วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558

“กิตติรัตน์”ยืนยัน“ยิ่งลักษณ์” ป้องกันทุจริตโครงการจำนำข้าว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์คลิปวีดิโอ การป้องกันและปรามปรามการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ความยาว 3.41 นาที พร้อมกับอธิบายว่า "มาตรการป้องกันทุจริตจำนำข้าว อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ได้ป้องกันการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวอย่างเต็มที่ครับ" ผ่าน Facebook : Kittiratt Na-Ranong ทั้งนี้เนื้อหาภายในคลิปดังกล่าว ระบุว่า


มาตรการป้องกันทุจริตจำนำข้าว
อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ได้ป้องกันการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวอย่างเต็มที่ครับ
Posted by Kittiratt Na-Ranong (กิตติรัตน์ ณ ระนอง) on 31 ตุลาคม 2015


การป้องกันและปราบปรามการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

ในการบริหารโครงการรับจำนำข้าว รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้ระมัดระวัง รอบคอบ และไม่ได้ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต โดยวางมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตไว้ 4 มาตรการ คือ

1. มาตรการป้องกันการทุจริตทุกขั้นตอน
2. มาตรการกลไกการตรวจสอบ
3. มาตรการลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพโครงการ
4. มาตรการปราบปรามการทุจริต

ตัวอย่าง มาตรการป้องกันการทุจริตทุกขั้นตอน เช่น
1. พัฒนาระบบงานและขั้นตอนต่างๆ ให้ดีขึ้น
2. จัดทำคู่มือปฏิบัติงานให้ผู้ปฏิบัติดำเนินการอย่างถูกต้อง
3. ตั้งคณะอนุกรรมการ ควบคุมตรวจสอบ ส่วนกลางและภูมิภาค รวม 14 คณะ
4. ใช้เทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเช่น ระบบ GPS ตรวจสอบพื้นที่เพาะปลูก CCTV ควบคุมสต็อกข้าว ระบบคอมพิวเตอร์ Online ควบคุมการรับจำนำและออกใบประทวน
5. จ่ายเงินจำนำข้าว เข้าบัญชีชาวนา ผ่าน ธกส.
6. ตั้งคณะอนุกรรมการปิดบัญชีข้าวโดยเฉพาะ รัฐบาลแรก

มาตรการกลไกการตรวจสอบ : เพิ่มเงื่อนไขและเข้มงวดมากขึ้น
1. การขึ้นทะเบียนเกษตรกร ใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียม GPS ในการทำประชาคม สุ่มตรวจพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น เป็น 20 เปอร์เซ็นต์
2. ณ จุดรับจำนำข้าว มีตัวแทนเกษตรกรจากสมาคมชาวนา เพิ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพิ่มจุด CCTV
3. ใช้ระบบเซมิออนไลน์  ออกใบประทวนระบุจำนวนข้าว-จำนวนเงิน ให้ชาวนาไปรับเงินที่ ธกส.
4. คณะตรวจสอบของจังหวัดและส่วนกลางตรวจสอบต่อเนื่อง

มาตรการลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพโครงการ
1. นำข้อเสนอหน่วยงานต่างๆ เช่น ป.ป.ช. , สตง. มาปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพ
2. มีสัญญาให้ผู้เข้าร่วมโครงการรับผิดชอบ กรณี ข้าวเน่า ข้าวหาย ข้าวเสีย ชัดเจน พร้อมมีสัญญาประกันภัย
3. กระทรวงการคลัง รักษาระดับหนี้สาธารณะ ที่ร้อยละ 46 ขณะที่กรอบกฎหมายกำหนด ไม่เกินร้อยละ 60 ของ GDP และภาระหนี้ต่องบประมาณ เพื่อชำระเงินต้นและดอกเบี้ย รักษาระดับที่ ร้อยละ 7.4 ขณะที่กรอบกฎหมายกำหนด ไม่เกินร้อยละ 15 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี
4. หลังช่วยเหลือชาวนาจนประสพความสำเร็จภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง ได้ลดปริมาณรับจำนำจากจำนำทุกเม็ด เป็นรายละ 5 แสนบาท และ 3.5 แสนบาท
5. สร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้เกษตรกรกำหนดพื้นที่เพาะปลูกที่เหมาะสม หรือเกษตรโซนนิ่ง ลดต้นทุนการผลิต ใช้ข้าวพันธุ์ดี ส่งเสริมนโยบายเกษตรปราดเปรื่อง

มาตรการปราบปรามการทุจริต
1. นายกฯยิ่งลักษณ์ ให้นโยบายป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างเข้มงวด เด็ดขาดตั้งแต่เริ่มโครงการ เดือนกันยายน 2554 เป็นต้นมาอย่างต่อเนื่อง
2. แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริต โดย รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นประธาน สามารถจับกุมดำเนินคดี ผู้กระทำผิด 276 คดี ซึ่งการตรวจสอบเข้มงวดและเอาผิดจริงจัง ป้องกันการทุจริตได้เป็นอย่างดี
3. เมื่อมีข้อกล่าวหาทุจริต ก็ตั้งคณะกรรมการสอบสวน พร้อมสั่งการลงโทษเด็ดขาด

จากมาตรการทั้งหมด ถือเป็นเจตนารมณ์ ความทุ่มเท ใส่ใจของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เพื่อบูรณาการป้องกันและปราบปรามการทุจริตทุกขั้นตอน



























ข่าวที่เกี่ยวข้อง
TV24 - “กิตติรัตน์” แพร่คลิปผ่าน SocialMedia ยืนยัน รับจำนำข้าว ไม่ใช่เรื่องกำไร-ขาดทุน



“ยิ่งลักษณ์” ยกย่อง “นวมทอง” สละชีวิตเรียกร้องประชาธิปไตย


นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

วันนี้เมื่อ 9 ปีที่แล้วคือวันที่ 31 ต.ค. 2549 ซึ่งถือเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของลุงนวมทอง ขอยกย่องในจิตใจที่ยิ่งใหญ่ของคุณลุง ที่เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อเรียกร้องหาประชาธิปไตย ก็หวังว่าดวงวิญญาณคุณลุงจะได้เห็นประชาธิปไตยของไทยกลับมาในเร็ววันนะคะ พร้อมกันนี้ขอฝากจดหมายที่คุณลุงเขียนไว้ก่อนเสียชีวิตเพื่อแสดงออกถึงความหวงแหนประชาธิปไตยค่ะ


วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

“ขัตติยา” แนะรัฐเปิดใจ ติงปิดประเทศกระทบเศรษฐกิจ


#TV24 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "เดียร์-ขัตติยา สวัสดิผล" อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ขัตติยา สวัสดิผล โดยมีเนื้อหาดังนี้

พอดีได้ยินการขู่ว่าจะปิดประเทศถ้าความปรองดองยังไม่เกิดขึ้นในชาติค่ะ

การเปิดและปิดฟังดูเหมือนง่ายนะคะถ้าเป็นประตู แต่ถ้าสิ่งที่จะปิดกลับเป็นประเทศที่มีประชากรอาศัยอยู่กว่า 70 ล้านคน และแต่ละคนต่างก็มีความคิดและรสนิยมต่างกัน มันก็ต้องพิจารณาด้วยว่า แล้วมันทำให้คนเข้าใจกันมากขึ้นหรือไม่? ประเทศได้พัฒนาหรือเปล่า? คิดให้ดีๆว่า....ที่คิดจะปิดประเทศนี้ อาจเป็นเพราะกำลังกลัวหรือรังเกียจ คน สังคม วัฒนธรรม ข้อมูลข่าวสารและมาตรฐานสากลบางอย่างที่นานาชาติเขามีจะเข้ามามีอิทธิพลต่อความคิดของคนในชาติ ทำให้ปกครองคนในชาติยากขึ้น โกหกยากขึ้น? หรือกลัวคำถามจากนานาประเทศที่จะถามถึงปัญหาภายในชาติ? และต้องการปิดหนีความกดดันจากประเทศต่างๆ ที่เร่งให้ผู้ปกครองประเทศคืนสิทธิในการปกครองประเทศให้ประชาชน คืนอำนาจอธิปไตยให้ประชาชน คืน “ประชาธิปไตย” ให้กับคนในชาติให้เร็วที่สุด?

แต่ก่อนที่เราจะพูดคำว่า "ปิดประเทศ" ออกมา เราควรจะมองดูประเทศเราเองก่อนดีไหมคะ ว่าเราสามารถอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่ยุ่งกับใครเลยได้หรือเปล่า? พร้อมที่จะให้ประเทศเป็นหลุมดำในขณะที่ประเทศรอบข้างเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือไม่? และอะไรบ้างคือผลกระทบที่จะตามมาและผู้นำประเทศได้หาทางแก้ปัญหาไว้แล้วหรือยัง?

คนจำนวนมากมีกินอยู่ได้เพราะเขาทำมาค้าขาย ส่งออก นำเข้าสินค้า ติดต่อกับต่างชาติ ยังไม่ต้องพูดถึงเศรษฐกิจที่จะกระทบไปทั้งระบบ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การท่องเที่ยว และอีกมากมาย
สิ่งที่ควรทำตอนนี้ไม่ใช่ออกมาขู่ว่าจะปิดประเทศค่ะ แต่คือการ "เปิดใจ" รับฟังความคิดเห็นให้มากๆ ค่ะ โดยเฉพาะความคิดเห็นของคนในชาติที่ต่อต้านเผด็จการ ที่เห็นต่าง และทุกสีเสื้อ และยิ่งถ้าเป็นความคิดเห็นและบทเรียนจากประเทศพัฒนาแล้ว ...ยิ่งต้องเปิดใจให้กว้างๆๆๆๆเลยค่ะ

แต่ถ้าที่พูดมาไม่ได้ขู่ แต่คิดจะปิดประเทศจริงๆ ก็ช่วยถามคนในประเทศนี้ด้วยว่าเขาคิดเห็นกันยังไง ยังเห็นหัวกันอยู่หรือเปล่า ไม่ต้องบ่นว่าประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ ก็เอาภาษีประชาชนไปใช้จะมาข่มขู่คุกคามประชาชนได้อย่างไร เดียร์ว่าทุกคนที่อ่านโพสต์นี้อยู่ ก็ถือบัตรประชาชนไทยมีสัญชาติไทยกันทุกคนนั่นแหละค่ะ จริงมั้ย?

"อนุสรณ์" แนะ "ประยุทธ์" งดพูดปิดประเทศ-หวั่นคนความแตกตื่น


นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุกลางวงประชุมแม่น้ำ 5 สาย หากสถานการณ์ไม่สงบก็พร้อมจะอยู่ต่อและถึงขั้นปิดประเทศ สร้างความแตกตื่น เกิดผลกระทบไปยังหลากหลายวงการ ว่า จะไม่ให้ประชาชนคนไทยแตกตื่นได้อย่างไร เพราะคนพูดไม่ใช่ระดับ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ที่เคยประกาศแช่แข็งประเทศ หรือไม่ใช่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ประกาศชัตดาวน์ประเทศ เพราะผู้พูดคือผู้ที่ถืออำนาจหลักในการกำหนดอนาคตประเทศ  และพูดกับคนฟังคือแม่น้ำ 5 สาย ซึ่งก็ถือเป็นเครื่องมือในการดำเนินการตามโรดแมปและเป็นผู้กุมอำนาจของประเทศไว้ทั้งหมด

แม้คำประกาศจะปิดประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นภาคต่อจากชุดแนวคิดเดียวกันกับ เสธ.อ้าย และ กปปส. แต่ครั้งนี้ส่งผลกระทบหนักมาก ผู้คนจึงแตกตื่น ตลาดหุ้นติดลบ 2 วัน กว่า 30 จุด นักลงทุนทั้งในประเทศ ต่างประเทศสับสน กลัวจะกระทบกับธุรกิจของเขาที่อยู่ในประเทศไทย หากมีปัญหาจะสามารถแบกรับความเสี่ยงนี้ได้หรือไม่ จึงถือเป็นประเด็นละเอียดอ่อน กระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศอย่างมากที่ทุกฝ่ายต้องระมัดระวัง

โอกาสที่ไทยจะเป็นศูนย์กลางอาเซียนแทบหลุดมือ เพราะลำพังไม่ประกาศปิดประเทศ ภาคอุตสาหกรรมที่เคยลงทุนสร้างฐานการผลิตในประเทศไทย ก็แห่ย้ายหนีไปประเทศอื่นอยู่แล้ว ธนาคารโลก ก็ลดอันดับความยากง่ายการทำธุรกิจไทย จาก 46 เป็น 49 ถือเป็นสารพันปัญหาที่กระทบกับความเชื่อมั่นของประเทศพร้อมๆกัน

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

"ยิ่งลักษณ์" เดินทางถึงศาลฯ ยืนยัน มั่นใจในคดีจำนำข้าว


นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาตามนัดศาลฯ โดยมีประชาชนมาคอยให้กำลังใจและมอบดอกไม้เป็นจำนวนมาก รวมถึงสมาชิกพรรคเพื่อไทยด้วย ซึ่งบรรยากาศบริเวณหน้าศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันนี้ (29 ตุลาคม 2558) จะมีการพิจารณาคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทย์ยื่นฟ้อง นางสาวยิ่งลักษณ์ ในฐานะจำเลย ความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายกับรัฐตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา และพระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ทั้งนี้ เป็นการนัดคู่ความทั้ง 2 ฝ่าย ตรวจพยานหลักฐาน เพื่อสรุปพยานบุคคลและพยานเอกสารของฝ่ายอัยการและฝ่ายจำเลยที่นำเข้าไต่สวน  โดยก่อนหน้านี้ศาลฎีกาให้อัยการและฝ่ายโจทย์ ทนายความร่วมกันดูพยานบุคคลและพยานเอกสารให้เรียบร้อยก่อนมีการนำเสนอให้พิจารณาในวันนี้ (29 ตุลาคม 2558)

ด้าน  นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ นางสาว ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยว่า การตรวจบัญชีจากพยานบุคคลที่ผ่านมา ทางฝ่ายอัยการโจทย์และฝ่ายจำเลยมีพยานรวมกันกว่าร้อยปาก ส่วนพยานเอกสารมีจำนวนมาก ทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการจัดทำบัญชีรวมหมายเลขเอกสารแต่ละฝ่ายไว้เป็นจำนวนเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ มาตามนัดศาลฯ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าฟังผลการตรวจพยานว่า มั่นใจในพยานหลักฐานที่เตรียมมานำเสนอต่อศาลและคงจะได้ทราบผลในวันนี้ (29 ต.ค. 58) เบื้องต้น ไม่หนักใจกับพยานหลักฐานที่อัยการสูงสุดเพิ่มเข้ามาแต่จะทำให้ดีที่สุด ซึ่งมั่นใจในพยานหลักฐานที่นำเสนอต่อศาลและเชื่อว่าจะสามารถชี้แจงต่อศาลได้ โดยพยาน 60 ปากที่เพิ่มเข้ามา แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ คือ 1.กลุ่มที่เคยเสนอต่อ ป.ป.ช. และได้ให้ปากคำแล้ว 2.กลุ่มที่เสนอต่อ ป.ป.ช. แต่ ป.ป.ช.ไม่รับในชั้น ป.ป.ช. 3.กลุ่มบุคคลที่อ้างตามฝ่ายโจทก์






























ชมภาพถ่ายฉบับเต็มเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.facebook.com/tv24official/

#TV24 #BreakingNews บรรยากาศสด ขณะนี้ จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงแล้วตามที่ศาลกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐาน ในเวลา 09.30 น. เพื่อสรุปจำนวนพยานบุคคล และพยานเอกสารของฝ่ายอัยการโจทก์ และฝ่ายจำเลย ที่จะนำเข้าไต่สวนว่าแต่ละฝ่ายจะนำสืบเท่าใด ประเด็นอะไรบ้างพร้อมกำหนดวันนัดไต่สวนพยาน ในการตรวจบัญชีจัดพยานบุคคลที่ผ่านมา ทั้งฝ่ายอัยการโจทก์และฝ่ายจำเลย มีพยานรวมกันกว่า 100 ปาก ส่วนพยานเอกสารมีจำนวนมากโดยทั้งสองฝ่ายได้จัดทำบัญชีลงหมายเลขเอกสารของแต่ละฝ่ายไว้ โดยวันนี้ ศาลฎีกาฯจะพิจารณาอีกครั้งเพื่อสรุปว่าให้อัยการโจทก์ และฝ่ายจำเลย นำพยานบุคคลและเอกสาร เข้าไต่สวนฝ่ายละเท่าใด โดยพร้อมไปศาลเพื่อเข้าสู่กระบวนพิจารณาคดี

Posted by TV24 สถานีประชาชน on 28 ตุลาคม 2015

#TV24 #BreakingNews บรรยากาศสด ขณะนี้ จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงแล้วตามที่ศาลกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐาน ในเวลา 09.30 น. เพื่อสรุปจำนวนพยานบุคคล และพยานเอกสารของฝ่ายอัยการโจทก์ และฝ่ายจำเลย ที่จะนำเข้าไต่สวนว่าแต่ละฝ่ายจะนำสืบเท่าใด ประเด็นอะไรบ้างพร้อมกำหนดวันนัดไต่สวนพยาน ในการตรวจบัญชีจัดพยานบุคคลที่ผ่านมา ทั้งฝ่ายอัยการโจทก์และฝ่ายจำเลย มีพยานรวมกันกว่า 100 ปาก ส่วนพยานเอกสารมีจำนวนมากโดยทั้งสองฝ่ายได้จัดทำบัญชีลงหมายเลขเอกสารของแต่ละฝ่ายไว้ โดยวันนี้ ศาลฎีกาฯจะพิจารณาอีกครั้งเพื่อสรุปว่าให้อัยการโจทก์ และฝ่ายจำเลย นำพยานบุคคลและเอกสาร เข้าไต่สวนฝ่ายละเท่าใด โดยพร้อมไปศาลเพื่อเข้าสู่กระบวนพิจารณาคดี

Posted by TV24 สถานีประชาชน on 28 ตุลาคม 2015

#TV24 #BreakingNews บรรยากาศสด ขณะนี้ จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงแล้วตามที่ศาลกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐาน ในเวลา 09.30 น. เพื่อสรุปจำนวนพยานบุคคล และพยานเอกสารของฝ่ายอัยการโจทก์ และฝ่ายจำเลย ที่จะนำเข้าไต่สวนว่าแต่ละฝ่ายจะนำสืบเท่าใด ประเด็นอะไรบ้างพร้อมกำหนดวันนัดไต่สวนพยาน ในการตรวจบัญชีจัดพยานบุคคลที่ผ่านมา ทั้งฝ่ายอัยการโจทก์และฝ่ายจำเลย มีพยานรวมกันกว่า 100 ปาก ส่วนพยานเอกสารมีจำนวนมากโดยทั้งสองฝ่ายได้จัดทำบัญชีลงหมายเลขเอกสารของแต่ละฝ่ายไว้ โดยวันนี้ ศาลฎีกาฯจะพิจารณาอีกครั้งเพื่อสรุปว่าให้อัยการโจทก์ และฝ่ายจำเลย นำพยานบุคคลและเอกสาร เข้าไต่สวนฝ่ายละเท่าใด โดยพร้อมไปศาลเพื่อเข้าสู่กระบวนพิจารณาคดี

Posted by TV24 สถานีประชาชน on 28 ตุลาคม 2015

#TV24 #BreakingNews บรรยากาศสด ขณะนี้ จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงแล้วตามที่ศาลกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐาน ในเวลา 09.30 น. เพื่อสรุปจำนวนพยานบุคคล และพยานเอกสารของฝ่ายอัยการโจทก์ และฝ่ายจำเลย ที่จะนำเข้าไต่สวนว่าแต่ละฝ่ายจะนำสืบเท่าใด ประเด็นอะไรบ้างพร้อมกำหนดวันนัดไต่สวนพยาน ในการตรวจบัญชีจัดพยานบุคคลที่ผ่านมา ทั้งฝ่ายอัยการโจทก์และฝ่ายจำเลย มีพยานรวมกันกว่า 100 ปาก ส่วนพยานเอกสารมีจำนวนมากโดยทั้งสองฝ่ายได้จัดทำบัญชีลงหมายเลขเอกสารของแต่ละฝ่ายไว้ โดยวันนี้ ศาลฎีกาฯจะพิจารณาอีกครั้งเพื่อสรุปว่าให้อัยการโจทก์ และฝ่ายจำเลย นำพยานบุคคลและเอกสาร เข้าไต่สวนฝ่ายละเท่าใด โดยพร้อมไปศาลเพื่อเข้าสู่กระบวนพิจารณาคดี

Posted by TV24 สถานีประชาชน on 28 ตุลาคม 2015

#TV24 #BreakingNews บรรยากาศสด ขณะนี้ จากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงแล้วตามที่ศาลกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐาน ในเวลา 09.30 น. เพื่อสรุปจำนวนพยานบุคคล และพยานเอกสารของฝ่ายอัยการโจทก์ และฝ่ายจำเลย ที่จะนำเข้าไต่สวนว่าแต่ละฝ่ายจะนำสืบเท่าใด ประเด็นอะไรบ้างพร้อมกำหนดวันนัดไต่สวนพยาน ในการตรวจบัญชีจัดพยานบุคคลที่ผ่านมา ทั้งฝ่ายอัยการโจทก์และฝ่ายจำเลย มีพยานรวมกันกว่า 100 ปาก ส่วนพยานเอกสารมีจำนวนมากโดยทั้งสองฝ่ายได้จัดทำบัญชีลงหมายเลขเอกสารของแต่ละฝ่ายไว้ โดยวันนี้ ศาลฎีกาฯจะพิจารณาอีกครั้งเพื่อสรุปว่าให้อัยการโจทก์ และฝ่ายจำเลย นำพยานบุคคลและเอกสาร เข้าไต่สวนฝ่ายละเท่าใด โดยพร้อมไปศาลเพื่อเข้าสู่กระบวนพิจารณาคดี

Posted by TV24 สถานีประชาชน on 28 ตุลาคม 2015