วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

"ดร.ปิติพงศ์" เร่งรัฐแก้ปัญหา ผลกระทบล็อกดาวน์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.ปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม เผยแพร่ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

ผมเป็นห่วงผลกระทบที่ตามมาจากการล็อกดาวน์

.

ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ที่ 2 นับจาก 120 วันที่รัฐบาลจะประกาศเปิดประเทศ ขณะนี้ จำนวนยอดผู้ติดเชื้อโควิด 19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ 14 วัน 

สถานการณ์วันนี้เป็นสถานการณ์ที่รัฐบาลจะต้องพึงตระหนัก ข้อเสนอนี้ ไม่ใช่มีเจตนาในการไล่ นายกฯประยุทธ์ เพราะวันนี้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ใช่เรื่องการไล่ นายกฯประยุทธ์ หรือไล่รัฐบาล แต่ปัญหาเฉพาะหน้าในปัจจุบันนี้ คือการที่ต้องทำทุกวิถีทางให้รัฐบาลที่มีอยู่ในปัจจุบันใช้ศักยภาพตัวเองให้เต็มที่ในการที่จะมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นมากกว่าการไล่รัฐบาลออกไป 

ณ วันนี้ รัฐบาลจะต้องพึงตระหนักให้ถึงว่าการบริหารประเทศในช่วงนี้จะต้องเป็นการบริหารจัดการภาวะวิกฤต (Crisis management) ไม่ใช่บริหารตามนัยยะปกติ รัฐบาลต้องหาคนที่มีความรู้ทางด้านการจัดการภาวะวิกฤตเข้ามาชี้แนะในการแก้ไขปัญหา ตัวข้อมูลฐานข้อมูลทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะต้องถูกมาวิเคราะห์เพื่อจะหาเหตุของวิกฤตให้ได้ เพื่อได้นำหาหนทางแก้ไข

การกระทำที่เกิดขึ้นต่อไปในอนาคตหลังจากที่รัฐบาลล็อกดาวน์ สิ่งที่รัฐบาลจะต้องเตรียม คือ 1. ต้อง Maximum Profit ในการ กระทำทุกการกระทำ 2. ต้องเกิด Efficiency และ 3. ต้องเกิด Effective ถ้ารัฐบาลไม่นำ 3 คำนี้มาใช้ในการบริหาร การปิดประเทศ หรือการล็อกดาวน์จะไม่มีประโยชน์

วันนี้ ต้องคิดว่าปัญหานี้ไม่ใช่เป็นปัญหาของรัฐบาลอย่างเดียวแล้ว แต่เป็นปัญหาของสังคมไทยทั้งระบบ เพียงแต่รัฐบาลเป็นคนถือธงนำในการแก้ไขปัญหา สังคมไทยจะต้องไม่คิดว่าเป็นปัญหาเฉพาะของรัฐบาลและรอให้รัฐบาลแก้ไข ต้องเป็นเรื่องของความทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา เพราะทุกคนได้รับผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้ทั้งสิ้น แล้วเชื่อมั่นว่าวิกฤติครั้งนี้จะหนักขึ้นเรื่อย ๆ

ถ้าสังคมยังเกิดการแบ่งแยก และที่สำคัญคือการรัฐบาลไม่มีความเป็นมืออาชีพในการบริหารประเทศ ไม่มีความรู้ในเรื่องการแก้ไขปัญหาในเชิงวิกฤตหรืออะไรต่างๆทั้งหมด นั่นย่อมทำให้เป็นวิกฤตที่สำคัญซ้อนวิกฤตจนอาจกลายเป็นไฟลามทุ่ง เพราะฉะนั้นแนวทางที่ถูกต้องทั้งหมดอย่าให้ผลักภาระอันนี้ให้รัฐบาลอย่างเดียว

ผมเสนอแนะว่าคนที่มีศักยภาพในสังคม หากรัฐบาลรู้ หากรัฐบาลเข้าใจ รัฐบาลต้องเปิดโอกาสให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือรัฐบาลในการแก้วิกฤติปัญหาครั้งนี้ ไม่ใช่ปิดความช่วยเหลือและคิดว่าตัวเองทำได้แต่เพียงคนเดียว ศบค.ต้องเปิดโอกาสให้คนที่มีศักยภาพในสังคม เข้ามามีส่วนในการช่วยแก้ไขปัญหา อย่าคิดว่า ศบค.คนเดียวเป็นซุปเปอร์แมนแก้ปัญหานี้ได้ เพราะปัญหานี้มันเกินกำลังของรัฐบาลไปแล้ว เกินกำลังของ ศบค.ไปแล้ว เช่น รัฐบาลควรจะกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นแต่ละท้องถิ่นมีอำนาจในการจัดการบริหารแก้ไขวิกฤตของพื้นที่นั้นเอง 

2. ผู้มีศักยภาพ เช่น นักธุรกิจนักลงทุน 20 เศรษฐีหรืออะไรต่างๆ คนที่มีศักยภาพทั้งหลาย ถ้ารัฐบาลบอกรัฐบาลไม่มีสตางค์ไม่มีทุนไม่มีอะไรสักอย่าง รัฐบาลต้องช่วยขอความร่วมมือคนเหล่านั้นให้เขามาช่วยเหลือสังคม เพราะมันเป็นเรื่องของสังคมทั้งสังคมที่กระทบกันหมด 

การที่นายกฯปิดตัวเอง การที่ ครม.หนีหาย โดยการอ้างว่าติดโควิดแล้วปิดตัวเองไม่รับผิดชอบเลยเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องอย่างมาก เพราะความรับผิดชอบมันไม่หาย ความรับผิดชอบของนายกฯยังอยู่ ต่อให้นายกฯบอกว่านายกฯจะไม่อยู่ แต่ความรับผิดชอบนายกฯต้องทำเพราะรัฐบาลมีหน้าที่อยู่ ถ้ารัฐบาลไม่คิดจะทำหน้าที่นี้ รัฐบาลต้องหาและตั้งคนอื่นเข้ามาทำแทน ไม่ใช่บอกว่าเพราะติดโควิดเลยไม่อยู่ เลยไม่ทำอะไร ผมต้องการเสนอให้คนทุกคนในสังคมต้องช่วยกันช่วยแก้ปัญหานี้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น