วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2566

"ทวี" เตือนประยุทธ์ รับผิดชอบรถไฟฟ้าสายสีส้ม ทำรัฐเสียหายกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ เผยแพร่ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้ 

นายกรัฐมนตรี “ต้องรับผิดชอบรถไฟฟ้าสายสีส้ม ทำให้รัฐจ่ายแพงมากกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท”

.
ตามที่นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ (28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566) ที่ทำเนียบรัฐบาล กรณีเรื่องร้องเรียนรถไฟฟ้าสายสีส้มนั้น กล่าวว่า อำนาจนายกรัฐมนตรีไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการดำเนินการแต่ขั้นตอนการดำเนินการมีคณะกรรมการซึ่งมีอำนาจสิทธิ์ขาดของเขาอยู่ข้างล่างกระทรวงก็รับผิดชอบในระดับกระทรวงเป็นลำดับสายบังคับบัญชา

.
ท่านนายกรัฐมนตรีอาจจะหลงลืมไปว่าท่านยังมีอีกสถานะหนึ่งในฐานะเป็นประธานกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 13 พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 มีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 20 เรียกให้หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่ดำเนินโครงการเข้าร่วมลงทุนเข้าชี้แจงให้ความเห็นหรือจัดส่งข้อมูลหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับโครงการร่วมลงทุน เพื่อวินิจฉัยกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ มีอำนาจในการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติหน้าที่ด้วย ดังนั้นเมื่อท่านก็ทราบมาตลอดอยู่แล้ว ก็เชื่อว่า น่าจะทราบด้วยว่า

1. การกำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติผู้ยื่นข้อเสนอ ตามประกาศเชิญชวนปี พ.ศ.2565 มิได้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ที่กำหนดให้ประมูลในรูปแบบ International Competitive Bidding ให้ผลตอบแทนเหมาะสมเป็นธรรม และมีผู้เข้าแข่งขันได้มากราย

2. คณะกรรมการคัดเลือก จงใจละเว้นไม่ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ บริษัทอิตาเลียนไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ที่ผู้บริหารมีคำพิพากษาถึงที่สุด โทษจำคุก เป็นคุณสมบัติต้องห้าม ประกาศให้ผ่านเป็นผู้มีคุณสมบัติ เพื่อเป็นคู่เทียบแข่งขันราคา เพราะอย่างไรถ้าบริษัทนี้ชนะประมูลก็ต้องถูกยกเลิก เป็นการล็อคให้บริษัทเดียวชัดเจน

3. ราคาที่ผู้ชนะการคัดเลือกในปี พ.ศ. 2565 แตกต่างจากผู้ยื่นข้อเสนอในปี พ.ศ. 2563 มากกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท ทั้งที่เนื้องานเท่ากัน ชิ้นงานเดียวกัน รัฐต้องจ่ายแพงไม่ได้ประโยชน์การดำเนินการดังกล่าวจึงไม่ได้เป็นไปตาม พระราชบัญญัติ การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 มาตรา 6 คือ ไม่โปร่งใส ไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ และรัฐจะไม่ได้ประโยชน์สูงสุด ตามข้อกำหนดในมาตรา 40 ซึ่งเอกชนได้ฟ้องคดีไว้ต่อศาลปกครองกลาง คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง
.
กระผมและคณะร่วมกันยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ไต่สวนดำเนินคดี กับนายกรัฐมนตรีกับคณะ ไม่มีความสุจริตพฤติกรรมส่อไปทางทุจริตมีมูลน่าเชื่อว่ามีการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 , พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 และพระราชบัญญัติความผิดว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 - 13 โดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีหน้าที่กำกับการปฏิบัติราชการตามพระราชบัญญัติ ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 11 และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการ ร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน มีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมดูแลโครงการร่วมทุนดังกล่าว ให้เป็นไปโดยสุจริตถูกต้องตามกฎหมายรักษาประโยชน์ของชาติอย่างเที่ยงธรรม และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมใน ฐานะรัฐมนตรีของหน่วยงานในสังกัดที่มีอำนาจหน้าที่กำกับกิจการของ รฟม. ตามพระราชบัญญัติการ รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 มาตรา 72 และเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ตาม พระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ส่วน รฟม. และ คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562
.
การที่รัฐมนตรีคมนาคมอ้างมาโดยตลอดว่า ต้องรอฟังคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เจตนาไม่สุจริตเพราะ อ้างคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดเป็นคดีพ.ศ. 2563 “คนละคดีคนละประเด็น” กับการประมูลครั้งที่สอง ตามประกาศเชิญชวนปี พ.ศ. 2565 ที่จะนำเข้า ครม. ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง หากผลการตัดสินออกมาจะต้องมีอุทธรณ์อีก และกว่าศาลปกครองสูงสุดจะตัดสินต้องใช้เวลานานน้อยกว่า 3 ปี การอ้างเอา ‘คนละคดีคนละประเด็นกัน’ เสมือน “ฟอกดำให้เป็นดำ” ทั้งที่อายุ ครม. เหลือเวลาไม่ถึง 1 เดือน ตามธรรมเนียมประเพณีจะไม่การอนุมัติโครงการที่มีผลกับงบประมาณในอนาคต รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินช่วง 2 สัปดาห์สิ้นสุดอายุ พฤติกรรมบริหารราชการเป็นแบบ “เทศกาลเทกระจาด” มีความไม่สุจริต ส่อไปทางทุจริต ไม่โปร่งใส ไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ และไม่ได้ประโยชน์สูงสุดซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้น หากรัฐมนตรีคมนาคม เสนอ เรื่องเข้า ครม. และนายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้นำเรื่องเข้าแล้ว เมื่อมติ ครม อนุมัติหรือเห็นชอบ “ต้องร่วมกันรับผิดชอบที่ให้รัฐจ่ายค่ารถไฟฟ้าสายสีส้มแพงมากกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น