วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2565

พรรคประชาชาติ เปิดเวทีพบประชาชนปะนาเระ ปัตตานี


พรรคประชาชาติเปิดเวทีพบประชาชนปะนาเระ ปัตตานี จัดแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษ ..ร่วมฟาดแข้งกับผู้นำท้องถิ่น สมทบทุนช่วยเหลืออุปกรณ์การศึกษาให้โรงเรียนตาดีกาวันนอร์ประกาศพันธกิจปกป้องศาสนาและมรดกวัฒนธรรม ขณะที่...ทวียกย่องการศึกษา-ศาสนาสร้างคน




นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย ...ทวี สอดส่อง ..แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ลงพื้นที่เปิดเวทีประชาชาติพบประชาชนปะนาเระและเปิดการแข่งขันฟุตบอลสานสัมพันธ์ ที่ .ปะนาเระ .ปัตตานี เพื่อหารายได้ช่วยเหลืออุปกรณ์การศึกษาให้นักเรียนโรงเรียนตาดีกาในพื้นที่ 



กิจกรรมครั้งนี้เป็นไปอย่างคึกคักและได้รับความสนใจจากประชาชน รวมทั้งเยาวชนเป็นอย่างมาก โดยคณะพรรคประชาชาติ ร่วมแข่งขันฟุลบอลนัดพิเศษร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ โดยมี นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ ..ปัตตานี, นายกูเฮง ยาวอหะซัน นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ..นราธิวาส, นายซูการ์โน มะทา นายอับดุลอายี สาแม็ง ..ยะลา ร่วมฟาดแข้งกับ นายสาเหะมูหาหมัด อัลอิดรุส นายกเทศมนตรีตำบลตันหยง, นายมูฮำมัดอารีฟีน จะปะกิยา ว่าที่ผู้สมัคร ..ปัตตานี, นายอรุณ เบ็ญจลักษณ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี, นายเจ๊ะซู ตาเหย็บ, นายอัฟฟาน หะยียูโซะ ผู้ประสงค์ลงสมัคร ..นราธิวาส เขต 1 และเขต 2, นายสุไลมาน บือแนปีแน ว่าที่ผู้สมัคร ..ยะลา โดยผลัดกันลงสนามอย่างสนุกสนาน ฝั่งคณะพรรคประชาชาติชนะไป 2 ต่อ 1 



นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวว่า พรรคประชาชาติเป็นพรรคที่ให้ความสำคัญเรื่องของศาสนา เพราะศาสนาคือเสาหลักของต้นไม้ ถ้าเสาหลักไม่เข้มแข็ง ลมพัดหรือพายุมาก็จะล้มลง พรรคประชาชาติจะปกป้องศาสนา ถ้ามีกฎหมายอะไรก็ตามที่จะกระทบต่อศาสนา เราจะปกป้อง เราจะต่อสู้ การกระทำอันใดที่ศาสนาสอน นั่นคือหน้าที่ของพรรคประชาชาติที่จะต้องรักษาไว้ การเมืองต้องปกป้องและรักษาศาสนา ให้ความเป็นธรรม และส่งเสริมวัฒนธรรมที่เป็นมรดกของบรรพบุรุษ  




ตอนนี้ร่างกฎหมายป้องกันการซ้อมทรมานฯ คลอดออกมาแล้ว ต่อไปถ้าเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว จะพาไปซ้อมทรมานไม่ได้แล้วเพราะกฎหมายออกมาแล้ว กฎหมายนี้ใช้ได้ทั้งประเทศไทยหัวหน้าพรรคประชาชาติ ระบุ 


...ทวี กล่าวว่า ตาดีกาเป็นองค์กรที่พัฒนามนุษย์ ถือว่าเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามาก ทำให้คนได้รับการศึกษา และการศึกษาจะสามารถแก้ปัญหาได้ทุกชนิด 


เราจะพบว่าสิ่งสำคัญที่เรามองข้าม ก็คือเรื่องการศึกษาและศาสนา เพราะบางทีเราไปให้ความสำคัญกับเรื่องวัตถุและเรื่องอย่างอื่นมากเกินไป และการศึกษาโดยเฉพาะตาดีกา ก็มีการถ่ายทอดคำสอนจากคัมภีร์อัลกุรอาน จากท่านนบีมูฮัมหมัด (..) ศาสดาองค์สุดท้าย ได้เผยแผ่คำสอนของศาสนาออกไป การศึกษาและศาสนาสร้างคน สร้างมนุษย์ ถ้าเราใช้แนวทางของศาสนา มันจะเป็นทางที่ถูกต้อง


เราจะเห็นได้ว่าในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เวลาเราจะเสริมสร้างจิตวิญญาณของพี่น้องมุสลิมให้สูงขึ้น ก็คือการไปละหมาด หรือเราอยากจะเสริมสร้างสวัสดิการ ในหลักศาสนาอิสลามก็มีซะกาต ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่ช่วยเหลือคนไม่ให้ยากไร้ คือการจ่ายซะกาต คือการแบ่งปัน และถ้าเราจะสร้างความอดทนให้กับพี่น้อง ศาสนาอิสลามก็จะมีการถือศีลอด หลังจากที่ได้มารับราชการในพื้นที่เป็นเลขาธิการ ศอ.บต. ทำให้รู้ว่าคนจะรวยแค่ไหน คนมีฐานะแค่ไหน ก็ต้องมาฝึกความอดทนด้วยการถือศีลอด ทุกคนต้องปฏิบัติเลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าว 




ตลอดทั้งงานเต็มไปด้วยความสนุกและรอยยิ้ม โดยก่อนเดินกลับ ...ทวี ได้เดินพบปะพี่น้องประชาชนที่มาเที่ยวชมงาน และร่วมขายของ พร้อมทั้งเหมาซื้อผลไม้กับลูกชิ้น แถมยังย่างลูกชิ้นโชว์ และแจกเด็กๆ เยาวชนที่มาร่วมกิจกรรมอย่างเป็นกันเอง 


เจ้าของร้านขายลูกชิ้น บอกว่าผมขอขอบคุณมากที่มาอุดหนุนผม ดีใจมากที่ท่านมาเหมาของวันนี้ ทำให้ขายของได้หมดเลย ดีใจจริงๆ ปกติขายอยู่ที่ปั๊มน้ำมัน วันนี้พอดีมีงานของพรรคประชาชาติ ก็ขับรถมาขายที่นี่ และโชคดีที่เลขาฯทวีเหมาหมด






วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2565

“ประชาชาติ” ห่วงยอดส่งออกสินค้าเกษตร ส่งสัญญาณชะลอตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานจากชมรมเกษตรปลอดสารพิษ จังหวัดอ่างทอง ว่า นายมนตรี บุญจรัส รองโฆษกพรรคประชาชาติ ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม และ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวว่า จากกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือน ก.ค.2565 ว่า การส่งออกสินค้าเกษตรได้หดตัวในรอบ 5 เดือน โดยเดือน ก.ค.2565 มีมูลค่า 2,339 ล้านดอลลาร์ ลดลง 0.3% นั้น สิ่งที่น่ากังวลคือ การส่งออกของไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ประเมินว่ามีทิศทางชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยทิศทางการชะลอตัวเป็นผลมาจากเศรษฐกิจคู่ค้าที่ชะลอตัวลง รวมถึงปัญหาเงินเฟ้อในหลายประเทศ

นายมนตรี บุญจรัส กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรและให้ความช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเร่งด่วนในทุกมิติ วิกฤติโรคระบาดโควิดที่ลุกลามไปทั่วโลกถูกซ้ำเติมด้วยภาวะสงคราม ความตึงเครียดทางการเมืองและปัญหาค่าเงินที่กระทบต่อเศรษฐกิจ ทำให้ความต้องการอาหารจากทั่วโลกยังเติบโตต่อเนื่อง ผมจึงมองว่า วิกฤติต่าง ๆ จะเป็นโอกาสทำให้สินค้าเกษตรอาหารของไทย ยังไปได้ในการส่งออก โดยเฉพาะการส่งออกผักและผลไม้และเนื้อสัตว์ปีก ภาครัฐควรขยายมิติการทำงานเชิงนโยบายเกษตร รวมถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจการเกษตร เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจด้านการเกษตรของประเทศไทย จะได้ช่วยเหลือเกษตรกรและประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไปครับ



วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2565

“ประชาชาติ” ปลุกประชาชนทวงคืนอำนาจ ร่วมแสดงพลังให้ประเทศเดินหน้า

(วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2565) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ห้องประชุมดอนเมือง บอลรูม โรงแรม อมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพฯ ว่า นายธงชาติ รัตนวิชา คณะทำงานด้านกิจการรัฐสภา และคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาชาติ ในฐานะที่ปรึกษาพรรคประชาชาติ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลายสมัย ร่วมเสวนาในโครงการผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน ในหัวข้อ "อนาคตประเทศไทย บนเส้นทางประชาธิปไตย" โดยมีนิสิต นักศึกษา ประชาชน และผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรมดังกล่าวเต็มห้องประชุมกว่า 500 คน 



ทั้งนี้ นายธงชาติ กล่าวแสดงทัศนะตอนหนึ่งว่า ถึงเวลาที่ประชาชนจะลุกขึ้นมาทวงคืนความไม่เป็นธรรม พวกที่ปล้นอำนาจประชาชนเขามา เรายังจะยอมให้เขาปล้นอีกหรือ? ดังนั้น ผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทั้งหมด มาแสดงพลังให้เห็นว่าเราคือเจ้าของอำนาจที่แท้จริง เจ้าของอำนาจที่แท้จริงเท่านั้นที่จะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ ฉะนั้นอย่าให้กลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเอาอำนาจของเราไป ประชาชนเราต้องร่วมมือกันครับ



#ประชาชนประชาชาติ

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2565

"ฟลุ๊ค พชร" ตะเพิด “ประยุทธ์” พ้นนายกฯ แนะเข้าวัดไถ่บาป

“ฟลุ๊ค” ตะเพิด “ประยุทธ์” รีบออกก่อนถูกขับไล่ ชี้ ความทุกข์ของประชาชนคือ “ผู้นำชำรุดยุทธ์โทรม” แนะ ออกไปเข้าวัดไถ่บาปที่ทำกับคนไทย

นายพชร ธรรมมล หรือ “ฟลุ๊ค” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตราชเทวี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้นายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งไม่เกิน 8 ปี ซึ่งตำแหน่งของพลเอกประยุทธ์จะสิ้นสุดในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ แต่ยังมีความพยายามที่จะมั่วกันเพื่อให้ได้อยู่ในตำแหน่งต่อ ทั้งๆที่เจตนารมณ์ของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่าไม่ให้นายกรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งเกิน 8 ปี ซึ่งรวมถึงพลเอกประยุทธ์ด้วย หรือจะตั้งใจใช้กฎหมายนี้เฉพาะอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตรเท่านั้น อีกทั้ง อาจารย์และนักวิชาการจำนวนมากก็แนะนำว่าพลเอกประยุทธ์ต้องออกไปได้แล้ว รวมถึง นักกฎหมาย นักศึกษา คนรุ่นใหม่ และ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ต่างเห็นตรงกันว่าเบื่อหน่ายพลเอกประยุทธ์อย่างมาก และน่าจะต้องไปได้แล้ว เพราะการบริหารประเทศที่ผ่านมาต้องเรียกว่าล้มเหลวยิ่งกว่าล้มเหลว คนเดือดร้อนกันทั้งแผ่นดิน แต่พลเอกประยุทธ์กลับไม่ได้รู้สึกตัวเลย ได้แต่หลอกตัวเองไปวันๆว่า ตั้งใจดี ทำได้ดี ทั้งที่ห่วยแตก 

ขนาดค่าไฟฟ้าพุ่งสูง คนบ่นและด่ากันอย่างมาก แต่พลเอกประยุทธ์กลับไปสอนธรรมะ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เหมือนบอกว่าปล่อยไปตามยถากรรมแก้อะไรไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้เอาพระมาเป็นนายกฯ จะดีกว่าไหม หรือไม่ก็พลเอกประยุทธ์น่าจะต้องลาออกไปบวชเป็นพระไปเลยจะดีกว่า เพราะแก้ปัญหาอะไรไม่เคยได้ สร้างแต่ปัญหา อีกทั้งยังได้ทำบุญให้กับประชาชนจำนวนมากที่เดือนร้อนจากการบริหารของพลเอกประยุทธ์ อย่างเช่น ค่าไฟฟ้าแพงที่คนเดือดร้อนกันทั่วไป แต่มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของไทยกลับเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าที่สนิทกับพลเอกประยุทธ์ แบบนี้หมายความว่าอย่างไร ทั้งที่สาเหตุของไฟฟ้าแพง พรรคเพื่อไทยได้ชี้แจงและแนะแนวทางแล้ว แต่พลเอกประยุทธ์ไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ และไม่ยอมทำ ถ้าประชาชนไม่ลุกฮือขึ้นมาด่าและสื่อไม่โหมตำหนิ พลเอกประยุทธ์จะไม่คิดแก้อะไรเลย ขนาดธรรมะที่พูดมาเอง พลเอกประยุทธ์ก็ยังไม่เข้าใจเลย ซึ่งถ้ายังดื้อรั้นดันทุรังอยู่ต่อประชาชนจำนวนมากจะออกมาขับไล่แน่นอน 


ดังนั้น ทุกข์ที่หนักที่สุดของประชาชนคือการมีพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ จนได้ฉายาจากสื่อว่าเป็น “นายกฯชำรุดยุทธ์โทรม” วิธีดับทุกข์คือพลเอกประยุทธ์ต้องออกไป ถ้าขืนดื้อที่จะอยู่ต่อ ความทุกข์จะเกิดกับพลเอกประยุทธ์เอง เพราะยึดมั่นถือมั่น ไม่ยอมปล่อยวาง อีกทั้งพลเอกประยุทธ์จะทำบาปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนจะลำบากเพราะพลเอกประยุทธ์เพิ่มขึ้น สุดท้ายคนทนกันไม่ไหวก็จะต้องแห่กันออกมาไล่พลเอกประยุทธ์ ถึงวันนั้นพลเอกประยุทธ์จะไม่มีแผ่นดินจะอยู่แน่ ขอเตือนด้วยความหวังดี ก่อนจะสายเกินแก้เมื่อคนลงมาขับไล่กันเต็มถนน

"ทวี" อภิปรายตัดงบ มหาดไทย แนะทำเพื่อประชาชน หยุดแบ่งสี สิงห์ดำ-สิงห์แดง

เมื่อเวลา 18.13 น. วันที่ 19 สิงหาคม ที่รัฐสภา เข้าสู่การพิจารณา มาตรา 20 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงมหาดไทย ที่ กมธ.เสียงข้างมากตัดงบเหลือ จำนวน 268,833,168,900 บาท โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายว่า ขอตัดงบลง 7% หน้าที่กระทรวงนี้คือบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ผู้นำต้องมีความยุติธรรม แต่ผู้บริหารกระทรวงมีการแบ่งสี สิงห์ดำ สิงห์แดงมากที่สุด ในรอบทศวรรษจบจากจุฬาฯ จะยึดครอง ปัจจุบันเรามีปลัดกระทรวงจบจากรัฐศาสตร์ จุฬาฯ รองปลัดกระทรวง 4 คน จบจากรัฐศาสตร์ จุฬาฯ หมด


ส่วนอธิบดีกรมต่างๆ ก็จบจากรัฐศาสตร์ จุฬาฯ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองก็จบจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ สะท้อนให้เห็นว่าคนที่จบมหาวิทยาลัยอื่น ก็มีความรู้ความสามารถ นอกจากนี้กำลังจะมีการแต่งตั้งโยกย้าย อยากฝากนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ความเป็นธรรม จะแมวขาวแมวดำ ขอแค่จับหนูได้ แต่อย่าให้แมวกับหนูเป็นเพื่อนกัน บ้านเมืองจะวิบัติ

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2565

"ทวี" อัดรัฐขึ้นค่าไฟ ผลักภาระประชาชน บริหารงบฯ ขาดธรรมาภิบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก สัปปายะสภาสถาน อาคารรัฐสภา ว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 18 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 นั้น พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ในฐานะกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย ขอปรับลด 6% หรือ 629 ล้านบาทโดยให้เหตุผลว่า มีความเป็นห่วงกระทรวงการคลังไม่ให้ความสำคัญกับการจัดเก็บภาษี และมีการปล่อยให้การจัดเก็บภาษีอยู่ในความรับผิดชอบของ 3 หน่วยงานจัดเก็บ ซึ่งอาจขาดหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินการ พร้อมกับเสนอแนะให้กระทรวงการคลังเน้นการจัดเก็บภาษีที่เน้นลดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะปรับปรุงการจัดเก็บภาษีของกลุ่มบุคคลที่มีฐานะดี ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดกรณีที่มีผู้มีฐานะดีปลูกกล้วยกลางเมืองหลวง แล้วกระทรวงการคลังวินิจฉัยว่ามีการทำการเกษตรแล้ว

“สำหรับนโยบายรัฐวิสาหกิจโดยเฉพาะการจัดเก็บค่าไฟปัจจุบันที่มีการขึ้นค่าไฟเป็นการผลักภาระให้ประชาชน ขณะเดียวกันก็สะท้อนว่าการประมูลผ่านกรมบัญชีกลางกลายเป็นสนามฮั้วประมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยเพราะมีผู้ได้รายชื่อของการประมูลไปก่อนทำให้เกิดการประมูลที่มีราคาใกล้เคียงกับราคากลางที่ตั้งไว้” พันตำรวจเอก ทวี กล่าว



“ประชาชาติ” แนะเปลี่ยนรัฐบาล อัดคนละครึ่งเฟส 5 แค่ยื้อเวลา-ไม่ยั่งยืน

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก สัปปายะสภาสถาน อาคารรัฐสภา ว่า นายมนตรี บุญจรัส รองโฆษกพรรคประชาชาติ ในฐานะที่ปรึกษากรรมาธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม และ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวว่า โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีการเปิดลงทะเบียนสำหรับประชาชนทั่วไปในวันนี้ (19 สิงหาคม) เป็นวันแรก จนกว่าจะครบจำนวนไม่เกิน 26.50 ล้านสิทธิ แบ่งเป็นประชาชนที่เคยใช้สิทธิโครงการฯ ระยะที่ 4 จำนวน 26.27 ล้านสิทธิ และประชาชนที่ไม่เคยเข้าร่วมหรือไม่เคยใช้สิทธิโครงการฯ ระยะที่ 4 จำนวน 2.30 แสนสิทธิ์ และ เริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่ที่ 1 กันยายน ถึงวันที่ 31 ตุลาคม นี้ นั้น พบว่าร้านค้าทราบว่าต้นปีที่ผ่านมาสรรพากรมีการตรวจสอบรายรับจากบัญชีถุงเงิน ที่ใช้ในการรับเงินคนละครึ่ง ทำให้ถูกสรรพากรเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจากในอดีตเป็นการเก็บแบบเหมาจ่าย ปัจจุบันต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้นจากปัญหาเงินเฟ้อและค่าขนส่ง ร้านที่จ่ายคนละครึ่งถูกสรรพากรเร่งรัด เพื่อให้จ่ายภาษี ทำให้กำไรที่ได้น้อยอยู่แล้วก็ต้องน้อยลงไปอีก รัฐบาลควรหาวิธีที่ดีกว่านี้โดยเฉพาะการบริหารจัดการเรื่องภาษี ที่ประชาชนอยู่ในช่วงการได้รับความเดือดร้อนทั้งจากวิกฤตโรคระบาดโควิด19 วิกฤตค่าน้ำมันและขนส่ง และปัญหาเงินเฟ้อ ที่ทำให้ค่าราคาสินค้า อุปโภค-บริโภค ปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนความไร้ประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการของรัฐบาลที่ปล่อยให้ประชาชนเผชิญวิกฤต ส่งผลต่อทั้งต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งเป็นลูกโซ่



นายมนตรี กล่าวว่า การกระทำของรัฐบาลเป็นเพียงแค่การยื้อเวลาออกไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาของประชาชนอย่างยั่งยืน รัฐบาลต้องปรับแนวคิดว่า ประชาชนไม่ได้อยู่รับใช้รัฐบาล แต่รัฐบาลต้องรับใช้ประชาชน ไม่แปลกใจเลยที่หลายฝ่ายส่งเสียงเรียกร้องถึง นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ว่า ควรลาออก หรือยุบสภา เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลใหม่ และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เข้ามาบริหารประเทศ และแก้ปัญหาให้ประชาชนแทน



#ประชาชนประชาชาติ

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2565

"พชร" เตือนประยุทธ์ เลิกยึดติดอำนาจ กระทบเศรษฐกิจ

“เพื่อไทย” เตือน “ประยุทธ์” หากอยู่เกิน 8 ปี แสดงถึงการยึดติดอำนาจ จะกระทบเศรษฐกิจของประเทศ ชี้ ความน่าเชื่อถือทางกฎหมาย เป็นเรื่องสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ แนะ มีจิตสำนึกเห็นชาติสำคัญกว่าตัวบุคคล 

นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯ เพื่อพิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยในประเด็นครบกำหนด 8 ปีในการดำรงตำแหน่งของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น พลเอกประยุทธ์น่าจะต้องรู้ดีว่า การออกแบบจำกัดเวลาให้ ผู้มีอำนาจ อยู่จำกัดไว้ที่ 8 ปีก็เพื่อ เสถียรภาพ และ ดุลยภาพของประเทศ เกินจากนี้ ระบบราชการจะถดถอย จะยึดติดตัวบุคคล ไม่มีการพัฒนา ลดทอนขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งปรากฏให้เห็นแล้วจากการจัดลำดับความสามารถแข่งขันของ IMD สวิตเซอร์แลนด์ 

อีกทั้ง การออกแบบให้ผู้บริหารในระบบราชการเองก็มีระเบียบวาระในการดำรงตำแหน่ง เช่นปลัดกระทรวง และ อธิบดีก็มีวาระ ที่จำกัดไว้เพื่อไม่ให้เกิดการฝังราก การที่ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ต่อวาระ ผบ ทบ ในช่วง พลเอก ประยุทธ์ เป็น ผบ ทบ เองก็ได้เห็น การปฎิวัติ รัฐประหาร เป็นตัวอย่าง ของผลลัพท์ ที่เกิดจาก การบิดกฎ เพื่อสนองความต้องการ ของบุคคล ทั้งที่สามารถโยกย้ายและควรจะโยกย้ายแล้ว และถ้าทำตอนนั้น ก็จะไม่เกิดการปฏิวัติรัฐประหารแล้ว 

ดังนั้น การที่จะให้ พลเอก ประยุทธ์ อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ ทั้งๆที่ รัฐธรรมนูญเขียน ไว้ชัดเจน ลึกไปถึง เจตนารมณ์ของ ประธาน กรธ และ สมาชิก ก็บันทึกไว้ชัดเจน ผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์ตอนอาจารย์เธียรชัย ณ นคร หนึ่งในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมาเล่า นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เรื่องเจตนาของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ต้องการให้พลเอกประยุทธ์อยู่เกิน 8 ปี เมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังจะมีความพยายามการกดดันให้ศาลตัดสิน ตามความต้องการของตนนั้น ย่อมส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการดึงดูดการลงทุนรายใหม่ เพราะกระบวนการยุติธรรม คือรากฐานของความน่าเชื่อถือ เป็น rule of law  ต่างชาติต้องเชื่อได้ว่า ทุกธุรกรรม และ ทุกการลงทุน ต้องได้รับความยุติธรรมจากระบบยุติธรรมในประเทศ แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวเองก็ต้องผูกความศิวิไลซ์ของประเทศ กับระบบยุติธรรมของแต่ละประเทศ การกดดันศาลและความพยายามเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบ ความเจริญของประเทศอย่างแน่นอน 

พลเอกประยุทธ์จะต้องสำนึกได้แล้วว่าที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์บริหารประเทศได้ล้มเหลว ประชาชนลำบากกันอย่างมาก ประเทศไม่ได้พัฒนาแม้จะใช้งบประมาณไปแล้วอย่างมาก ยิ่งอยู่ต่อประเทศยิ่งจะเสื่อมถอย การดันทุรัง จะทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศ ทั้งนี้อยากให้ทราบว่า “ไม่มีคนใด ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งขาดไม่ได้” เพราะฉะนั้นเลิกยึดติดและหลงตัวเอง และ ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรมชาติของโลก

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2565

“ประชาชาติ” แนะเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ห่วงวิกฤตเศรษฐกิจซ้ำเติมประชาชน


(16 สิงหาคม 2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายฐาคณิษฐ์ พรทองประเสริฐ รองเลขาธิการพรรคประชาชาติ เผยแพร่ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้


เศรษฐกิจที่ไม่ดีในปีนี้ อาจส่งผลกระทบยาวไปถึงปี2566 ลงทุนขยายงานกันได้ แต่ให้ใช้ความระมัดระวังกัน



จากกรณีที่ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่สภาพัฒน์ประกาศออกมาขยายตัว 2.5% นั้น ต่ำกว่าที่สำนักวิจัยต่างๆ คาดการณ์เอาไว้ ส่วนใหญ่จึงเป็นห่วงว่าการขยายตัวตลอดทั้งปีนี้อาจเติบโตได้ต่ำกว่า 3% นั้น ผมมองว่า เศรษฐกิจไทย ในระยะปัจจุบัน กำลังได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อในประเทศ และ ปัญหาการเมืองของไทยเป็นปัจจัยกดดันสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากการบริหารของรัฐบาลประยุทธ์ และจากความกังวล ในศึกเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ ที่กำลังมามีขึ้นในเร็ว นี้ รวมทั้ง แม้ประเทศไทยจะมีการเปิดประเทศแล้ว แต่เศรษฐกิจไทยยังคงมีความเปราะบาง ซึ่งเป็นปัญหาต่อเนื่องจากวิกฤติโรคระบาดโควิด และการไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ จะยิ่งซ้ำเติมปัญหาของประชาชนเพิ่มขึ้นไปอีกครับ



จากวิกฤตปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมาช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาประเทศ หลีกเลี่ยงไม่พ้นที่รัฐบาลประยุทธ์ จะต้องรับผิดชอบ แต่หากรัฐบาลนี้แก้ปัญหาไม่ได้จนพ้นวิสัยจะแก้ปัญหา ก็คงได้เวลาที่ประชาชนคนไทยทุกคน จะร่วมกันหารัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศให้มีประสิทธิภาพดีกว่านี้ ครับ


#ประชาชนประชาชาติ 


วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2565

“ทวี” แนะรัฐแก้ปัญหาชาติพันธุ์ “ลาหู่ เบตง” ต้องได้สิทธิ์ที่ดินทำกิน

กลุ่มชาติพันธุ์คนไทยภูเขาชาวลาหู่ เบตง ยื่นหนังสือเลขาธิการพรรคประชาชาติ ขอที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย และขอสัญชาติ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ย้ำ ทุกคนต้องได้ใช้ชีวิตอย่างเสมอภาค เท่าเทียม ตามที่บัญญัติรองรับไว้ในรัฐธรรมนูญ

ที่คริสตจักรบ่อน้ำร้อน เขต 1 ภาค 18 สภาคริสตจักรในประเทศไทย บ่อน้ำร้อน ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ พร้อมคณะ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของกลุ่มชาติพันธุ์คนไทยภูเขาชาวลาหู่ 

โอกาสนี้ นางเบญจมาศ สิมณีเลิศ แกนนำกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ ได้ยื่นข้อเรียกร้องให้ พ.ต.อ.ทวี เร่งผลักดันช่วยเหลือให้กับกลุ่มชาติพันธุ์คนไทยภูเขาชาวลาหู่ ที่อาศัยอยู่ใน อ.เบตง มากกว่า 300 คน ได้มีที่ดินทำกิน เพราะคนกลุ่มนี้ไม่มีแม้ที่อยู่อาศัยของตนเอง และไม่มีสัญชาติไทย จึงอยากขอให้ได้สัญชาติไทยด้วย 

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายให้ความสำคัญกับพี่น้องชนเผ่าพื้นเมืองลาหู่ วันนี้ได้มาให้กำลังใจ ทางพรรคมีความสนใจที่จะมารับฟังปัญหาของพี่น้องชนเผ่าพื้นเมือง ทั้งสิ่งที่ได้รับความเดือดร้อน และสิ่งที่ต้องการความช่วยเหลือ ทราบว่าส่วนใหญ่มาจากบนดอยใน จ.เชียงราย อยู่ชายแดนที่เป็นรอยต่อระหว่างเมียนมากับลาว แต่มาอยู่ที่นี่ ใต้สุดติดกับประเทศมาเลเซีย จากเหนือสุด จ.เชียงราย มาอยู่ใต้สุด จ.ยะลา

“ในประเทศไทยเรามีกฎหมายสูงสุด เราเรียกว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญ จะให้ความคุ้มครองคนที่เกิดในเมืองไทย ทั้ง บุคคลและชุมชนต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองสงวนและรักษา สำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ คือชนเผ่าพื้นเมือง มีวัฒนธรรม อุดมการณ์ ความเชื่อ และขนบธรรมเนียมประเพณีของตนเอง ฉะนั้นเมื่ออยู่ในประเทศไทยก็จะต้องให้ทุกคนได้อยู่ในประเทศไทยอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน” 

“กฎหมายรัฐธรรมนูญเราคุ้มครองแล้ว แต่ในทางกฎหมายของราชการยังไม่ได้มาคุ้มครอง มีจำนวนมากยังไม่มีบัตรประชาชน จำนวนมากยังไม่ได้สัญชาติ มีจำนวนมากไม่มีที่ดินทำกิน และมีจำนวนมากต้องเร่ร่อน ไร้ที่อยู่อาศัย การได้เจอกันเป็นเรื่องยากมาก กว่าจะได้เจอกัน แต่สิ่งที่เราได้เจอกันเราต้องเป็นพี่น้องกัน เราต้องช่วยเหลือกัน คิดอะไรไม่ออกให้คิดถึง ท่านอับดุลอายี สาแม็ง ส.ส.ยะลา ของพรรคประชาชาติ ที่มีความรับผิดชอบเขตเบตงด้วย” พ.ต.อ.ทวี กล่าว 


ด้าน นางเบญจมาศ แกนนำกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ พ.ต.อ.ทวี ได้เดินทางมาพบ เพราะรอมานานที่จะได้เจอท่านทวี แต่วันนี้เราได้เจอแล้ว ได้ยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือในเรื่องของที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน และขอสัญชาติ เรื่องที่อยู่อาศัยที่เราเดือดร้อนมาก อยากให้ท่านได้ช่วยเหลือพวกเราด้วย