผลผลิตปาล์มสด ราคายังได้ไม่ถึง 3.50 บาท ถ้าออกมาล้นตลาดจะขายได้ขั้นต่ำ 5 บาทอย่างที่สัญญาเอาไว้ได้ยังไง!

เป็นห่วงจริงๆครับ!

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2562

"สุทิน" แฉผ่านสื่อ ฉะสภาฯปัดตกญัตติสอบที่มา ส.ว.


ดร.สุทิน คลังแสง อดีตรองโฆษกพรรคไทยรักไทย ในฐานะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดมหาสารคาม พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ผมขออนุญาตผ่านไปยังสื่อทุกสำนักนะครับ

ตามที่ผมและพรรคร่วมฝ่ายค้าน 7 พรรคได้ยื่นญัตติตรวจสอบกระบวนการได้มาซึ่งส.ว.วันนี้ แล้วท่านประธานวุฒิสภาออกมาแสดงความเห็นว่าไม่สามารถทำได้เพราะเป็นสมาชิกคนละสภากันนั้น

ผมขอเรียนไปยังท่านประธานวุฒิสภาว่า ท่านอาจจะยังไม่ได้อ่านญัตติพวกผมหรือไม่ก็ท่านตีความผิดหรือไม่ก็เจตนาบิดประเด็น

ผมเรียนว่าญัตตินี้ไม่ได้มุ่งตรวจคุณสมบัติตัวสว.แต่มุ่งตรวจกระบวนการใช้อำนาจของคสช.ว่าได้ดำเนินการสรรหาสว.ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดหรือไม่? คำตอบที่ได้จึงจะส่งผลต่อคุณสมบัติของส.ว. ชัดเจนนะครับ ส่วนจะได้ตรวจสอบหรือไม่เป็นอำนาจการวินิจฉัยของท่านชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏรที่จะบรรจุเข้าวาระหรือไม่? และสมาชิกแห่งสภาผู้แทนราษฏรจะมีมติอย่างไร? ซึ่งผมมั่นใจว่าหากทุกฝ่ายตีความข้อกฏหมายด้วยสุจริตใจแล้วญัตตินี้จะบรรลุผลและสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องแก่บ้านเมือง

ที่มาภาพ: ชาญวิทย์ พุดบุรี

"เพื่อไทย" สั่งรัฐเร่งแก้ปัญหาฝนทิ้งช่วง

“ส.ส.เพื่อไทย” โอด ฝนทิ้งช่วง ลำไยร่วง ต้นข้าวแห้งตาย “จี้” รัฐบาลเร่งทำฝนหลวงช่วยเกษตรกรภาคเหนือตอนบนด่วน


นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จังหวัดพะเยา พรรคเพื่อไทย และ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 จังหวัดเชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้หารือในที่ประชุม ส.ส.ภาคเหนือของพรรคฯเมือวานนี้ว่าได้เกิดปัญหาความแห้งแล้งขาดแคลนน้ำเนื่องจากฝนทิ้งช่วงในจังหวัดต่างๆภาคเหนือตอนบน เช่นที่จังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา มาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว ทำให้พื้นที่การเกษตรที่ปลูกพืชหลายชนิดขาดแคลนน้ำ จนเกิดความเสียหาย เช่นต้นลำไยเหี่ยวเฉา ผลร่วง ส่วนพื้นที่นาที่เริ่มปลูกข้าวก็แห้งตาย ชาวนาต้องลงทุนเพิ่มในการปลูกใหม่ถึง 2-3 รอบ ต้นยางพาราก็กรีดไม่ได้ไม่มีน้ำยาง ต้นข้าวโพด ก็ได้รับความเสียหายด้วย การขาดแคลนน้ำเช่นนี้จะสร้างความเสียหายต่อคุณภาพของพืชผลเกือบทุกชนิด ซึ่งจะทำให้ราคาตกต่ำ หรือขายไม่ได้เลย

นายวิสุทธิ์กล่าวอีกว่า เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่การเกษตรเนื่องจากฝนทิ้งช่วงหลายจังหวัดในขณะนี้ จึงขอให้ตั้งกระทู้ถามถึงการดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้และขอให้รัฐบาลสั่งการให้ทำฝนหลวงในพื้นที่ดังกล่าวโดยเร็วก่อนที่ ผลผลิตการเกษตรจะได้รับความเสียหายมากไปกว่านี้ จะยิ่งซ้ำเติมความยากจนของเกษตรกรที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจปากท้องย่ำแย่ตลอดห้าปีที่ผ่านมา

"ลดาวัลลิ์" เปรียบพลังประชารัฐ เป็นเด็กงอแง


นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าตามที่ นายกษิต ภิรมย์ อดีตที่ปรึกษาด้านต่างประเทศพรรคประชาธิปัตย์ เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงมิตรสหายพรรคประชาธิปัตย์ถึงเหตุผลการลาออกจากพรรคนั้น นับว่าเป็นผู้ใหญ่ที่ยึดมั่นในหลักการ กล้าพูดความจริง โดยเฉพาะที่นายกษิตเขียนในจดหมายลาออกว่าพรรคประชาธิปัตย์มีมติสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีก็เท่ากับกระทำตนเป็นผู้สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของเผด็จการทหาร นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่ารัฐบาล คสช.ของพลเอกประยุทธ์ มิได้ต้องการปฏิรูปประเทศไปในทิศทาง "เสรีนิยม" หากแต่มุ่งเน้นไปในทาง "อำนาจนิยม" รวมทั้งการบริหารประเทศ 5 ปีที่ผ่านมาก็เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาใช้งบประมาณอย่างสุรุ่ยสุร่าย

นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า "หากนายกษิตยังมีบทบาทในการเคลื่อนไหวทางสังคมเพื่อ เพื่อพิทักษ์ปกป้องหลักการประชาธิปไตย คัดค้านการสืบทอดอำนาจเผด็จการคสช .ก็จะเป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างมหาศาล  แล้วจะได้รับคำชื่นชมจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมมากหากนายกษิตจะออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ คาดว่าจะได้รับความร่วมมือจากนักวิชาการและประชาชนทั่วไปอย่างแน่นอน"

นางลดาวัลลิ์ กล่าวต่อไปว่า "สำหรับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐกลุ่มอีสานตอนบน และกลุ่มด้ามขวานไทยที่ได้เปลี่ยนท่าที ยอมศิโรราบให้กับพลเอกประยุทธ์ โดยจะได้เพียงตำแหน่งทางการเมือง เล็กๆน้อยๆเปรียบเหมือนได้เศษกระดูก ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ทำขึงขัง เปิดแถลงข่าวหลายรอบว่าหากไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีจะไม่สนับสนุนรัฐบาล สุดท้ายก็ไม่ได้เป็น ความน่าเชื่อถือของประชาชนที่เคยคิดว่าจะเป็นคนจริง คนกล้า ที่แท้ก็เป็นแค่เด็กงอแงเท่านั้นเอง"

"เพื่อไทย" จับตา กทม. อนุมัติงบโรงกำจัดขยะ


19 มิ.ย. 2562 ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงข้อสงสัยที่ทางพรรคเพื่อไทยได้รับแจ้งให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของโครงการจ้างเหมาเอกชนโรงงานกำจัดขยะมูลฝอย โดยระบบเตาเผามูลฝอยมีขนาดไม่น้อยกว่า 1,000 ตัน/วัน มูลค่าโดยรวม 2 โครงการคือ  13,140 ล้านบาท  โดยแบ่งเป็นโรงงานหนองแขม และโรงงานอ่อนนุช โครงการละ 6,570 ล้านบาท ซึ่งการประกวดราคาจ้างเหมาระบบเตาเผาทั้ง 2 โครงการนี้ มีการร้องเรียนมาตลอด ซึ่งในขณะนี้ กทม.ได้ส่งผลผู้ยื่นซองประมูลให้ทางกรมบัญชีกลางแล้ว การเปิดเวลาในการยื่นซองค่อนข้างน้อย ทำให้มีหลายบริษัทไม่สามารถเตรียมเอกสารเพื่อยื่นประมูลได้ทันเวลา และการกำหนดราคากลางการกำจัดขยะมูลฝอยสูงถึงตันละ 900 บาท ซึ่งถ้าหากพิจารณา อย่างถ่องแท้แล้วราคาดังกล่าวสูงกว่าเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกันถึง 2-3 เท่าตัว และจากการคำนวณรายได้ที่บริษัทสามารถขายไฟให้กับ การไฟฟ้านครหลวงตลอดระยะเวลาโครงการ 20 ปี บริษัทที่ชนะการประมูลจะมีรายได้อย่างต่ำถึง 5.1 หมื่นล้านบาท

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ฯ กล่าวอีกว่าจากการที่พรรคเพื่อไทยได้ติดตามโครงการนี้มาโดยตลอดและได้ตั้งข้อสังเกตุว่าโครงการโรงกำจัดขยะ ผลิตไฟฟ้าโดยระบบเตาเผา ที่หนองแขม และอ่อนนุช  ดังนั้นทางพรรคเพื่อไทยจึงเล็งเห็นและมีความเชื่อว่า มีหลายบริษัทที่พร้อม และยินดีที่จะลงทุนให้รัฐโดย ไม่ต้องนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว เพื่อที่จะได้นำเงินภาษีประชาชน มาใช้ในเรื่องการศึกษาหรืออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจะดีกว่า ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยได้กล่าวทิ้งท้าย ฝากถึงผู้ว่าฯกทม.และคณะทำงานที่ ได้รับการแต่งตั้งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า หากไม่สามารถหาบริษัทที่เหมาะสม มาลงทุนได้ ทางพรรคเพื่อไทยยินดี ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

"ชุมสาย" โต้ "แก้วสรร" ยืนยัน กปปส. ไม่ใช่สันติวิธี

“ชุมสาย” ตอก “แก้วสรร” 17 กปปส.ผิดอาญาแผ่นดิน ไม่ใช่สันติวิธี ต้องสู้คดีในศาลอาญาข้อหากบฏ ก่อการร้ายไปตามปกติ ไม่ใช่พิทักษ์​ รธน.​ แต่เป็นชนวนให้​ คสช. ก่อรัฐประหาร ฉีก​ รธน.


นายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ตามที่สื่อมวลชนได้ลงข่าว เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน​   ที่ผ่านมาระบุว่านายแก้วสรร อติโพธิ กล่าวว่า จำเลย​ กปปส.17 คน จาก​ 32 คนใน​ 5​ สำนวนคดีจะยื่นคำร้องขอต่อศาลอาญาเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าเป็นการต่อต้านระบอบทักษิณ โดยสันติวิธีของปวงชนในปี 2556 - 2557  สามารถกระทำได้เพราะเป็นการใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ตาม​ มาตรา​ 69 ของ​รธน.50 นั้นว่า​ ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่มีอำนาจกระทำได้ เหตุเพราะการกระทำของ กปปส.ช่วง ปี 2556-2557 นั้นเป็นการละเมิดกฎหมายบ้านเมือง โดยชัดแจ้ง มิใช่เป็นการใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญตามเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญแต่อย่างใดและพรรคเพื่อไทยในขณะนั้นก็ไม่ได้ทำการใดเพื่อให้ได้อำนาจที่ผิดไปจากวิถีทางใน​ รธน. การที่อัยการสั่งฟ้องว่า"จำเลยร่วมกัน เป็นกบฏ ขัดขวางการเลือกตั้ง​ ก่อการร้ายฯ" ถือว่าพนักงานอัยการได้พิจารณาสั่งสำนวนไปตามข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย พยานหลักฐาน และ อำนาจหน้าที่โดยชอบแล้ว และการกระทำผิดกฎหมายในลักษณะต่างๆนั้น ยังทำให้รัฐสูญเสียเงินไปหลายพันล้านบาทซึ่งแกนนำ​ กปปส.และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดได้  จึงเห็นว่า กรณีดังกล่าว มิได้เป็นการพิทักษ์รัฐธรรมนูญโดยสันติวิธีแต่อย่างใด หากแต่เป็นการทำเพื่อสร้างเงื่อนไข ให้เกิดการทำลายรัฐธรรมนูญ มากกว่า เพราะในที่สุดก็เปิดทางให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา​ หัวหน้า​ คสช.กับพวกทำรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ 2550 ทำบ้านเมืองถอยหลังไปปกครองในระบอบเผด็จการ
   
นายชุมสายกล่าวเพิ่มเติมว่าแกนนำ กปปส. ที่ถูกฟ้องดังกล่าวต้องแก้ต่างและสู้คดีในศาลอาญา​ไม่ใช่ไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ​ ด้วยเหตุผลข้างต้น
   
ส่วนคำว่า "ระบอบทักษิณ" นั้น เป็นเพียงการสร้างวาทกรรมขึ้นมาทำลายล้างกันในทางการเมืองเท่านั้น​เป็นข้อกล่าวหาด้วยถ้อยคำเลื่อนลอย​ ทั้งๆที่ระบอบนี้ไม่มีอยู่จริง แต่ ที่เห็นเป็นรูปธรรม ในขณะนี้คือ ระบอบ คสช.ได้ถูกสถาปนาขึ้นแล้ว ในสังคมไทย โดยเข้าสู่อำนาจและ ผูกขาดอำนาจมา 5 ปีเต็ม ขณะนี้กำลังสืบทอดอำนาจต่อ ซึ่งมีแกนนำ​ กปปส.ได้เข้าสู่อำนาจด้วย​ ชาวไทยและชาวต่างชาติ กระทั่งแกนนำ​ กปปส.เองก็ย่อมทราบดี

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2562

"เรืองไกร" ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เลือกนายกฯเป็นโมฆะ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวเกี่ยวกับการ สรรหา ส.ว. 194 คน ส่อว่าจะเป็นโมฆะ และทําให้การเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นโมฆะหรือไม่นั้น นายเรืองไกร กล่าวว่า "หากพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จะเห็นได้ว่า เข้าข่ายมีมูลและเป็นเรื่องสําคัญอย่างยิ่ง ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีหลายประเด็นสําคัญที่ยังไม่ได้กล่าวถึง โดยเฉพาะช่องทางการยื่นร้องไปยังอัยการสูงสุด ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49”

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า “การเลือก ส.ว. 194 คน โดยคณะกรรมการสรรหา ส.ว. หากพิจารณาเทียบเคียงกับการเลือก ส.ว. 50 คน โดย กกต. จะเห็นได้ว่า มีสองมาตรฐานอย่างชัดเจน ทั้งที่การเลือกดังกล่าวมาจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 เหมือนกัน

การเลือก ส.ว. 50 คน มีการประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกา มีการออกระเบียบ กกต. มีการลงในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งเป็นการทําตามขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกําหนดบังคับไว้ แต่การเลือก ส.ว. 194 คน กลับไม่มีการกระทําเช่นนั้น มีการปกปิดรายชื่อกรรมการสรรหา ไม่มีการกําหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ และกรรมการบางคนยังออกมาแถแบบข้างๆคูๆ ว่า เป็นเรื่องภายในประชาชนไม่เกี่ยวอีกด้วย เรื่องนี้อาจเข้าลักษณะเป็นการใช้อํานาจตามอําเภอใจ ไม่เห็นหัวประชาชน จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานาตามมายังไม่จบสิ้น”

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า “หากพิจารณาโดยรวมตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องจะเห็นอีกช่องทางหนึ่ง คือการใช้สิทธิตามมาตรา 49 เพื่อให้อัยการสูงสุดส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การเลือก ส.ว. 194 คน ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่?”

วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2562

"สุดารัตน์" โต้ "วิษณุ" ส.ว.ไม่เกี่ยวกับประชาชน

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ หลังจากที่ รองนายกฯวิษณุ เครืองาม กล่าวถึงกรณีไม่มีการประกาศคำสั่ง คสช. เรื่องการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ลงในราชกิจจานุเบกษา ว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นเพียงคำสั่ง ไม่ใช่กฎหมาย ไม่จำเป็นต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพราะเป็นขั้นตอนภายในไม่เกี่ยวกับประชาชน โดยมีเนื้อหาดังนี้


เลือก #สวไม่เกี่ยวกับประชาชน จริงๆ ค่ะ
-แค่ใช้เงินประชาชนไป 1,300 ล้าน เพื่อไปคัดสรร #สวเพื่อตู่ มาอย่างยากลำบากจนได้ญาติพี่น้องบริวารมาเป็น #สวเพื่อตู่ เต็มสภา ยิ่งกว่าที่เคยประนาม สภาผัวเมีย
-ประกาศคำสั่ง หลักเกณฑ์การคัดเลือก ส.ว. ไม่ต้องลงราชกิจจานุเบกษา
-ผลประโยชน์ทับซ้อนตรงไหน ? แค่กรรมการคัดสรรผลัดกันเลือกตัวเอง และเลือกตามโผ เพื่อให้ได้ #สวเพื่อตู่ 250 คน ไปยกมือเลือกตู่อย่างพร้อมเพรียงกันตามโผเท่านั้น
- #สวเพื่อตู่ มีวาระ 5 ปี กินเงินเดือนจากภาษีประชาชนคนละ 113,560 บาท/เดือน บวกค่าทีมงานผู้เชี่ยวชาญ,​ ผู้ชำนาญการ, รวมเดือนที่ต้องจ่ายให้ #สวเพื่อตู่ เพียงคนละ 242,560 บาท/เดือน
เบ็ดเสร็จแล้ว แค่คนไทยต้องจ่ายภาษีเพื่อเป็นเงินเดือน ให้ #สวเพื่อตู่ 250 คน พร้อมทีมงาน รวมเดือนละเพียง 60,640,000 บาท/เดือน
รวม 5 ปี แค่ 3,600 ล้านบาท
เลือกสว. #ประชาชนไม่เกี่ยว แค่ก้มหน้าก้มตาทำงาน หาเงินมาจ่ายภาษี ให้ #สวเพื่อตู่ เท่านั้น
#สวเพื่อตู่ 250 คน สามารถเลือกตู่กลับมาเป็นนายกได้อย่างน้อย 2 สมัย 8 ปี เท่านั้นเอง เพราะ #สงเพื่อตู่ มีวาระ 5 ปี
#สวไม่เกี่ยวกับประชาชน จริงๆค่ะ เพราะว่าคนเลือกนายกฯคือประชาชน เจ้าของอำนาจ แล้วส.ว.มายุ่งอะไรคะ ตัวเองยังไม่ยอมให้ประชาชนเลือกเลยค่ะ
#สวตู่ตั้ง #สวเพื่อตู่ #ประชาชนไม่เกี่ยว จะมาบ่นอะไร ?


"เพื่อไทย" เตือนประยุทธ์ อย่าหนีประชุมสภาฯ

"โฆษกพรรคเพื่อไทย" จะรอดูสีหน้าและอารมณ์ "ประยุทธ์" ตอบกระทู้ในสภาฯ "เตือน" อย่าหนีประชุมระวังจะโดนด่าเหมือนสมัย "เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์"

     
นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ประชาชนกำลังดูว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาที่กำลังจะถูกสภาฯซักฟอกคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี จะใช้หลักอะไรมาแบ่งปันผลประโยชน์ในการเกลี่ยเก้าอี้กระทรวงให้กับพรรคการเมืองต่างๆ จะจัดคนเป็นรัฐมนตรีตามความรู้ความสามารถ หรือจัดแบบต่างตอบแทน หรือจัดตามแรงกดดันของพรรคร่วม ซึ่งมีข่าวว่าบางพรรคร้องขอเก้าอี้ รมต.คงมีรับปากกันไว้ก่อนถ้าไม่ให้ก็จะถอนตัวไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ
         
นางลดาวัลลิ์กล่าวอีกว่าการเป็นผู้นำบนตำแหน่งนายกฯไร้ซึ่งศักดิ์ศรีและความสง่างาม เพราะได้คะแนนจากส.ว.ที่โมฆะในความรู้สึกของประชาชน และจากนักการเมืองที่ทรยศประชาชนไม่รักษาสัจจะวาจา เคยประกาศจะไม่สนับสนุนเผด็จการตอนหาเสียง รวมทั้งได้ชัยชนะมาบนกติกาที่ไม่เป็นธรรม จนถูกเด็กนักเรียนนำไปล้อเลียนบน #พานไหว้ครู ทำให้ไม่มีความสง่างามเลยในสายตาประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ หวั่นเกรงว่าจะกระทบความเชื่อมั่นของบรรดานักลงทุนทั่วโลก คนไทยหวังจะได้เห็นเศรษฐกิจฟื้นคงเป็นไปได้ยาก
         
นางลดาวัลลิ์กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อเปิดประชุมสภาผู้แทนฯในแต่ละสัปดาห์ พลเอกประยุทธ์ต้องมาประชุม จะมาอ้างติดประชุมกรรมการชุดนั้นชุดนี้ไม่ได้ หรือแกล้งหนีประชุมเพราะไม่อยากฟังเสียงตัวแทนประชาชนก็ไม่ได้

จึงขอให้ย้อนดูประวัติศาสตร์การเมืองสมัยพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เลขาธิการคณะปฎิรูปการปกครองแผ่นดินที่มีพล.ร.อ.สงัด ชลออยู่เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารเมื่อ 6 ตุลาคม 2519 มาเป็นนายกฯหลังเลือกตั้งเดือน เมษายน 2522 เป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ

มีอยู่ครั้งหนึ่งในการประชุมสภาฯพล.อ.เกรียงศักดิ์ไม่มาเข้าร่วมประชุมในฐานะนายกฯ ได้ถูกม ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ส.ส.กรุงเทพฯ หัวหน้าพรรคกิจสังคมยืนขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยวลั่นสภาฯด้วยความไม่พอใจที่พล.อ.เกรียงศักดิ์ซึ่งไม่ได้เป็นส.ส.ไม่มาร่วมประชุมเพื่อตอบกระทู้ถามในฐานะนายกฯว่า
"ผมขอให้ท่านประธานสภาฯไปตามจิกหัวนายกฯมันมาเข้าประชุม ส.ส." หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวใหญ่หน้า1ทุกฉบับในเช้าวันรุ่งขึ้น พล.อ.เกรียงศักดิ์ซึ่งได้ฉายาจากสื่อว่า"อินทรีย์แห่งทุ่งบางเขน"เป็นนายกฯเพียง6เดือนก็เกิดวิกฤต ต้องลาออก
         
จึงขอฝากไปถึงพลเอกประยุทธ์ว่า เปิดประชุมสภาฯแล้ว อย่าหนี มาตอบมาชี้แจงฝ่ายค้านด้วยตัวเอง จะพูดพล่ามแบบพูดคนเดียวเหมือนทุกคืนวันศุกร์ 5 ปีที่ผ่านมาไม่ได้ ขอแนะนำให้ถามตัวเองอีกครั้งว่า มาเป็นนายกฯสมัย 2 เพื่อสืบทอดอำนาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดอย่างมหันต์หรือไม่?
         
นางลดาวัลลิ์ กล่าวในตอนท้ายว่าอยากให้พลเอกประยุทธ์รีบสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐโดยเร็ว วันนี้พรุ่งนี้ยิ่งดี แล้วมาเป็นหัวหน้าพรรคด้วย อยากดูว่าจะไปได้สักกี่น้ำ จะได้รับความเกรงใจจากรัฐมนตรีและส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลแค่ไหน ส่วนกับส.ส.ฝ่ายค้านนั้นไม่มีความนับถือ ไม่เกรงใจพลเอกประยุทธ์นั้นแน่นอนอยู่แล้ว

วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2562

“ลดาวัลลิ์” หนุนพานไหว้ครูประชาธิปไตยเทียบเผด็จการ


นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยโพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์โดยระบุว่า เด็กนักเรียนตื่นตัวสนใจเรื่องการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่ดีแล้วเป็นการปลูกฝังแนวความคิดที่เป็นประชาธิปไตยตั้งแต่เยาว์วัยเด็กๆจะได้รู้จักคิดเปรียบเทียบให้เห็นว่าประชาธิปไตยแตกต่างกับเผด็จการอย่างไรบ้างสื่อ Social Media ทำให้เด็กนักเรียนรับรู้ข่าวสารการเมืองโดยละเอียดทันเหตุการณ์พร้อมกับผู้ใหญ่ทุกวันเวลาเด็กก็สามารถสะท้อนความคิดเห็นออกมาได้เองในพานไหว้ครูคงไม่ต้องมีใครมาชี้นำคงไม่มีใครอยู่เบื้องหลังเหมือนคำพูดของพลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณแน่นอนกรณีนี้ผู้ใหญ่ควรชื่นชมและให้กำลังใจเด็กมากกว่าจะมาตำหนิและดูถูกความคิดและการกระทำของ

วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2562

"คนรุ่นใหม่เพื่อไทย" เซ็งประชาธิปไตยจอมปลอม ได้รัฐบาล500


ดร. เทอดธนัท สีเขียว คนรุ่นใหม่พรรคเพื่อไทย กล่าวถึง ประเทศไทยที่ได้นายกฯ คนใหม่ รัฐบาลใหม่ ซึ่งเป็นผลมาจากการ "ปฎิรูปการเมือง มา 5 ปี" ประเทศชาติและประชาชนได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมาบ้าง ในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่ตอนที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ประกาศให้มีการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ก็รู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากที่จะได้สัมผัสการเลือกตั้งที่ประชาชนคนไทยจะได้ใช้สิทธิ์ของตัวเองเลือกผู้แทนของปวงชนและมอบสิทธิ์ให้ผู้แทนของปวงชนไปโหวตเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรมจริยธรรม ซื่อสัตย์สุจริตเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง แต่กลับรู้สึกเซ็งขึ้นมาทันทีหลังจากเห็นผลการเลือกตั้งจนถึงวันนี้ดูเหมือนสถานการณ์จะยิ่งแย่กว่าเดิม จนสื่อต่างชาติชี้ว่าการเมืองไทยเป็น "ประชาธิปไตยจอมปลอม"
         
ดร. เทอดธนัทกล่าวอีกว่า อาการเซ็งประการแรกคือ ได้เห็นการเมืองแห่งการทำลายล้าง ทำทุกวิถีทางเพื่อขจัดฝ่ายตรงข้ามไม่ให้ขวางเส้นทางสู่อำนาจ เซ็งที่สองคือได้รัฐธรรมนูญแบบใหม่ ที่ดีไซน์เพื่อกลุ่มการเมืองบางกลุ่มได้จริง การเลือกตั้งที่สกปรกที่สุดทำให้ผู้แพ้กลายเป็นผู้ชนะ จนสร้างความมึนงงไปทั้งโลก เซ็งที่สามคือได้ ส.ว.ที่ไม่รู้ว่ากรรมการสรรหาเป็นใครมาจากไหน ต้องไล่จี้ไล่ถามเหมือนเด็กเล่นซ่อนหา จึงขอฝากผู้แทนปวงชนช่วยซักฟอกที่มาและคุณสมบัติในสภาฯให้หน่อย และเซ็งที่สี่จัดว่าโคตรเซ็งเลย คือได้คนที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมมาเป็นนายกรัฐมนตรี จึงขอเรียกร้องให้ผู้แทนปวงชนทั้งหลาย ช่วยกันอภิปรายตรวจสอบคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีอีกรอบหนึ่งตอนแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภาให้ด้วย ทั้งในด้านกฎหมายและด้านจริยธรรม เพราะสังคมหวาดกลัวว่าหัวหน้า "รัฐบาล500" อาจจะบริหารนโยบายล้มเหลว สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ  ประชาชนจะเดือดร้อนมากกว่าที่เป็นอยู่ และจะทำให้ประเทศไทยล้าหลังหลุดโลก

วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2562

พรรคฝ่ายค้านเสียงข้างมากรวมตัว จับมือเดินสายพบประชาชน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพเชิญพรรคร่วมฝ่ายค้านประกอบด้วย พรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ และพรรคพลังปวงชนไทย พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อขอบคุณในความร่วมมือในการประชุมรัฐสภาในช่วงที่ผ่านมา และกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกันของ 7 พรรคการเมือง


ต่อมาเวลา 19.00น. นายภูมิธรรม เวชชยะชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยตัวแทนทั้ง 7 พรรค แถลงผลการหารือ โดยนายภูมิธรรม กล่าวว่า จากนี้ทั้ง 7 พรรค จะจัดทำวิปฝ่ายค้านขึ้นมา รวม 30 คน จะประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 17-18 มิถุนายน ที่พรรคเพื่อไทย จากนั้นจะสลับไปประชุมในแต่ละพรรค เราจะร่วมกันทำงานอภิปรายในสภา ทั้งการได้มาซึ่ง ส.ว. และคุณสมบัตินายกฯ ว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่? รวมถึงการอภิปรายซักฟอกการแถลงนโยบายของรัฐบาล นอกจากนี้จะร่วมกันเดินสายรณรงค์ ทำความเข้าใจประชาชนนอกสภา โดยมีภาคประชาชน สถาบันการศึกษา เข้ามามีส่วนร่วม ยืนยันว่าเป็นการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ











วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2562

"พานทองแท้" ชี้การเมืองไทยถอยหลัง เปรียบโจรแย่งสมบัติไม่อายฟ้าดิน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

การเมืองไทยถอยหลังไปกี่ปี..? หาก #นักการเมืองไม่ต่างจากโจร #ไม่มีสัจจะในหมู่โจร #โจรสามัคคีกันตอนปล้น #โจรทะเลาะกันตอนแบ่งสมบัติ #ก่อนปล้นโจรเป็นมิตรกับชาวบ้าน #ปล้นเสร็จเหยื่อโดนถีบหัวส่ง #โจรแย่งสมบัติแบบไม่อายฟ้า-ดิน กากบาทครั้งหน้า! จำไว้ให้ดี..อย่าตกเป็นเหยื่อ “โจร”