วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559
“จตุพร” หวังดี แนะ “ประยุทธ์” ลาออก
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่านการจัดรายการผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ วันนี้ (วันที่ 24 สิงหาคม 2559) โดยเสนอความหวังดีให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ลาออกจากนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องเป็นนายกฯรักษาการ และไม่เป็นหัวหน้า คสช. ด้วย แล้วตั้งพรรคการเมือง ประกาศพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีจากเลือกตั้งให้ประชาชนตัดสิน จึงจะเป็นความสง่างามตามวิถีการปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อวานนี้ (23 ส.ค.) ถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่เปิดโอกาสให้คนนอกเป็นนายกรัฐมนตรีว่า นายรัฐมนตรีจะเป็นใครก็ได้ แต่ต้องสง่างาม
นายจตุพร กล่าวว่า ความสง่างามของ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงนั้นคืออะไร และเข้าใจตรงกันหรือไม่ เพราะความสง่างามทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยต้องมาจากประชาชน ไม่ใช่มาจากกระบอกปืน ดังนั้น การแต่งตั้งวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน ให้เป็นฐานกำลังมาออกเสียงเลือกตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก แล้วจะมีความสง่างามอย่างนั้นหรือ
ตนเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีโอกาสมากกว่าคนอื่นในการถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก เพราะในที่ประชุมร่วมของสองสภานั้น การสร้างหลักประกันให้กับนายกรัฐมนตรีคนนอกต้องดึงพรรคการเมืองอะไหล่มาเป็นเครื่องมือสนับสนุนอีก 126 เสียง เมื่อร่วมกับ ส.ว. 250 คน ที่พล.อ.ระยุทธ์ แต่งตั้ง จึงมีเสียงเกินครึ่งของที่ประชุมรัฐสภาทั้งหมด 750 คน แล้ว ดังนั้น พรรคการเมืองที่เข้าร่วมสนับสนุนคนนอกเป็นนายกรัฐมนตรี จึงเป็นพรรคต้องการขอความคุ้มครองจากทหาร เพื่อจะสะดวกต่อการทำหน้าที่ไม่สุจริตต่อไป
“ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ เชื่อว่า การบริหารประเทศในเวลาที่เหลืออีกปีครึ่งสามารถทำสร้างเชื่อมั่นให้ประชาชนได้ ควรตั้งพรรคการเมืองของตัวเอง แล้วลงเลือกตั้งให้ประชาชนตัดสินใจ เมื่อพิจารณาคะแนนนิยมจากผลโพลมาชี้วัดแล้ว ท่านจะมีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างสง่างามได้อีก แต่ต้องการเพียงเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอก โดยอาศัยเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว คงหลีกเลี่ยงการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ยาก รวมทั้งจะทำให้การบริหารประเทศมีความล่าช้า เมื่อไม่มีอำนาจตาม มาตรา 44 มาช่วย การผ่านกฎหมายจะยิ่งลำบาก เพราะต้องให้ ส.ส. เห็นชอบ ถึงที่สุดแล้วนายกรัฐมนตรีจะมาจากเลือกตั้งหรือคนนอกก็ตาม ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ย่อมบริหารงานลำบากอยู่ดี”
นายจตุพร ย้ำว่า ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ลงเลือกตั้ง แต่แต่งตั้ง ส.ว. 250 คน มาเป็นเครื่องมือหนุนช่วยให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกจึงไม่ใช่ความสง่างามทางการเมืองอันแท้จริง และยิ่งอาศัยเสียงข้างน้อยในสภาบริหารประเทศ ย่อมเกิดความล้มเหลวตั้งแต่ต้นแล้ว
ตนเชื่อว่า การเลือกตั้งในอนาคต ประชาชนจะเลือกพรรคการเมืองไปถ่วงดุลอำนาจของ คสช. ที่มีพรรค ส.ว. เป็นเครื่องมือสนับสนุน แล้วล็อกเสียง ส.ส. อีก 126 คน เพื่อสกัดการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองไม่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมร่วมของสองสภา จากนั้น ส.ว.จึงเสนอชื่อคนนอกเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่า คงเป็น ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ดี เพราะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ประกาศไม่เป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกแล้ว ดังนั้น จึงอย่าได้สนใจว่า ใครจะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี เพราะสุดท้ายแล้วนายกรัฐมนตรีไม่สามารถบริหารประเทศภายใต้กติกาของรัฐธรรมนูญนี้ได้
นายจตุพร กล่าวว่า จากนี้ไป เหตุการณ์บ้านเมืองในเวลาปีครึ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศมาร่วม 4 ปี ประชาชนรู้ดีว่า ผลงานประสบผลสำเร็จหรือไม่ แต่การบ่นต้องสั่งงานตั้งแต่สากกะเบือ ยันเรือรบ แสดงถึงประสิทธิภาพการทำงานได้ชัดเจน แล้วถ้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีคนนอกด้วยเสียงข้างน้อยสนับสนุน อีกทั้งไม่มีอำนาจตามมาตรา 44 มาสั่งการแล้ว ย่อมสะท้อนว่า ไปไม่รอดตั้งแต่เริ่มต้น
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น