วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หารือ UNODC ส่งเสริมความร่วมมือต้านยาเสพติดในภูมิภาค

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงยุติธรรม แจ้งวัฒนะ ว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้การต้อนรับ นายเบเนดิกต์ ฮอฟมันน์ (Mr. Benedikt Hofmann) รักษาการผู้แทนสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแปซิฟิก (United Nations Office on Drugs and Crime Regional Representative ad interim for Southeast Asia and the Pacific) พร้อมคณะ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและหารือแนวทางความร่วมมือในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภูมิภาค โดยมี นางยศวันต์ บริบูรณ์ธนา รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และนายรวิศ สอดส่อง หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จาก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วม ณ ห้องรับรองกระทรวงยุติธรรม ชั้น 11


ในการประชุมฯ ดังกล่าว ที่ประชุมได้หารือกันในประเด็นสำคัญ อาทิ การควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในไทยและในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ การพัฒนาความสอดคล้องของการบังคับใช้กฎหมายด้านยาเสพติด และมาตรการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในภูมิภาค การควบคุมกัญชาและกระท่อม ซึ่งยังไม่ได้อยู่ในบัญชีควบคุมตามอนุสัญญาระหว่างประเทศของ UNODC ตลอดจนสถานการณ์ผู้ต้องขังในคดียาเสพติดในประเทศไทยที่มีจำนวนมากกว่า 200,000 ราย    

นอกจากนี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เชิญ UNODC ร่วมให้ความเห็นและมีบทบาทในการประชุมวิชาการสารเสพติดนานาชาติ ว่าด้วยยาบ้า เมทแอมเฟตามีน และยาเสพติดสังเคราะห์ (2025 International Conference on Drug Policy: Yaba, Methamphetamine, and Synthetic Drugs) ซึ่ง สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 6 - 8 สิงหาคม 2568 ณ กรุงเทพมหานคร โดย UNODC ยินดีสนับสนุนองค์ความรู้ในการประชุมดังกล่าว โดยเฉพาะข้อท้าทายในการพัฒนาความสอดคล้องของการบังคับใช้กฎหมายด้านยาเสพติด และมาตรการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในภูมิภาค    

ในการนี้ UNODC ได้กล่าวชื่นชมบทบาทของไทยในการควบคุมยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้า ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในระดับภูมิภาค รวมถึงการจัดการปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดขนาดใหญ่ในภูมิภาค ทั้งนี้ UNODC ได้เน้นย้ำว่าคณะอนุกรรมการควบคุมสารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติด ซึ่งได้รับการแต่งตั้ง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายในการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ อันจะส่งผลให้การแก้ปัญหายาเสพติดเกิดประสิทธิผลอย่างยั่งยืน 

นอกจากนี้ UNODC มีกำหนดจัดการประชุมทางเทคนิคระหว่างประเทศว่าด้วยการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ (Regional Technical Meeting on Chemical Control) ณ กรุงเทพมหานคร โดยจะเรียนเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานเปิดการประชุมฯ และร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานการจัดการสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง เพืือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต้นแบบที่ดีของไทยให้กับประเทศต่างๆ ต่อไป












วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ย้ำมุ่งปราบปรามยาเสพติดจริงจัง ด้านผู้นำศาสนาร่วมใจต้านพืชกระท่อมในปัตตานี

(12 กรกฎาคม 2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ดำเนินป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างจริงจัง ขณะเดียวกันผู้นำศาสนาทั้งพุทธและอิสลามในปัตตานีได้ผนึกกำลังกันปฏิเสธการเสพและขายน้ำต้มพืชกระท่อมเนื่องจากมีการนำไปใช้ในทางที่ผิดจนก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม


ก่อนหน้านี้ประชาชนในจังหวัดปัตตานีหลายพื้นที่ได้แสดงออกถึงการต่อต้านการขายน้ำต้มพืชกระท่อมอย่างชัดเจน ด้วยการติดป้ายรณรงค์และเผาพืชกระท่อมเพื่อแสดงจุดยืน ไม่ต้องการให้มีการค้าขายในหมู่บ้าน/ชุมชนต่อไป เนื่องจากร้านค้าบางแห่งลักลอบขายน้ำต้มพืชกระท่อมที่ผสมยาแก้ไอ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "4 คูณ 100" ซึ่งทำให้ผู้ดื่มเกิดอาการมึนเมา ขาดสติ และนำไปสู่ปัญหาสังคมหลายประการ 



การแพร่ระบาดทั้งการเสพและขายน้ำต้มพืชกระท่อม สร้างผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างปกติสุขของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขั้นผู้นำศาสนาได้ออกมาเรียกร้องให้ทั้งหน่วยงานรัฐและผู้นำท้องถิ่นออกมาแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะในศาสนาอิสลามที่ถือว่าเป็น “ฮาลอม” หรือสิ่งต้องห้าม และปรากฏว่าด้วยความร่วมมือระหว่างผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น หน่วยงานรัฐ และประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชนทำให้ที่ใช้หลัก “ฮูกุมปากัต” ส่งผลให้ทั้งผู้เสพและผู้ขายพืชกระท่อมลดลงอย่างเห็นได้ชัดเช่นที่อำเภอมายอ  และเชื่อว่าหากการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวมีความต่อเนื่องและขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ปัญหาพืชกระท่อมในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะบรรเทาเบาบางลงอย่างแน่นอน 

ล่าสุดวันนี้ (12 กรกฎาคม 2568) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางลงพื้นที่วัดควนนอก ต.ควน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหายาเสพติด โดยมีผู้นำศาสนาพุทธ ผู้นำศาสนาอิสลาม และประชาชนในพื้นที่ ต.ควน เข้าร่วมหารือ ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดต้องใช้หลักธรรมทางศาสนาเป็นเครื่องมือในการกล่อมเกลาจิตใจเยาวชนให้ห่างไกลยาเสพติด นอกจากนี้ ภาครัฐ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง จะต้องใช้มาตรการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง เพื่อขจัดการจำหน่ายในพื้นที่ และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ปฏิบัติการ 120 วัน วาระการควบคุมการใช้พืชกระท่อมในทางที่ผิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นวาระที่มุ่งเอาชนะยาเสพติดและทำให้ประชาชนสัมผัสได้ว่าสถานการณ์ยาเสพติดดีขึ้น โดยจะพิจารณาจากความเชื่อมั่นของประชาชนที่เพิ่มขึ้น ที่ผ่านมาประชาชนในหลายพื้นที่ได้ลุกขึ้นต่อสู้กับยาเสพติดโดยได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านอย่างแท้จริง 

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ย้ำว่ารัฐเพียงลำพังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้สำเร็จ ต้องอาศัยพลังจากจิตอาสาของประชาชน ซึ่งชาวบ้านได้ตอบรับเป็นอย่างดี และถือเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่

ในส่วนของการปราบปรามยาเสพติดโดยภาครัฐ โดยเฉพาะพืชกระท่อมนั้น การขายน้ำต้มพืชกระท่อมถือว่าผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. อาหารและยา รวมถึงผิดสถานที่ตั้งขายน้ำต้มพืชกระท่อม จะต้องมีการหารือกับทุกฝ่าย ทั้งจังหวัดและตำรวจ เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เมื่อประชาชนแสดงพลังให้เห็นแล้ว หน่วยงานรัฐก็ยิ่งต้องดำเนินการอย่างเข้มข้น 

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังเน้นย้ำว่า นักค้ายาที่อยู่ในหมู่บ้านไม่ควรอยู่ในหมู่บ้าน แต่ควรอยู่ในเรือนจำ หรือถูกจับกุม เพราะจากการสำรวจพบว่าปัญหาความไม่สงบ ปัญหายาเสพติด และอิทธิพลของนักค้าของเถื่อน จำเป็นต้องได้รับการปราบปรามอย่างจริงจัง และจะไม่มีการประนีประนอมกับคนกลุ่มนี้