วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2565

"ทวี" นำทัพ คนรุ่นใหม่ประชาชาติ ลงพื้นที่นนทบุรี

พันตำรวจเอกทวี  สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย นางสาวอนุสรา มู่ฮัมหมัด อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นนทบุรี พรรคประชาชาติ นายนัฐพล กาวินคำ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานี เขต 1 พรรคประชาชาติ นายปริญญา กิจยิ่งยง อดีตผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตภาษีเจริญ พรรคประชาชาติ นายไชยพล เดชตระกูล คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคประชาชาติ และ นายธวัชชัย แสงวัณณ์ ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวนายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ ส.ส.ปัตตานี เขต 4 พรรคประชาชาติ เดินทางมาร่วมงานประจำปี มัสยิดนูรุ้ลอิสลาม (สุเหร่าเขียว) อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เพื่อร่วมกิจกรรมการกุศลหารายได้ ซ่อมแซมมัสยิด โรงเรียน สวัสดิการครู และใช้ในกิจการการศึกษา โดยมี ดร.อุมัร เจริญสุข อิหม่ามประจำมัสยิด และคณะกรรมการมัสยิดร่วมต้อนรับ มีประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมจำนวนมาก



พันตำรวจเอกทวี กล่าวว่า กิจกรรมการกุศลหารายซ่อมแซมมัสยิด โรงเรียน สวัสดิการ ครู และใช้ในกิจการการศึกษาถือเป็นความรับผิดชอบต่อการอยู่ร่วมกันในเรื่องของมิติของศาสนา การศึกษาและพหุวัฒนธรรมในประสบการณ์การอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีโรงเรียนประจำมัสยิดที่เรียกว่า ตาดีกา สถาบันปอเนาะ และก็โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคน มีรูปธรรมอย่างหนึ่งจะพบว่าเด็กที่ไปเรียนสถาบันปอเนาะหรือไปเรียนตาดีกา พ่อแม่ผู้ปกครองจะมีความรู้สึกได้ว่าผู้เรียนมีความรับผิดชอบต่อพ่อแม่ ครอบครัว และที่สำคัญในเด็กที่ไปเรียนปอเนาะสถาบันตาดีกาไม่มีใครติดยาเสพติด แต่ถ้าไปเรียนอื่นๆมีติดยาเสพติด พ่อแม่มองโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา สถาบันปอเนาะ โรงเรียนตาดีกา ทำให้ลูกหลานเขามีความรับผิดชอบการเรียนศาสนา เป็นการเปลี่ยนมนุษย์จากคนป่าเถื่อนให้เป็นคนมีศาสนาให้เป็นคนมีจริยธรรม การศึกษาเป็นการเปลี่ยนมนุษย์จากไม่รู้ให้รู้ โดยเฉพาะการศึกษาที่มีศาสนาเป็นการเรียนเรื่องชีวิตคือจะทำอย่างไรให้ชีวิตในโลกนี้และโลกหน้าอยู่ในหลักคำสอน พรรคประชาชาติเราถือหลักที่ให้ความสำคัญความเป็นมนุษย์มีความสำคัญอย่างยิ่ง แม้จะมีความแตกต่างหลากหลาย ทุกคนต้องได้รับการให้เกียรติมีความเสมอภาคและมีความเท่าเทียมกัน เราเชื่อมั่นว่าถ้าในแนวทางไม่แบ่งคนว่าคนหนึ่งใหญ่กว่าอีกคนให้ความสำคัญในความเสมอภาคสิทธิเสรีภาพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความยุติธรรม เป็นแนวทางการสร้างสังคมและสร้างประเทศให้เจริญงอกงามและเป็นสันติสุข ต้องให้สังคมมีความยุติธรรม และปัญหาของประชาชนทั้งประเทศที่เดือดร้อนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม พรรคประชาชาติมีความรับผิดชอบต่อปัญหาเรื่องการศึกษา ศาสนา สังคม เศรษฐกิจปากท้อง เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างแท้จริง นโยบายสำคัญที่พรรคประชาชาติใช้ความเป็นธรรมและการศึกษานำการเมืองการทหาร เพราะว่ามนุษย์ทุกคนที่มีเหมือนกันคือให้สมองและสติปัญญาเพื่อต้องการให้คนใช้เรียนรู้ ดังนั้นเรียนรู้ก็ต้องไม่ใช่เรียนรู้สิ่งต่างๆจะเกิดจากความรู้ทั้งสิ้น กำแพงเมืองจีนก็สร้างด้วยความรู้ ไม่ใช่สร้างด้วยอาวุธ กิจกรรมที่ท่านผู้มีเกียรติที่ได้มาร่วมวันนี้ คือ มาร่วมงานกุศลที่มาสร้างร่วมกัน รับผิดชอบต่อสังคม ศาสนาและการศึกษาเพื่อความเจริญรุ่งเรืองกับประเทศ ท้ายที่สุดก็ขอดูอาให้องค์อัลเลาะห์ให้พรกับทุกคนจงประสบความสุขครับ





ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่จะไปร่วมงานที่มัสยิดนูรุ้ลอิสลาม (สุเหร่าเขียว) พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง และคณะได้พบปะพูดกับประชาชน ณ มัสยิดอัลฮู่ดา คลองโต๊ะนุ้ย อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี มีท่านสมหวัง บุญเพชร อิหม่ามประจำมัสยิดอัลฮู่ดาและคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนนทบุรี  นายยะฟัร ผ่องใส คอเต็บมัสยิดอัลฮู่ดา คลองโต๊ะนุ้ย และคณะกรรมการคุรุสัมพันธ์แห่งประเทศไทย นายอาวุฒิ วงษ์ประเสริฐ อดีตรองนายกอบต.ไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ได้ร่วมพูดคุยถึงวิถีชีวิตของชุมชนที่มีมุสลิมประมาณ 200 คน อายุชุมชนมากกว่า 100 ปี ที่ตั้งมัสยิดมีวัดอยู่โดยรอบจำนวน 4 วัดล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน บูดูปลาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเฉพาะที่มีชื่อเสียงของชุมชนที่ได้รับความนิยมผู้ซื้อต้องสั่งจองล่วงหน้าก่อนทางออนไลน์ วิถีชีวิตเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ซึ่งพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง และคณะ ได้มอบถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด ที่มาพบปะด้วย








วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2565

“ทวี” ปลุกสภา ร่วมปลดโซ่ตรวนลูกหนี้ กยศ.ทั่วไทย

เลขาธิการพรรคประชาชาติ ชี้ พ.ร.บ.กยศ.ยุค คสช.ขัดรัฐธรรมนูญ ละเมิดสิทธิ ล้วงข้อมูลผู้กู้  ซ้ำดอกเบี้ย-เบี้ยปรับทำกำไรเกินธนาคารพาณิชย์  ดันร่าง พ.ร.บ.ฉบับพรรคประชาชาติ ใช้คืนแค่เงินต้น ยืดเวลาใช้หนี้ 30 ปี เรียนดีเกียรตินิยมยกหนี้ให้ คนเรียนจบมีการศึกษาคือกำไรของประเทศ 


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 3 ครั้งที่ 25 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ 26 ม.ค. 2565 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้กล่าวสรุปการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่...) พ.ศ.... หลังจากที่ ส.ส.ของพรรคประชาชาติได้มีการอภิปรายถึงร่าง พ.ร.บ.กยศ.ที่ทางพรรคประชาชาติได้เสนอ


พ.ต.อ.ทวี อภิปรายว่า จากร่าง พ.ร.บ.ที่มีทั้งหมด 5 ร่าง ฐานคิดของพรรคประชาชาติอาจจะต่างจากอีก 4 ร่างในบางประการ ฐานคิดที่พรรคประชาชาติมองว่า การศึกษาเรียนรู้เป็นการพัฒนามนุษย์ สิ่งที่มนุษย์ทุกคนมีติดตัวคือ สมองกับความคิด สมองกับสติปัญญา มนุษย์ทุกคนเกิดมาเพื่อจะศึกษาเรียนรู้ เพราะความรู้เท่านั้นที่จะสามารถนำประเทศและสังคมไปสู่การพัฒนา การวัดคุณภาพของสังคมใดสังคมหนึ่งเขาจะวัดกันที่คุณภาพของคน ไม่ได้วัดกันที่คุณภาพของอำนาจ ไม่ได้วัดกันที่คุณภาพของความกว้างขวาง 


ที่สำคัญหลักคิดของพรรคประชาชาตินั้น เรามองว่าการศึกษาเป็นสิทธิมนุษยชน การศึกษาเป็นสิทธิขั้นพื้นที่ฐาน และการศึกษาเป็นเรื่องที่รัฐจะต้องดูแลคนในประเทศ เพราะรัฐบาลในทางความเป็นจริงคือผู้ที่เก็บภาษีอากรจากประชาชน  ในรัฐธรรมนูญ ปี 2560 บอกหน้าที่ของประชาชนไว้ในมาตรา 50 (4) ว่าประชาชนต้องเข้ารับการศึกษาอบรม การศึกษาภาคบังคับ หน้าที่ของประชาชนทุกคนยังต้องศึกษา และมีกำหนดเป็นหมวดใหม่คือ “หน้าที่ของรัฐ” ระบุในมาตรา 51 ว่า อะไรในหมวดหน้าที่ของรัฐ ย่อมเป็นสิทธิของประชาชน ย่อมเป็นสิทธิของชุมชน แล้วประชาชนหรือชุมชน ถ้าเห็นว่ารัฐไม่เร่งดำเนินการ ปล่อยปละละเลย ประชาชนก็จะมีสิทธิที่จะฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องได้ และตามคำสั่ง คสช.จึงได้ออกคำสั่งที่ 28/2559 เรื่องจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี ก็คือการศึกษาตั้งแต่อนุบาล จนถึงการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือ ระดับ ปวช.3  อันนี้ต้องเป็นการศึกษาฟรีแบบมีคุณภาพ 


เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวอีกว่า วันนี้รัฐบาลไม่บังคับตามรัฐธรรมนูญ แต่ไปว่ามีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ในรัฐธรรมนูญบอกไว้แล้วว่า คนที่ไม่มีสินทรัพย์ คนยากไร้ขาดแคลนทุนทรัพย์ รัฐต้องทำ 2 อย่าง คือ 1.สนับสนุนโดยรัฐ  2.รัฐต้องมีกองทุน ซึ่งรัฐก็มีกองทุนจริง คือ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ที่ได้งบประมาณปีละ 5-6 พันล้านบาท ปรากฏว่า กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเกือบ 99 เปอร์เซ็นต์ ไปแย่งทำงานกับการเรียนฟรี 15 ปี แต่ไม่ไปดำเนินการกับผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 54 (5) (6) ดังนั้นกองทุน กยศ.ที่เกิดขึ้น ผมเห็นว่าจะต้องมีบทบาทหนึ่งเป็นกองทุนเพื่อการศึกษาสำหรับผู้ขาดแคลน 


ประเทศไทยเรา การศึกษาถูกทำลายอย่างรุนแรงในยุคของ คสช. สิ่งที่เห็นได้ดีที่สุดคือ พ.ร.บ.กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 ที่ไปทำลายหลักการสำคัญของ พ.ร.บ.กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาปี 2541 คือ การศึกษาในกองทุนฯปี 41 บอกว่า จะคิดดอกเบี้ยก็ได้ แต่ต้องคิดเท่ากับดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารออมสินที่วันนี้ไม่ถึง 50 สตางค์ด้วยซ้ำ แต่ใน พ.ร.บ.ปี 60 ไปคิดดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี เท่านั้นยังไม่พอ ไปคิดเบี้ยปรับร้อยละ 18 ต่อปี รวมเบี้ยปรับกับดอกเบี้ยเป็นร้อยละ 25.5 ต่อปี ถือว่ากำไรสูงมาก 


เท่านั้นยังไม่พอยังทำลายหลักการละเมิดสิทธิมนุษยชน คือการทวงหนี้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้กู้ได้หมดเลย เปิดเผยข้อมูลได้ ซึ่งปกติต้องไปขออำนาจศาลในการเปิดเผย แต่ กยศ. สามารถบุกเข้าถึงได้ และที่สำคัญ มาตรา 50 ยังให้ กยศ.มีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สิน (บุริมสิทธิ คือ สิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในการที่จะได้รับชําระหนี้อันค้างชําระแก่ตนจากทรัพย์สินนั้นก่อนเจ้าหนี้อื่นๆ) คือ สมมติถ้าลูกหนี้ กยศ. ไปกู้ธนาคาร  ธนาคารก็จะไม่ให้กู้ เพราะ กยศ.เป็นหนี้บุริมสิทธิ ถ้าปล่อยกู้แล้วมีปัญหาลูกหนี้ต้องจ่ายหนี้ กยศ.ก่อน และทำให้ลูกหนี้ กยศ. ต้องเดือดร้อนจนต้องไปหาเงินจากหนี้นอกระบบ จึงเป็นวิกฤติอย่างในทุกวันนี้


พ.ต.อ.ทวี อภิปรายอีกว่า สรุปแล้ว พ.ร.บ.กยศ.ถ้าไม่แก้ ปัญหาไม่รุนแรงขนาดนี้ เพราะใน พ.ร.บ.กยศ.ปี 41 ถ้ามีดอกเบี้ยก็แค่ 1 สลึง แล้วจริงๆ พอหลังจากรัฐธรรมนูญปร 60 ประกาศใช้แล้ว การมีดอกเบี้ยจะทำไม่ได้เด็ดขาด เพราะดอกเบี้ยคือ คนที่ได้เรียนจบ และมีการศึกษา ทำให้ประเทศมีกำไร นี่คือหลักคิดของพรรคประชาชาติ 


เราจึงแก้กรณีที่ 1 คือ มาตรา 6/1 ให้การกู้ยืมของผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์เป็นทุนการศึกษา แต่มีเงื่อนไขให้คณะกรรมการได้พิจารณา แต่หลักใหญ่ก็คือเป็นหนี้ต้องใช้หนี้ และมาตรา 44 ที่เป็นมาตราหลักก็คือ การใช้หนี้เฉพาะเงินต้น การใช้หนี้ต้องไม่มีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ ผมถือว่าการมีดอกเบี้ยสำหรับผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ ทำผิดกฎหมาย และการมีเบี้ยปรับอย่างโหดร้ายก็ต้องยกเลิก และให้ใช้หนี้เมื่อมีความพร้อม ภายในระยะเวลา 30 ปี ซึ่งผมเชื่อว่าภายใน 30 ปี ลูกหนี้มีความพร้อม 


เราแก้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ป.วิแพ่ง) ในการบังคับคดีว่า ถ้าจะบังคับคดีกับลูกหนี้  ลูกหนี้ต้องมีเงินอยู่ 20,000 บาท เงินสงเคราะห์ต่างๆ ไปบังคับไม่ได้ แต่ทาง กยศ. ทำได้หมด ทำแบบนี้นอกจากทำตัวเป็นธนาคารพาณิชย์ ยังเป็นการรีดเลือดเอากับคนที่จะเป็นอนาคตของประเทศ คน GEN Y อายุ 21-37 ปี GEN X ถึง 60 ปี เกิดมาต้องมีทุกข์กับการเป็นหนี้และเป็นหนี้ที่เป็นภาษีอากรของประชาชน


เลขาธิการพรรคประชาชาติ อภิปรายอีกว่า อยากให้เพื่อนสมาชิกทุกคนรับร่าง พ.ร.บ.นี้ เรามาร่วมกันปลดโซ่ตรวนที่เป็นภาระอันยิ่งใหญ่ การศึกษาเป็นสิทธิขั้นพื้นที่ฐานที่รัฐจะต้องจัดการให้ แต่เมื่อไปดูงบการเงินของ กยศ. ปรากฏว่าเบี้ยปรับ 1.6 หมื่นล้านบาท ดอกเบี้ยรวม 3 หมื่นกว่าล้านบาท เงินก้อนนี้แทนที่จะไปส่งน้องเรียนตามที่อ้าง เอาไปให้ กยศ. กรรมการเอาไปใช้ รวมตัวเลข 8 พันกว่าล้าน นี่มันคืออะไร คุณกำลังเอาเงินจากผู้ยากไร้ ทั้งที่ในหลักการทั้งศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม คนมือบนต้องช่วยมือล่าง แต่นี้กลับเอาเงินจากคนมือล่างมาหล่อเลี้ยง 


ดังนั้นผมอยากให้พิจารณาร่างของพรรคประชาชาติ โดยคนที่ถูกฟ้องร้องหรือคนที่กู้อยู่ 6.1 ล้านคน จะต้องนำกลับมาทบทวน ต้องไม่มีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ คนที่อดีตถูกฟ้องร้องและถูกดำเนินคดีไปแล้ว 1.2 ล้านคน ก็ควรจะถูกส่งคืนเฉพาะเงินต้น ไม่ได้ไปยกเว้นหนี้ให้ และประเด็นสำคัญที่เรายกเว้นให้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนดีได้เกียรตินิยม หรือเป็นหลักสูตรที่รัฐเห็นว่ามีความจำเป็นต่อประเทศอันนี้ก็สำคัญ 


วันนี้ พ.ร.บ.ที่รัฐบาลยกร่างมาอันตรายอย่างยิ่ง  มีกรรมการที่มาจากกระทรวงการคลัง คือ ต้องการทำให้ กยศ.เป็นธนาคารพาณิชย์ แต่ธนาคารพาณิชย์ยังต้องจ่ายดอกให้คนฝากเงิน แต่ กยศ.ไม่ต้องจ่าย ที่สำคัญไปยกเลิกอนุกรรมการ 2 ชุดที่มาจากกระทรวงศึกษาธิการ เพราะอาจจะไปขัดขวางการดำเนินการต่างๆของกรรมการ จึงเป็นเหตุให้กรรมการใช้เงินได้ตามอำเภอใจ 


พ.ต.อ.ทวี อภิปรายทิ้งท้ายว่า ถ้าจะดูอดีตสังคมใดให้ไปดูที่พิพิธภัณฑ์ ถ้าจะดูปัจจุบันให้ไปดูที่หน่วยปฏิบัติ ถ้าจะดูอนาคตให้ไปดูที่การศึกษา วันนี้อนาคตของประเทศไทยแทบจะไม่มีเลย เรียนฟรี 15 ปี ไปตั้งกองทุน แต่ให้อีกกองทุนไปแย่งกันใช้เงินก้อนนั้น แต่กับคนที่ขาดแคลนยากไร้ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดถูกปล่อยปละละเลย 


จึงอยากเรียกร้องว่า เมื่อเราตั้งกรรมาธิการแล้วอยากให้เรามาร่วมกันสร้างชาติด้วยการศึกษา การศึกษาเท่านั้น ความรู้เท่านั้น จะเปลี่ยนทุกอย่างให้ดีได้ รัฐสภาที่เป็นตึกที่เราอยู่นี้ เกิดด้วยความรู้นะ ไม่ได้เกิดด้วยอาวุธ ไม่ได้เกิดด้วยกำลัง ความรู้จะเกิดขึ้นได้ต้องมีการศึกษา ผมจึงข้อสนับสนุนร่างของรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านทั้ง 5 พรรค และอยากให้ไปพิจารณาในวาระ 2 และวาระ 3 อย่างใช้สติปัญญาและมองที่อนาคตของชาติเป็นสิ่งสำคัญ เพราะคนกลุ่มนี้เป็นคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ แต่ต้องมาเป็นหนี้ ที่เกิดจากการเรียนรู้ ผมคิดว่า เราควรมาร่วมกันสร้างวาระสำคัญของชาติ

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2565

รองโฆษกพรรคประชาชาติ หนุนแนวคิด "ปุ๋ยแห่งชาติ"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมนตรี​ บุญจรัส รองโฆษกพรรคประชาชาติ ในฐานะที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย เผยแพร่ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

"ปุ๋ยแห่งชาติ"

จากสถานการณ์ปุ๋ยแพง​ เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน​ เพราะต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น​ ส่งต่อเป็นลูกโซ่ไปยังผู้บริโภคปลายทางที่ราคาผักผลไม้และอาหารที่เกี่ยวกับภาคการเกษตรสูงขึ้นตามด้วย

ประเทศไทยนำเข้าแม่ปุ๋ยจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากจีนเกือบ 100% เมื่อจีนและประเทศต่าง ๆ ชะลอการส่งออก​ ทำให้ราคาปุ๋ยในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว​ เกษตรกรเดือดร้อนถ้วนหน้า การจัดตั้ง "ปุ๋ยแห่งชาติ" เริ่มได้ยินเสียงเรียกร้องจากกลุ่มเกษตรกรและภาคเอกชนต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ​ สนับสนุนให้มีการกลับมารื้อฟื้นแนวคิดนี้กันใหม่ 

โดยส่วนตัวผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะ​ "ปุ๋ยแห่งชาติ"  สามารถช่วยเหลือเกษตรกรด้านต้นทุนการผลิตได้​ สามารถคานอำนาจกับกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ได้บ้างไม่มากก็น้อย​ ยังดีกว่าปล่อยให้ตกอยู่กับนายทุนผูกขาดกำหนดราคาเองตามใจชอบ

"ปุ๋ยแห่งชาติ​" เคยมีการก่อตั้งมาแล้ว แต่มีกระบวนการทำให้เกิดภาพการบริหารจัดการที่ล้มเหลว และล้มเลิกไป​ ทั้ง ๆ ที่เป็นโครงการที่ดีมาก

ถ้าสภาผู้แทนราษฏรสามารถฟื้น "ปุ๋ยแห่งชาติ" ขึ้นมาในตอนนี้ได้​ นับได้ว่าเป็นเรื่องดีมาก​ เพราะอาจจะสามารถนำเรื่องแร่โพแทสเซียมภาคอีสานที่มีมากมายมหาศาลมาใช้ประโยชน์เพื่อลดการนำเข้าและสนับสนุนการผลิตเพื่อส่งออกสร้างรายได้ให้ประเทศอีกทางหนึ่งด้วยครับ


"คีรี กาญจนพาสน์" แชร์ประสบการณ์ธุรกิจ ช่วยสตาร์ทอัพจังหวัดชายแดนใต้

ภาคธุรกิจ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่และประชาชน ร่วมกันแสวงหาอนาคตที่ดี เชิญ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจชายแดนภาคใต้



ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2565 เวลา 13.30-16.30 น. ที่สวนอาหารริมน้ำ อ.เมือง จ.นราธิวาส กลุ่มที่ใช้ชื่อว่านักธุรกิจรุ่นใหม่จังหวัดชายแดนใต้ (กลุ่ม YES) อำนวยความสะดวกนำภาคธุรกิจ  ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ หอการค้า สภาอุตสาหกรรม และภาคประชาชน ประมาณ 120 คน เต็มล้นห้องประชุมสวนอาหารริมน้ำ เชิญนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ อดีตประธานรัฐสภาและรัฐมนตรีหลายกระทรวง พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรและเลขาธิการพรรคประชาชาติ ในฐานะคลุกคลีพื้นที่ชายแดนใต้และผู้ริเริ่มก่อตั้งกลุ่ม YES นายกูเฮง ยาวอหะซัน นายอับดุลอายี สาแม็ง นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ ที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรพรรคประชาชาติ ร่วมเสวนาด้วย



ภายในงานภาพรวมของเศรษฐกิจสังคมในจังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และศักยภาพเศรษฐกิจชายแดนใต้ อาทิ ดร.นิเมธ พรหมพยัต ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส ได้แสดงความปิติดีใจอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสจากนายคีรีเสนอให้เห็นศักยภาพของอำเภอแว้ง เชื่อมอำเภอเบตงที่เป็นเมืองสวยงามบรรยากาศเหมือนสวิสเซอร์แลนด์ที่เป็นศักยภาพของการท่องเที่ยวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ นายไพซอล อาแว นายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส ได้เสนอศักยภาพและโอกาสของจังหวัดนราธิวาส เมืองชายแดนและข้อเสนอการพัฒนา


นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา ได้นำเสนอศักยภาพของจังหวัดยะลาโดยต้องพัฒนาเชื้อมโยงทั้งยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ที่ยะลาจะเป็นเกาะที่สวยงามและมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางด้านเกษตร คมนาคมการค้าและการท่องเที่ยว นายวรุต ชคทิศ ประธานกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่และอุตสาหกรรมปัตตานี ศักยภาพของปัตตานีศูนย์กลางอาหารทะเล และตลาดสิ้นค่าประมงที่ใหญ่ปลายด้ามขวาน ดร. อาแซ สะยาคะ กลุ่มพัฒนาเกษตร ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและพัฒนาเสนอยกระดับการพัฒนาคุณภาพปาล์มน้ํามัน นายอับดุลอายี สาแม็ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเขต 3 จังหวัดยะลาพรรคประชาชาติ ได้เสนอสถานการณ์ยางพาราที่ได้รับผลกระทบจากโรคใบร่วงและความท้าทายในการแก้ไขปัญหา นายภคินวัฒน์ อุดมพงศ์ นักธุรกิจรุ่นใหม่เสนอการใช้เทคโนโลยีใช้โดรน (Drone) นายสุทันย์ ศรีใจพระเจริญ เสนอธุรกิจที่กอล์ฟและการพัฒนาสนามกอล์ฟในปัตตานี นายชารีฟ เด่นสุมิตร เสนอการค้าโดยแพลทฟอร์ม ที่เน้นวัตถุดิบฮาลาล ข้อเสนอแนวคิดธุรกิจของนักธุรกิจรุ่นใหม่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจและผลักดันศักยภาพธุรกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้  ซึ่งนายคีรี กาญจนพาสน์ ในฐานะนักธุรกิจใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ ได้แสดงความคิดเห็นต่อโมเดลธุรกิจและแนะนำโอกาสในการขยายธุรกิจกับผู้ร่วมงานอย่างเป็นกันเอง

นายคีรี กาญจนพาสน์ : “เดินทางมาจังวัดชายแดนภาคใต้ด้วยความเชื่อมั่น…และเดินทางกลับด้วยความเข้าใจ”

นายคีรี กล่าวว่า “ผมรู้สึกดีใจมากเพราะเป็นครั้งแรกที่ผมมาจังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มที่ จ.นราธิวาส ที่อยู่ใต้สุด เรียกได้ว่าจริงๆ แล้วไม่เคยมาทางใต้ทั้งสามจังหวัด ขอบคุณท่านประธานวันมูหะมัดนอร์ มะทา และท่านเลขาฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ที่ได้มาชวนผมว่าให้โอกาสมาพบปะกับพวกท่านในวันนี้ ด้วยการชื่นชมท่านวันนอร์และท่านทวี โดยเฉพาะที่ผมได้ยินชื่อเสียงมานาน เลยมีความรู้สึกว่าเต็มใจอย่างยิ่งที่จะมาตามที่ท่านประธานวันนอร์และพันตำรวจเอกทวี ได้ประสานให้มาพบทุกท่านด้วยความเชื่อมั่นในทัก 2 ท่านและผมเชื่อมั่นในศักยภาพของจังหวัดชายแดนภาคใต้ วันนี้ผมได้มาที่นี่แล้ว ก็มีโอกาสที่จะมาพูดถึงเรื่องโอกาสและศักยภาพเศรษฐกิจทางชายแดนใต้ ผมจะขอแนะนำตัวสักนิดหนึ่งในฐานะที่ไม่เคยมาแถบนี้เลย ผมเกิดเมืองไทยที่กรุงเทพฯ แต่หลายคนจะบอกว่าเป็นมังกรฮ่องกง ผมเกิดในเมืองไทยเพียงแต่ว่าไปอยู่ต่างประเทศนาน โดยเฉพาะที่ฮ่องกง และก็มีโอกาสที่จะไปเห็นธุรกิจที่มีในต่างประเทศ อยู่ที่นั้นเกือบ 30 กว่าปี ก็เลยอาจจะมีความเห็นที่จะต่างกับคนไทยที่ยังไม่มีโอกาสไปเจออะไรบางอย่างเท่ากับผม เนื่องจากผมอยู่ที่นั่นนานเจอกับสิ่งต่างๆ เจอกับโอกาสต่างๆ ผมกลับมาเมืองไทยสิ่งแรกที่ผมทำคือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ผมชอบทำโครงการที่มองอะไรแล้วคิดถึงคนที่จะมาใช้คนที่จะมาอยู่เป็นหลัก ฉะนั้นโครงการแรกที่ผมทำในเมืองไทยคือ โครงการธนาซิตี้ ที่บางนา พื้นที่ประมาณ 1,400 กว่าไร่ ลงทุนทุกอย่างที่เป็นโครงสร้างของเมืองที่มีโครงสร้างพื้นฐานทุกอย่าง ถนน ไฟฟ้า น้ำ ก็เพียงเพราะว่ามันต้องมาเป็นเฟสๆในการเข้ามาอยู่ โครงการต่อมาที่ประชาชนรู้จักคือ หมู่บ้านเมืองทองโครงการต่างๆ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) การบุกเบิกบริการรถไฟฟ้ารายแรกสายสีเขียว ได้ขยายการขยายเส้นทางรถไฟฟ้า สายต่างๆได้แก่ สายสีเหลือง และสายสีชมพู ได้ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนโครงการพัฒนา สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาจะเป็นสนามบิน นานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 มูลค่าสัญญามากกว่า 3 แสนล้านบาทและต้องพัฒนาเป็นเมืองอีก 2 แสนล้านบาท รวมประมาณ 5 แสนล้านบาท ยังมีธุรกิจด้านการท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศก่อนโควิดมีโรงแรมประมาณ 30,000 ห้องในช่วงโควิดได้ขายไปบางส่วนเหลือประมาณหมื่นกว่าห้อง

การตัดสินใจลงมาที่พื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ด้วยความเชื่อมั่นในตัวอาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทา และ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง”  ข้อเสนอทุกข้อเสนอและได้ให้คำปรึกษาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ได้ทำธุรกิจมากอย่างสนใจและจริงใจ ที่ผู้เข้าร่วมเสวนามีความดีใจให้ความสนใจ และพูดคุยอย่างเป็นกันเอง

อาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวว่า “ขอขอบคุณ คุณคีรี กาญจนาภาค ท่านพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 3 จังหวัด ท่านอดีตวุฒิสมาชิกสภา ท่านนายกเทศมนตรีทั้ง 3 จังหวัด นักธุรกิจทั้ง 3 จังหวัด รวมทั้งสตาร์ทอัพนักธุรกิจรุ่นใหม่ทั้ง 3 จังหวัดเช่นเดียวกัน ผมดีใจมากที่คุณคีรี ได้สละเวลาอันมีค่าของท่านและเดินทางมาพบปะกับพวกเราครับ”

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง กล่าวว่า “กิจกรรมวันนี้เป็นพหุวัฒนธรรม พหุสหวิชาชีพ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษา สิ่งที่เข้มแข็งที่สุดของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็คือทรัพยากรบุคคล ผสมกับทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด แต่ปัญหาแทรกซ้อนจนรู้สึกหวาดระแวง ยังไม่ใช้ศักยภาพให้เต็มศักยภาพ จึงเป็นความท้าทายที่จะนำภาคใต้ไปสู่การพัฒนา ไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และมีความเจริญก้าวหน้า วันนี้ดีใจมากที่เคยทำโครงการนำเยาวชนหรือนักธุรกิจที่อยากจะทำธุรกิจมารวมกัน เหมือน วิทยาลัยตลาดทุน แต่ตลาดทุนอาจจะมุ่งไปถึงเศรษฐกิจ แต่การที่กลุ่มน้องๆเป็นกลุ่มโครงการธุรกิจรุ่นใหม่ชายแดนใต้ก็อยากให้เป็นทั้งตลาดทุนและทุนมนุษย์ ทุนทางสังคมที่จะได้มีโอกาสมีความเชื่อมโยง แล้วใช้สติปัญญาของน้องๆ เป็นคนรุ่นใหม่ เพราะคนก่อนก็จะต้องไป คนใหม่ก็จะต้องเข้ามาด้วยความเข้มแข็งและมั่นคง ที่ผ่านมาอาจกล่าวว่า มีศักยภาพและมีความท้าทายแต่ยังไม่ถึงโอกาส สิ่งที่สำคัญที่สุดวันนี้คือ เป็น ‘โอกาส’ ที่ดีมา ผลงาน ประสบการณ์ ความรู้ความเชี่ยวชาญของท่านคีรี ที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ แล้วที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือความจริงใจที่อยากจะทำสิ่งดีงามเกิดประโยชน์ต่อคนส่วนรวม”





ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะของนายคีรี ได้เข้านมัสการศาลเจ้าโก้วเล้งจี่ เขามงคลพิพิธ พบปะพี่น้องประชาชนเชื้อสายจีนในนราธิวาส ยะลาและปัตตานี พร้อมร่วมรับประทานอาหารพื้นเมืองที่มีชื่อของจังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อนเริมเสวนา และหลังเสร็จกิจกรรมการพบปะแลกเปลี่ยนความเห็น ระหว่างกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่จังหวัดชายแดนใต้ และนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรมจนถึงเวลา 16.30 น. โดย นายคีรี ได้เดินทางกลับพร้อมคณะด้วยเครื่องบินส่วนตัว ณ ท่าอากาศยานนราธิวาส

























วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2565

"ทวี" ประกาศปักธง อ.แว้ง มุ่งเป้าเป็นรัฐบาล-แก้ปัญหาภาคใต้

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส เขต 4 นายกูเฮง ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส เขต 3 นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ ส.ส.ปัตตานี เขต 4 พร้อมคณะ เดินทางมาพบปะผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น ตัวแทนครูตาดีกา ณ โรงเรียนรอมาเนีย อ.แว้ง

พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า อยากมาทำให้ อ.แว้งมีความเจริญก้าวหน้า เพราะเรารู้ว่าวิธีแก้ปัญหาที่ดีทำยังไง ผมจึงอยากจะเรียนว่าพรรคประชาชาติแม้จะเป็นพรรคของคนทั้งประเทศ แต่พรรคประชาชาติเราได้ก่อตั้งและกำเนิดโดยพี่น้องประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้พรรคประชาชาติมีพื้นที่ในสภา เพราะเรามี ส.ส.อยู่ 7 คน ส.ส.ที่มาจากเขตในปีที่มีการเลือกตั้งมี 11 เขต เราได้ ส.ส.เขตถึง 6 เขต เราเป็นส่วนใหญ่ของ 3 จังหวัด ดังนั้นเราก็สรุปได้ว่าเราเป็นตัวแทนของคน 3 จังหวัด อย่างมีความถูกต้อง แม้แต่ในอำเภอแว้งจะไม่มี ส.ส.ของพรรคประชาชาติโดยตรง แต่พรรคประชาชาติมองว่าทุกคนเป็นพี่น้องกันพรรคประชาชาติต้องเข้ามาดูแล 

ผมเชื่อมั่นว่าจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ในส่วนของพรรคประชาชาติก็มีความหวังว่า ถ้าเราจะเป็นรัฐบาล ถ้าเราจะเข้ามาบริหารประเทศ ปัญหาภาคใต้มันเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ เราต้องทำให้ภาคใต้เป็นโอกาสของประเทศไทยแก้ปัญหาวิกฤตในประเทศให้ได้ 

ที่มาในโรงเรียนแห่งนี้ คือ มาในที่การสร้างอนาคต อดีตปัจจุบันอนาคตเขาอยู่ที่ไหน เขามองถ้าจะดูอดีตสังคมใดให้ไปดูที่พิพิธภัณฑ์ แต่เขาบอกถ้าจะดูอนาคตให้ดูที่สถานศึกษา วันนี้ผมมานั่งกับอนาคตคนที่นั่งอยู่ในที่นี้จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ คุณครูที่กล่าวต้อนรับท่านจะต้องรับผิดชอบผู้รับใบอนุญาตก็ต้องรับผิดชอบ เพราะการสร้างมนุษย์ให้มีความรู้ให้มีศักยภาพผมคิดว่าเป็นหน้าที่ของพวกเรา แล้วในส่วนของพรรคประชาชาติก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มี พวกเราลองรวบรวมคนในแว้งเป็นสมาชิกเข้ามาเป็นผู้สมัครพรรคในอนาคตด้วยนะครับ เพื่อให้ประชาชาติมาเป็นของประชาชนทุกคนโดยเฉพาะคนในแว้ง คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้และคนในประเทศไทยทั้งหมด