วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2566

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เข้ากระทรวงวันแรก ใช้หลักนิติธรรม เร่งแก้ปัญหาประชาชน

"พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" รมว.ยุติธรรม เข้ากระทรวงวันแรก มอบนโยบาย ให้หลักนิติธรรม เร่งแก้ปัญหาประชาชน


วันที่ 14 กันยายน 2566 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงยุติธรรม ศาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ศาลตายาย และพระพุทธยุติธรรมโลกนาถ เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสเข้าปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอย่างเป็นทางการ โดยมี นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นางอรัญญา ทองน้ำตะโก รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พันตำรวจโท ประวุธ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และคณะผู้บริหารส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้การต้อนรับ และร่วมแสดงความยินดีในการดำรงตำแหน่งใหม่ ณ อาคารกระทรวงยุติธรรม


ขณะที่ช่วงบ่าย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมแถลงหลังมอบนโยบายให้หน่วยงานในกระทรวงฯ โดย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า วันนี้มาประชุมหารือร่วมผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงยุติธรรม พร้อมมอบนโยบายตามข้อสั่งการของรัฐบาล คือ รื้อฟื้นและฟื้นฟูหลักนิติธรรม  โดยมีแผนในห้วง 100 วัน จะนำความยุติธรรมให้ประชาชนและต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยตนจะลงกำกับดูแลหน่วยงานต่างๆ เพราะกระทรวงฯ มีเครื่องมือช่วยปกป้องสิทธิเสรีภาพและประชาชน ต้องยึดหลักกฎหมายเป็นใหญ่ในกระบวนการยุติธรรม ส่วนนโยบายเร่งด่วนตามข้อสั่งการของรัฐบาล เช่น ปัญหาหนี้สินครัวเรือน ลูกหนี้ SME อยากให้มีการฟื้นฟูลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน ต้องแก้ปัญหาจากโครงสร้าง ไม่ใช่กู้เงินใหม่มาแก้ปัญหาหนี้เก่า ซึ่งมันจะไม่จบ ขณะที่คนไทยหนี้ครัวเรือนมี 80-90% ของ GDP ถือเป็นเรื่องท้าทาย รวมทั้งอยากให้ผลักดันแก้ปัญหาหนี้ของSME และประชาชนทั่วไปเท่าเทียมกรณีล้มละลายเหมือนบริษัทนิติบุคคล


ทั้งนี้ มอบหมายให้ทุกกรมได้ไประดมความคิด อีกทั้งยังมีแผนการดำเนินงานใน 100 วันแรก เพื่อความยุติธรรมของประชาชน เพื่อที่ในช่วง 3 เดือนแรกจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไร ซึ่งทุกหน่วยงานก็ได้มีการเสนอแนะ และจะต้องลงไปดูอย่างจริงจัง และที่สำคัญกระทรวงยุติธรรมมีเครื่องมือที่จะปกป้องคุ้มครองประชาชน เราจะทำให้ระบบความยุติธรรมอยู่เหนืออิทธิพลให้ได้ กฎหมายบริหารยุติธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้มีการพาผู้นำองค์กรต่างๆมาพูดคุยกัน เพื่อประสานเชื่อมต่อข้อมูลกัน และดูปัญหาเรื่องอาชญากรรมที่มีผลต่อประชาชนเพื่อร่วมกันแก้ปัญหา


อย่างไรก็ตาม แม้กฎหมายดีแค่ไหนแต่ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่มาประชุมร่วมกัน ติดตามความคืบหน้าระหว่างกัน ก็ไม่สามารถติดตามคนร้ายได้ทัน ดังนั้น จึงต้องเร่งสร้างงานกระบวนการยุติธรรม สร้างความเชื่อมั่น อย่างดีเอสไอจะเข้าไปถ่วงดุลและสนับสนุนหน่วยงานในท้องที่ จะไม่ปล่อยให้องค์กรหนึ่งองค์กรใดสร้างความหดหู่ ความไม่เป็นธรรมต่อประชาชน เราจะทำกฎหมายเป็นใหญ่

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า นอกจากนี้ให้ความสำคัญเรื่องการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในกรณีผู้ด้อยโอกาสที่ไร้สัญชาติมีอยู่ปีละเกือบ 1 ล้านคน ที่ยังไม่ได้สัญชาติ จะเป็นปัญหามากสำหรับผู้ที่ต้องเรียนหนังสือ เรื่องที่ผ่านมา DSI และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ช่วยในการตรวจให้พิสูจน์ได้รับสัญชาติได้แค่หลักพันถึงหลักหมื่น คนต่อปีเท่านั้น ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ในรอบ 50 ปี เราได้มีประมวลกฎหมายยาเสพติด เป็นกฎหมายที่ยกระดับการแก้ปัญหายาเสพติดได้มาก ซึ่งถ้าเราแก้ไขตามกฎหมายนี้ได้ทั้งหมด ที่มีทั้งเรื่องการป้องกันและปราบปราม การฟื้นฟู และการติดตามยึดอายัดทรัพย์สิน โดยเฉพาะผู้ค้ายาเสพติดที่อยู่เบื้องหลัง เราจะดำเนินการไปในส่วนของเรื่องการเงินด้วย อย่างไรก็ตาม การฟื้นฟูรักษาผู้ใช้ยาเสพติด ก็ต้องทำให้ได้ที่ว่า ผู้เสพคือผู้ป่วย อีกทั้งในขณะนี้จำนวนผู้เสพยาเสพติดที่อยู่ในการควบคุมของกรมคุมประพฤติมี 200,000 คน แต่ที่อยู่นอกการคุมประพฤติตามข้อมูลพบกว่า1.9ล้านคน ซึ่งจะต้องหาวิธีแก้ปัญหาไม่ให้ยาเสพติดเป็นความเดือดร้อนต่อประชาชนคนอื่นๆ

เมื่อถามว่าจะมีการแก้ปัญหาเรื่องผู้มีอิทธิพลอย่างไรบ้าง ? พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า กลุ่มคนเหล่านี้ต้องการเงิน เป็นการทุจริตคอรัปชั่นประเภทหนึ่ง ซึ่งการจัดซื้อจัดจ้างจะมีกรมบัญชีกลางที่ดูแลตรงนี้ และเราคงจะจับมือกับกรมบัญชีกลางเพื่อให้ดำเนินการจริงจัง อาจจะต้องใช้มาตรการทางภาษีและเรื่องการเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ หากมีความสงสัยว่ามีการฮั้วประมูลหรือไม่นั้น ส่วนใหญ่ราคาที่ประมูลโครงการได้ไปมักจะมีราคาที่ใกล้เคียงกับราคากลาง และเป็นการประมูลที่ได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งหลังจากนี้ปลัดกระทรวงยุติธรรมจะต้องเข้าไปดูเพื่อให้เกิดความชัดเจน เกิดผลอย่างจริงจัง เพื่อคอยสนับสนุนค้ำยันและทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย ทำผิดก็ต้องได้รับผิด ซึ่งจะไม่ทำเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครปฐมแต่จะต้องทำทั้งหมด ตนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลที่ได้มีการจะฟื้นฟูหลักนิติธรรมให้เข้มแข็ง หลักนิติธรรมจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือของข้าราชการภายในกระทรวงยุติธรรมทั้งหมด ให้ธำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรม และประชาชนจะยอมรับคนที่ทำงานความตรงไปตรงมาเอง

“สำหรับการฮั้วประมูลของกำนันนกนั้น ดีเอสไอดำเนินการอยู่แล้ว แต่ปลัดกระทรวงยุติธรรมคงเข้าไปดูแล และจะต้องทำให้สังคมเห็นถึงความตรงไปตรงมา อย่าถือเพียงแค่เป็นการเสียชีวิตของตำรวจ หรือจบที่เรื่องกำนันนก แต่ให้ขยายการตรวจสอบไปทั่วประเทศ จะต้องป้องกัน การคอรัปชั่นจากการฮั้วประมูล ซึ่งถ้าทำได้ งบประมาณของประเทศจะถูกใช้ไปกับประชาชน ซึ่งดีเอสไอจะทำเรื่องนี้ให้ครบ หากภายหลังพบว่าใครอื่นมีพฤติกรรมในลักษณะนี้ก็จะต้องดำเนินการตรวจสอบเช่นเดียวกัน” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น