วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

“ยิ่งลักษณ์” ห่วงเกษตรกร เผยชีวิตเรียบง่าย-ปลูกผักทานเอง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีเนื้อหาดังนี้ 

"ว่างเว้นจากงาน ก็หางานอดิเรกใหม่ นอกจากปลูกผักปลอดสารพิษแล้ว ก็มาต่อ ด้วยการเพาะเห็ดรับประทานเองที่บ้าน ทำให้ร่างกายได้พัก และทานของเพื่อสุขภาพบ้าง ก็รู้สึกดีนะคะ โดยเฉพาะการใช้ชีวิตเรียบง่าย ธรรมดาๆ คือความสุขที่เกิดมาข้างใน มากกว่าความสุขที่เป็นของนอกกาย ไม่จีรัง ยั่งยืนค่ะ ทำให้อดคิดถึง พี่น้องเกษตรกรไม่ได้ ตอนนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง ขอส่งกำลังใจไปถึงด้วยนะคะ ‪#‎เก็บมาเล่า‬"







วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

"สุรพงษ์" ตะเพิด ป.ป.ช. อ่านระเบียบเรื่องถอนพาสปอร์ต


วันที่ 30 พฤษภาคม 2558 นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวกรณีที่องค์คณะไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มีนายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้รับผิดชอบสำนวน เตรียมสรุปรายงานต่อป.ป.ช.เพื่อพิจารณาว่าจะแจ้งข้อกล่าวหานายสุรพงษ์ กรณีที่มีผู้ร้องว่า "จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อระเบียบข้อบังคับกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง ในฐานะเป็นผู้ออกหนังสือเดินทางให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ ว่า "ต้องย้อนไปสมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีนายกษิต ภิรมย์ เป็นรมว.ต่างประเทศ ซึ่งมีหนังสือถึงปลัดกระทรวงต่างประเทศในขณะนั้น ให้พิจารณายกเลิกหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต) โดยอ้างว่าการพำนักอยู่ต่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นภัยต่อต่อรัฐบาล แต่ในรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีตนเป็นรมว.ต่างประเทศ เห็นว่าการที่พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ต่างประเทศไม่เป็นภัยต่อรัฐบาล จึงมอบให้ปลัดกระทรวงฯรับไปพิจารณาตามระเบียบกระทรวงว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง ว่าจะเพิกถอนพาสปอร์ตหรือไม่ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่โดยตรงของปลัดกระทรวง และข้าราชการที่จะพิจารณาตามระเบียบ ดังนั้นตนอยากให้ป.ป.ช.กลับไปศึกษาในระเบียบดังกล่าวให้ละเอียดว่าอำนาจในพิจารณาถอนหรือคืนเป็นอย่างไร เพื่อให้เกิดความชัดเจนก่อนที่จะตัดสินใคร" 

"ผมยืนยันว่าการทำงานที่กระทรวงต่างประเทศ 2 ปี ไม่เคยใช้อำนาจสั่งการโดยพลการหรือปราศจากเหตุผลหรือทำอะไรงี่เง่า ดังนั้นใครที่ทำอะไรโดยไม่เป็นธรรม ผมก็จะรอดูว่าจะไปได้สักกี่น้ำ" นายสุรพงษ์ กล่าว

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

‘ทักษิณ’ IG ผู้มีอำนาจต้องพ้นจากโลภ-โกรธ-หลง


เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เขียนข้อความทางอินสตาแกรมส่วนตัว ระบุว่า “หลังจากได้อุ้มหลานที่สิงคโปร์ วันนี้กลับมาอยู่ดูไบแล้ว ได้มีเวลานั่งสมาธิ เช่นเดียวกับวันว่างทุกวันที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ได้เพิ่มการแผ่เมตตา ให้กับผู้มีอำนาจทั้งหลาย ได้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง เพื่อจะได้มีสติปัญญาในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่บริหารแต่อำนาจและสร้างความแตกแยกให้มากยิ่งขึ้น สำหรับผมเชื่อในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า “ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง" คือทุกสิ่งไม่มีอยู่จริง เมื่อเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป พาสปอร์ตก็เช่นกัน ก็ไม่อยากให้เป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โตอะไรกันมากมาย ผมก็ยังเป็นคนเดิมจนกว่าจะลาโลกไป อยากให้คนไทยมีเมตตาต่อกัน กฎหมายและปืนไม่สามารถแก้ปัญหาได้ นอกจากเมตตา เท่านั้น


นายกฯสมชาย ขึ้นศาลคดี พันธมิตรฯยึดทำเนียบ-รัฐสภา


‪#‎TV24‬ ‪#‎BreakingNews‬ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่นัดพิจารณาคดี พันธมิตรฯก่อจลาจลปิดทำเนียบรัฐบาลและอาคารรัฐสภา โดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะพิจารณาคดี ป.ป.ช.เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจโท สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

ในความผิด ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 295 และ 302 จากกรณีการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ปิดล้อมรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ทั้งนี้ การนัดพิจารณาคดีครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การ บุคคลทั้งสี่ต้องเดินทางไปศาลด้วยตัวเอง

จากเหตุการณ์นี้ พลตำรวจเอก พัชรวาท ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เคยถูกปลดออกจากราชการ ในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อมา คสช.มีคำสั่ง ฉบับที่ 93/2557 ให้ยกโทษปลดออกจากราชการ อาศัยอํานาจ ตาม พ.ร.บ.ตํารวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการอุทธรณ์และการพิจารณาอุทธรณ์

ส่วนความคืบหน้าคดีกลุ่มพันธมิตรฯ บุกยึดทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน นั้น วานนี้ (วันที่ 28 พฤษภาคม 2558) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 708 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสม ศักดิ์ โกศัยสุข และ นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานฐานร่วมกันบุกรุกตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และทำให้เสียทรัพย์ กรณีเมื่อปี 2551 จำเลยได้ร่วมกันนำแนวร่วมพันธมิตรฯบุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดันให้ นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) ลาออกจากตำแหน่ง ทำให้มีทรัพย์สินในทำเนียบรัฐบาลได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่า 6,766,548 บาท ซึ่งจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ทั้งนี้ศาลได้พิเคราะห์จากพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้ว เห็นว่าจำเลยได้กระผิดจริง จึงตัดสินจำคุกคนละ 3 ปี แต่คำให้การของจำเลยมีประโยชน์ต่อการพิจารณาบ้าง จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุกคนละ 2 ปี โดยไม่มีการรอลงอาญา อย่างไรก็ดีหลังศาลได้มีคำพิพากษา ทางด้านทนายฝ่ายจำเลยได้เตรียมหลักทรัพย์เป็นกรมธรรม์ประกันอิสรภาพ วงเงินคนละ 2 แสนบาท เพื่อขอประกันตัวในระหว่างอุทธรณ์คดี













วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ด่วน! ยกเลิกงานถนนคนเดินสีลม "กทม." อ้างอันตรายฤดูฝน ชาวเน็ตติงกลัวไฟดูด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แฟนเพจ ของกรุงเทพมหานคร โดย สำนักงานเขตบางรัก โพสต์ข้อความระบุว่า "ขอแจ้งว่า ทางกรุงเทพมหานครมีนโยบายให้ งดจัดงานสีลมถนนคนเดิน ตลอดทั้งเดือนมิถุนายน - กรกฏาคม 2558 เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน ซึ่งผู้ค้าต้องมีการใช้กระแสไฟฟ้า จึงเกรงว่าอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ค้าและประชาชนที่มาเที่ยวงานรวมทั้งไม่สะดวกในการทำการค้าขาย ซื้อของและจัดการแสดงต่างๆ"


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตบางส่วนแสดงความเห็นในเชิงตั้งคำถามต่อกรุงเทพมหานครว่า "กลัวไฟดูดหรือครับ?"

"เพื่อไทย" เลื่อนชี้แจงอดีต ส.ส.ที่จะถูกถอดถอน หลัง ทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายความมั่นคง จับตาความเคลื่อนไหว


วันที่ 28 พฤษภาคม 2558 นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า "ตามที่ทีมงานฝ่าย ก.ม. โดยการนำของ อดีตนายกรัฐมนตรีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค ได้เดินสายชี้แจงทำความเข้าใจแนวทางการชี้แจงของ อดีต ส.ส.ที่จะถูก สนช. ถอดถอนออกจากตำแหน่ง กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง โดยได้ดำเนินการมาแล้ว ที่เชียงใหม่ และอุดรฯ ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้จะมีปัญหาอยู่บ้าง โดยที่อุดรฯ ได้เชิญให้ทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายความมั่นคง เข้าฟังด้วยเพื่อที่จะยืนยันว่า มิใช่การเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณ ทางฝ่ายความมั่นคงของจังหวัดอุดรฯ ที่มีความเข้าใจเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี"

"สำหรับ จังหวัดร้อยเอ็ด จากการประสาน โดยอดีต ส.ส.ในพื้นที่ทราบว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีคำสั่งห้ามดำเนินการดังกล่าว และได้ส่งฝ่ายทหารตำรวจ มาเฝ้าระวังที่โรงแรมตลอดเวลา แม้จะประสานทำความเข้าใจ แต่ก็เป็นไปโดยยากลำบาก เพื่อไม่ให้เกิดความไม่เรียบร้อยใดๆ ขึ้น แม้เราจะเห็นว่า มิใช่การชุมนุมทางการเมืองใดๆ และเพื่อความสบายใจของอดีต ส.ส.ในพื้นที่ ตลอดจนข้าราชการที่เกี่ยวข้อง จึงขอเลื่อนการชี้แจงดังกล่าวออกไปก่อน โดยจะหาวิธีการที่เหมาะสมต่อไปในโอกาสหน้า"

มูลนิธิไทยคม เดินหน้าส่งเสริมให้เยาวชนรู้จักเข้าหาธรรมะ ด้วยการนำหลักธรรมและการฝึกสมาธิ มาใช้สร้างภูมิคุ้มกัน รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม


#TV24 มูลนิธิไทยคม เดินหน้าส่งเสริมให้เยาวชนรู้จักเข้าหาธรรมะ ด้วยการนำหลักธรรมและการฝึกสมาธิ  มาใช้สร้างภูมิคุ้มกัน รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม

นายบพิธ โกมลภิส ผู้อำนวยการโครงการมูลนิธิไทยคม เปิดเผยว่า ด้วยวิสัยทัศน์ของ “คุณพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์” กรรมการมูลนิธิไทยคม ที่อยากให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงพระพุทธศาสนาได้ง่ายขึ้น และไม่อยากให้เข้าใจว่าการเข้าวัดเป็นเรื่องของผู้สูงอายุเท่านั้น ธรรมะจะช่วยขัดเกลาให้เยาวชนซึ่งเป็นช่วงวัยที่มีพลัง มีความคิดสร้างสรรค์ มีศีลธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคม

โดย มูลนิธิไทยคม ได้จัดโครงการค่ายธรรมะทันที ครั้งที่ 4 เพื่อนำน้องๆ นักศึกษาระดับอุดมศึกษา จากสถานศึกษาทั่วประเทศ ที่สมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 40 คน เดินทางออกค่ายที่วัดเจดีย์ทอง จังหวัดนครนายก ระหว่างวันที่ 27-29 พฤษภาคม 2558 เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมะ โดยเฉพาะเรื่องสมาธิ ที่สามารถนำไปใช้ในการเรียน และการใช้ชีวิตในสังคมที่ต้องรู้เท่าทัน ไม่ตกเป็นเหยื่อ หรือสร้างปัญหาให้กับสังคม ตลอดจนพร้อมที่จะพัฒนาตนเองเพื่อสร้างเครือข่ายเยาวชนจิตอาสา ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม เป็นพลังสำคัญที่จะขับเคลื่อน และพัฒนาประเทศ






วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

"ยิ่งลักษณ์" ร่วมงาน "OTOP Midyear 2015"


#TV24 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า Facebook : Sand Wongnapachant ของ "แซนด์-ชยิกา วงศ์นภาจันทร์" โพสต์ภาพถ่าย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปร่วมในงาน OTOP Mid Year 2015 ณ อาคารเอ็กซิบิชั่นฮอล์ล 4-8 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จัดโดย กรมการพัฒนาชุมชน ระหว่างวันที่ 25 - 31 พฤษภาคม 2558 โดยมีประชาชนให้กำลังใจ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือเรียกย่อว่า โอทอป (OTOP) เป็นโครงการกระตุ้นธุรกิจประกอบการท้องถิ่นของพรรคไทยรักไทย ซึ่งได้รับการออกแบบโดย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีระหว่าง พ.ศ. 2544-2549 โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายจะสนับสนุนผลิตภัณฑ์ลักษณะเฉพาะที่ผลิตและจำหน่ายในท้องถิ่นแต่ละตำบล

ทั้งนี้งาน OTOP Mid Year 2015 เป็นงานจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) และเป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) รวมทั้งเป็นการเผยแพร่ผลการดำเนินโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน กลุ่มงานส่งเสริมการตลาด โทร.02-141 6090 โทรสาร. 02-143 8910












“พิชัย” แนะทีมเศรษฐกิจรัฐบาลอย่าหลอกตัวเอง เร่งแก้ปัญหาให้ถูกทาง

   


     นาย พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การส่งออกติดลบเป็นเดือนที่ 4 ติดกันความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมต่ำสุดในรอบ 7 เดือน และผลสำรวจของประชาชนพบว่า 74.1% คิดว่าเศรษฐกิจมีแต่ทรงกับทรุด ซึ่งเป็นไปตามที่ได้เคยเตือนไว้แล้ว ดังนั้นจึงอยากให้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลได้รับสภาพความเป็นจริงของ เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ จะได้แก้ไขได้อย่างถูกวิธี การที่ ม.ร.ว ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ออกมาบอกว่าเศรษฐกิจฟื้นจากการเก็บภาษีแวตได้เพิ่มขึ้น แต่กรมสรรพากรกลับบอกว่าจะเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าถึง1.6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการขัดแย้งกันอย่างชัดเจน หรือ บอกว่าเศรษฐกิจฟื้นจากเจริญเติบโตในไตรมาสแรกที่ 3 % ทั้งๆที่โตมาจากฐานเดิมปีที่แล้วที่ ติดลบ แถมยังมีการเปลี่ยนวิธีการคำนวณใหม่ ซึ่งนักวิชาการยังสงสัยเพราะในไตรมาสแรกนี้การส่งออกลดลงถึง - 4.65% และหากได้ สอบถามประชาชนจะพบว่ายังลำบากมาก ชาวนาขายข้าวไม่ได้ราคา ชาวสวนยาง และ ชาวสวนปาล์ม ต้องขาดทุนป่นปี้ ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมลูก แรงงานก็รายได้ลดเพราะขาดรายได้จากโอที คนหาเช้ากินค่ำ พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ก็ย่ำแย่ไปด้วยเพราะขายของไม่ได้ โจรผู้ร้ายชุกชุม ห้างสรรพสินค้าและบริษัทใหญ่ๆยอดขายตกกันเป็นแถว ทิศทางอนาคตของประเทศก็แย่เพราะไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เข้ามาเลยตั้งแต่ต้นปี แล้วอย่างนี้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลจะบอกว่าเศรษฐกิจฟื้นได้อย่างไร ดังนั้นจึงอยากให้รับสภาพความเป็นจริงและเร่งแก้ไขปัญหาอย่างถูกวิธี ซึ่งหากมองไม่เห็นสภาพนี้ก็ควรจะมีการปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจใหม่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


ดังนั้นจึงอยากฝาก 5 คำถามไปยังรัฐบาลและทีมเศรษฐกิจให้ช่วยตอบดังนี้

1) การที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลเชื่อว่าเศรษฐกิจฟื้นแล้ว ดังนั้นจึงไม่ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่กำลังลำบากมาก เช่น เกษตรกรที่ประสพปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ พวกเขาจะอยู่กันอย่างไร

2) การที่กระทรวงคมนาคมมีแผนงานการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน แต่ทีมเศรษฐกิจกลับบอกว่าไม่มีเงิน ทั้งๆที่มีเงินล้นระบบธนาคารอยู่ในปัจจุบันถึง 8-9แสนล้านบาท แสดงถึงความไม่มีประสิทธิภาพในวิธีคิดของทีมเศรษฐกิจหรือไม่

3) การขยายโรดแมปใน การเลือกตั้งออกไปอีกจะมีผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนในประเทศ และต่างประเทศหรือไม่ จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจฟื้นช้าหรือทรุดตัวอีกหรือเปล่า

4) การที่ประธานกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญออกมาบอกว่า รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาให้อำนาจแก่ประชาชนทั้งๆที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น จะนำไปสู่ปัญหาความเชื่อมั่นเพิ่มเติมหรือไม่

5) ทิศทางอนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร การสร้างความเชื่อมั่น การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศจะเป็นอย่างไร เพราะเห็นแต่ได้ยินว่าฟื้นหรือไม่ฟื้นแต่ยังไม่เห็นบอกว่าอนาคตจะพัฒนาอย่างมั่นคงต่อไปได้อย่างไร

ภาคธุรกิจเตือน รัฐธรรมนูญอาจสร้างความขัดแย้งใหม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (24 พฤษภาคม 2558) คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเวทีรับฟังและแลกเปลี่ยนความเห็นจากสมาชิกทั่วประเทศ ขณะที่ ประธานกรรมการบริษัทสหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เตือนรัฐบาลว่ารัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังยกร่างยังไม่สมบูรณ์เพียงพอและการเร่งทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ อาจนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่

สำนักงานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ร่วมกับคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เตรียมจัดสัมมนาเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2558 โดยรับฟังและแลกเปลี่ยนความเห็นสมาชิกหอการค้าต่างจังหวัดทั่วประเทศ สมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย โดยเฉพาะประเด็นที่อาจกระทบภาคธุรกิจและเศรษฐกิจ

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัทสหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่ารัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังยกร่างอยู่ขณะนี้ยังไม่สมบูรณ์เพียงพอ และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ จึงเสนอให้กลับไปเริ่มต้นตั้งแต่การกำหนดวิธียกร่างใหม่ เพื่อความรอบคอบและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ก่อนจะทำประชามติ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจแม้รัฐบาลทหารอาจจำเป็นต้องบริหารประเทศต่ออีกหลายปีก็ตาม

'มูลนิธิไทยคม' จัดค่ายธรรม(ะ)ทันที รุ่น4 ปลุกพลังเยาวชนจิตอาสาสร้างสังคมน่าอยู่


จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเนปาล ส่งผลให้เกิดพลังจิตอาสาขึ้นทั่วโลกอย่างชัดเจน นักท่องเที่ยวโปรตุเกสผันตัวเองเป็นผู้ประสานความช่วยเหลือด้วยการโพสต์เฟสบุ๊ครับบริจาคเงินเพื่อซื้อสิ่งของจำเป็นแจกจ่ายให้ชาวบ้าน แพทยสภาของไทยเปิดรับอาสาสมัครแพทย์เพื่อร่วมเดินทางไปให้บริการสุขภาพที่ประเทศเนปาลโดยมีผู้สมัครเข้าร่วมกว่า 400 คน พลังจิตอาสาที่ว่านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาพุทธมองในแง่ธรรมะแล้วคือการลดอัตตาหรือตัวตน ซึ่งจะช่วยทำให้ชีวิตเติมเต็มและมีคุณค่า

มูลนิธิไทยคมเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่มุ่งส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนไทยให้ “คิดเป็น ทำเป็น” สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก ล่าสุดจัด โครงการค่ายธรรม(ะ)ทันที ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนเข้าถึงพระพุทธศาสนาได้ง่ายขึ้นผ่านกิจกรรมฐานสมาธิ รับฟังธรรมะบรรยายสไตล์ “ธรรมะหรรษา” จากพระครูปลัดเขมรัฐ พระวิทยากรรุ่นใหม่จากวัดเจดีย์ทอง จ.นครนายก และกิจกรรมอีกมากมายที่ช่วยส่งเสริมทักษะการเรียน การใช้ชีวิตด้วยสติทำให้เห็นว่า ธรรมะ เป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่น่าเบื่อ สามารถฝึกทำสมาธิด้วยตัวเองได้ง่ายๆ และเห็นประโยชน์ได้ทันที นอกจากนี้น้องๆยังร่วมกันทำกิจกรรม “จากผู้รับสู่ผู้ให้” ซึ่งเป็นการทำความดีด้วยจิตอาสาภายใต้แนวคิด “มอบรอยยิ้มให้น้อง” แบ่งปันสิ่งดีๆกลับคืนสู่สังคมในรูปแบบของค่าย 3วัน 2 คืน ระหว่างวันที่ 27 - 29 พฤษภาคม 2558 ณ วัดเจดีย์ทอง จ.นครนายก

คุณบพิธ โกมลภิส ผู้อำนวยการโครงการมูลนิธิไทยคม เผยว่า “สมาธิ ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์เฉพาะผู้ที่ฝึกเป็นประจำเท่านั้น ยังส่งผลทางบวกไปยังบุคคลรอบข้าง สังคม ชุมชน การจัดโครงการค่ายธรรม(ะ)ทันที มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงพระพุทธศาสนาได้ง่ายขึ้น มองเรื่องธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถทำได้ทันที ให้เยาวชนซึ่งเป็นวัยที่มีพลัง มีความคิดสร้างสรรค์ ให้มีศีลธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ไม่ตกเป็นเหยื่อหรือสร้างปัญหาให้กับสังคมพร้อมที่จะพัฒนาตนเอง พร้อมที่จะช่วยกันเพื่อสร้างเครือข่ายเยาวชนจิตอาสาที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและเป็นพลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศต่อไปครับ”

“จิตอาสา” นอกจากหมายถึงการอาสาช่วยเหลือส่วนรวมแล้วยังมีมิติในทางธรรมด้วย เพราะเกิดจากความเมตตากรุณาการคิดถึงประโยชน์สุขของผู้อื่น เป็นการลดละตัวตน พูดได้ว่าจิตอาสาเป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งในพุทธศาสนา จิตอาสาไม่ใช่แค่การทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นอย่างเดียวแต่ยังเป็นการพัฒนาจิตวิญญาณของเราด้วย คนที่มีจิตอาสานอกจากจะทำงานเพื่อสังคมหรือบำเพ็ญประโยชน์แล้ว ยังทำงานในลักษณะอื่นด้วย เช่น การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การปฏิรูปสังคมหรือช่วยให้สังคมดีขึ้น(พระไพศาล วิสาโล พระนักคิดนักเขียนพระพุทธศาสนา)

นายเฉลิมพล โพธิ์เที้ยม (น้องโบ๊ต) นักศึกษาวิศวกรรมการบิน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หนึ่งในเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการเล่าว่า “ตอนแรกที่ตัดสินใจมาเพราะตามเพื่อนครับ แต่พอได้สัมผัสค่ายนี้จริงๆ มันมีอะไรมากกว่านั้นผมได้พัฒนาศักยภาพตัวเองกับ กิจกรรม You Can Do It! ที่ช่วยให้รู้จักตัวเองและคนรอบข้างมากขึ้น เรียนรู้เรื่องสติ สมาธิ การเดินทางสายกลาง การให้ ความเสียสละ ฝึกทำสมาธิบริหารจิต ที่สำคัญคือได้เพิ่มความรู้ในเรื่อง “จิตอาสา” ว่าเป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธศาสนาผ่านการระดมสมองกับเพื่อนคิดโครงการ “จากผู้รับสู่ผู้ให้” พวกเรามีส่วนร่วมจัดกิจกรรม มอบรอยยิ้มให้น้อง ที่โรงเรียนวัดเจดีย์ทอง จ.นครนายก มอบชุดอุปกรณ์การเรียนและคอมพิวเตอร์ โดยการสนับสนุนจากมูลนิธิไทยคม ทำให้รู้สึกว่าเรามีส่วนร่วมในการทำงานจิตอาสาจริงๆ และยังมีโอกาสออกไปเรียนรู้ภายในศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งเป็นการแสดงนิทรรศการมีชีวิตเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ของในหลวงที่ทำเพื่อสังคมด้วยครับ งานจิตอาสาดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ หลายคนบอกว่ามันไม่ได้ช่วยอะไร แต่ว่ามันสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของคนที่คิดว่าตัวเองไม่สามารถช่วยอะไรสังคมได้เลย ทำให้ผมรู้สึกได้ว่า ถึงผมจะให้ได้ไม่มากนัก แต่ผมมีความสุขที่ได้ทำจริงๆ”

โครงการค่ายธรรม(ะ)ทันที สามรุ่นที่ผ่านมา มีนิสิต/นักศึกษาสนใจสมัครเข้าร่วมกว่า 300 คน จากหลากหลายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ แต่ค่ายรองรับได้เพียงรุ่นละ30 คน และในปี 2558 นี้ ทางมูลนิธิฯ เปิดรับ สมัคร 2 รุ่น รุ่นละ 40 คน เท่านั้น รุ่นที่ 4 ณ วัดเจดีย์ทอง จ.นครนายก (27-29 พฤษภาคม 2558) รุ่นที่ 5 ณ วัดเขาแผงม้า จ.นครราชสีมา (5-7 สิงหาคม 2558 ) ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ พี่กิ้ว โทร.083 081 9961 , 02949 2687 พี่หญิง โทร.081 309 7624 , 02 949 2688 หรือ http://www.thaicomfoundation.org

มูลนิธิไทยคมจะยังคงยึดมั่นในแนวทางการดำเนินงานเพื่อ “ให้โอกาส สร้างอนาคต” แก่เยาวชนไทยและมุ่งเน้นสนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชนและสังคมด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของเยาวชนอนาคตของชาติ โดยมีความคาดหวังให้สังคมไทยเป็น “สังคมแห่งการให้” และสร้างเครือข่ายเยาวชนจิตอาสาเป็นผู้ให้แก่สังคมต่อไป