วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2561

ต้องอ่าน! "วีระ" โชว์จดหมายผ่าปมร้อนคดีกรุงไทย-แนะอย่าเลือกปฏิบัติ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน(คปต.) ได้เผยแพร่เนื้อหาของจดหมายที่ถูกส่งมาถึง โดยระบุว่า "อ่านหนังสือร้องเรียนของเจ้าหน้าที่ DSI ที่ส่งให้ผมช่วยเปิดเผยต่อสาธารณะ อ่านจบจะเข้าใจว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นใน DSI และจะเข้าใจภาพจริงที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม" ทั้งนี้ จดหมายดังกล่าว เขียนโดย ถูกส่งมาจากกลุ่มข้าราชการผู้ปฏิบัติงานอย่างเป็นธรรม โดยมีเนื้อหาดังนี้


วันที่ 18 เมษายน 2561

เอกสารแนบ แผนผังเส้นทางการเงินและธุรกรรมของเงินที่ได้จากการปล่อยสินเชื่อธนาคารกรุงไทย

เรียน คุณวีระ สมความคิด

ข้าพเจ้าเป็นเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในสายงานกระบวนการยุติธรรม มีหน้าที่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินคดีฟอกเงินต่อผู้เกี่ยวข้องในคดีปล่อยกู้ของผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ข้าพเจ้าจึงทราบถึงรายละเอียด ข้อเท็จจริงและหลักฐาน รวมถึงคำให้การของพยานต่างๆในคดีนี้ ตลอดจนได้รับทราบและได้รับแรงกดดันจากข้าราชการระดับสูงที่พยายามสั่งการให้ผู้รับผิดชอบคดีดำเนินการหรือปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามความเห็นส่วนตนของข้าราชการระดับสูงดังกล่าว โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตลอดมา

จากการที่คุณวีระ สมความคิด ได้ติดตามการดำเนินคดีฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตปล่อยสินเชื่อธนาคารกรุงไทย และได้เรียกร้องความเป็นธรรมในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตลอดจนการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้มาอย่างต่อเนื่อง ข้าพเจ้าจึงขอชื่นชมการทำหน้าที่ท่าน ที่ได้ทำไปโดยไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตนหรือเข้าข้างคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่มุ่งรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวมโดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลหรืออำนาจรัฐเผด็จการใดๆมาโดยตลอด

เพื่อให้การพิจารณาคดีนี้ เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม อำนวยความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และเพื่อป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ซึ่งรับผิดชอบในคดีจะต้องปฏิบัติหน้าที่หรือดำเนินการในสิ่งที่ขัดต่อหลักการของกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติจากบุคคลทุกกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากคดีนี้ ข้าพเจ้าเห็นความจำเป็นที่ท่านควรได้รับข้อมูลและข้อเท็จจริงที่มีความสำคัญต่อคดี ซึ่งข้อมูลและข้อเท็จจริงสำคัญเหล่านี้จะสูญเปล่า หากไม่นำมาเปิดเผยต่อประชาชน ข้าพเจ้าจึงขอส่งข้อมูลและข้อเท็จจริงตามเอกสารแนบท้ายจดหมายฉบับนี้ ซึ่งอาจเป็นหลักฐานสำคัญของคดี เพื่อให้ท่านได้พิจารณาดำเนินการเรียกร้องให้นำหลักฐานข้อเท็จจริงเหล่านี้เข้าสู่กระบวนแห่งคดี เพื่อให้กระบวนการยุติธรรม จักได้ดำเนินไปอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ ข้าพเจ้ามีความเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในคดีนี้ ดังต่อไปนี้

1. ความเห็นต่อการพิจารณาคดีนี้ ในความรู้สึกของข้าราชการที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในคดี ข้าฯขอเรียนว่าทุกคน ต่างปฏิบัติงานด้วยความอึดอัด กดดัน และไม่สบายใจ เนื่องจากในข้อเท็จจริงคดีนี้ ปรากฏว่ามีธุรกรรมการโอนเงินหรือสั่งจ่ายเงิน จากบัญชีเงินฝากของนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ซึ่งได้รับมาจากบริษัทในเครือกฤษดามหานคร ที่ได้รับเงินกู้จากธนาคารกรุงไทย ไปยังผู้รับโอนจำนวนมาก นับเป็นหลายร้อยธุรกรรม คิดเป็นวงเงินจำนวนหลายพันล้านบาท แต่การดำเนินการกลับมีการเร่งรัด โดยการแยกดำเนินคดีพิเศษเฉพาะกลุ่มบุคคลเพียงไม่กี่คน คิดเป็นมูลค่าทางคดีน้อยมาก เมื่อเทียบกับมูลค่าธุรกรรมการโอนเงินเกิดขึ้นจริงหลายพันล้านบาท (ดังมีหมายเลขบัญชี รายชื่อบุคคลและนิติบุคคล เส้นทางการทำธุรกรรม ตามเอกสารแนบ)

2. โดยหลักปฏิบัติ ในการสืบสวนเส้นทางการเงินในคดีฟอกเงิน พนักงานเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบจะต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินและวิเคราะห์ธุรกรรมทั้งหมด (กรณีนี้คือ ตรวจสอบและวิเคราะห์ธุรกรรมทั้งหมดที่นายวิชัยและพวก ได้โอนเงินหรือสั่งจ่ายเงินอันเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับเงินที่ได้รับมาจากการปล่อยสินเชื่อกรุงไทยฯ ทุกธุรกรรม) และจะต้องตรวจสอบที่มาของการทำธุรกรรมแต่ละรายการจนครบถ้วน มิใช่คัดเลือกเฉพาะรายการธุรกรรมของบุคคลบางรายหรือบางกลุ่ม แล้วเลือกระบุว่า ธุรกรรมดังกล่าวเป็นธุรกรรมที่มีความผิดปกติ ดังที่สำนักงาน ปปง. ใช้เป็นข้อกล่าวอ้างในการร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีพิเศษที่ 25/2560 และแม้ในชั้นการสอบสวนในคดีพิเศษ การที่คณะพนักงานสอบสวนฯ จะมีความเห็นอันเกิดจากการสอบสวนพยานหลักฐานทั้งหมดตามดุลยพินิจของตนเอง แต่ก็ต้องคำนึงว่าหากปรากฎหลักฐานว่ามีการทำธุรกรรมในเส้นทางการเงินเดียวกันในการโอนทอดเดียวกัน คณะพนักงานสอบสวนย่อมมีหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าวทุกธุรกรรมให้ครบถ้วน มิใช่เลือกพิจารณาหรือใช้ดุลยพินิจเฉพาะรายที่ต้องการจะเอาผิดเท่านั้น

3. คดีฟอกเงินจากความผิดเกี่ยวกับการทุจริตกรณีปล่อยสินเชื่อของธนาคารกรุงไทยนี้ ถือเป็นคดีอาญาแผ่นดินซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายร่วมหมื่นล้านต่อรัฐ โดยหลักการกรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ทันทีที่พบว่ามีการกระทำความผิด ดังเช่นคดีพิเศษที่ 36/2550 ซึ่งเป็นคดีหลักในการพิจารณาการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหลีกเลี่ยงการร้องทุกข์กล่าวโทษและอ้างว่า สำนักงาน ปปง. เป็นฝ่ายร้องทุกข์มาเอง ทั้งที่เคยปรากฏในรายงานการประชุมเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาในคดีพิเศษที่ 25/2560 ว่าคณะพนักงานสอบสวนหลายท่านยืนยันไม่แจ้งข้อกล่าวหาต่อนายพานทองแท้และพวก ประกอบกับ สำนักงาน ปปง. อ้างว่า พบว่า ธุรกรรมที่นายวิชัยโอนเงินหรือสั่งจ่ายเงินให้นายพานทองแท้และพวก มีความผิดปกติทั้งที่สำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมทั้งหมดมาตั้งแต่ในชั้น คสช. มีคำสั่ง เป็นข้อยืนยันที่ข้าพเจ้าได้เรียนแก่ท่านว่า ข้าราชการระดับสูงของหน่วยงานได้สั่งการและกดดันให้พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามความเห็นอันเป็นอคติของตน ทำให้เกิดเป็นคดีพิเศษที่ 25/2560 ซึ่งสำนักงาน ปปง. เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษในที่สุด โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ประสานให้ ปปง. มาร้องทุกข์กล่าวโทษเฉพาะกลุ่มบุคคล ที่มีเป้าหมายว่าจะดำเนินคดี โดยแยกคดีออกมาพิจารณาใหม่ โดยประเมินได้ว่าคดีนี้ มีความพยายามจะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดี กับคนเพียงกลุ่มเดียว และปล่อยให้ผู้เกี่ยวข้องที่รับโอนเงินจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อีกกว่าร้อยราย หมดอายุความไป ซึ่งหากกระบวนการนี้ได้ดำเนินไปอย่างถูกต้อง กลุ่มผู้รับเงินจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ กับพวกทั้งหมดย่อมต้องได้รับการสอบสวนและดำเนินคดีดังเช่น นายพานทองแท้และพวก

4. หากข้าพเจ้า และคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในการสอบสวนเส้นทางการเงินและสอบสวนข้อเท็จจริงในคดีนี้ ปล่อยให้มีการกระทำสองมาตรฐานเช่นนี้ต่อไป หากมีการตรวจสอบในภายหลัง และพบว่าการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินคดีฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับเงินที่ได้จากการปล่อยกู้โดยทุจริตของธนาคารกรุงไทยนี้ เจ้าหน้าที่ได้พิจารณาโดยมิได้ใช้มาตรฐานเดียวกันอย่างเป็นธรรม หรือเลือกปฏิบัติเฉพาะกับกลุ่มบุคคลหนึ่ง ประกอบกับคดีมีมูลค่าความเสียหายหลายพันล้านบาท แต่เจ้าหน้าที่กลับมาเพ่งเล็งตรวจสอบแค่เพียงเส้นทางการเงินเฉพาะธุรกรรมบางรายซึ่งมีมูลค่าน้อยมากเมื่อเทียบกับความเสียหายต่อรัฐ นอกจากหน่วยงานจะเสื่อมเสียความน่าเชื่อถือจากประชาชนแล้ว ผู้ที่ไม่อาจพ้นผิดและจะต้องถูกดำเนินคดีฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบย่อมได้แก่พวกข้าพเจ้า ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานในการดำเนินคดีนี้ตลอดทั้งสาย

5. ในการทำหน้าที่ตรวจสอบ สืบสวนและสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับเงินที่ได้รับมาจากการปล่อยสินเชื่อโดยทุจริตของธนาคารกรุงไทยที่ผ่านมา ได้มีข้าราชการระดับสูงของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งรับผิดชอบคดีนี้ถูกโอนย้ายไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรีโดยไม่เป็นธรรม อันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่อย่างสุจริตและเป็นกลาง ซึ่งข้าราชการดังกล่าวได้ทำเรื่องร้องเรียนไปยังประธานคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ว่า ตนถูกเรียกไปสั่งการให้ควบคุมให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่รับผิดชอบดำเนินคดี มีความเห็นทางคดีควรสั่งฟ้อง นายพานทองแท้และพวกเป็นการเฉพาะซึ่งขัดต่อหลักการใน(การ)ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมโดยสิ้นเชิง ซึ่งหากปัจจุบัน ยังมีการกดดันหรือสั่งการ จากผู้บริหารระดับสูงขององค์กรบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวในลักษณะเดิมอยู่ เจ้าหน้าที่ฯ ทุกคนย่อมอึดอัดใจในการปฏิบัติหน้าที่ และเรื่องร้องเรียนดังกล่าวก็ยังไม่มีการตรวจสอบจนเป็นที่ยุติว่า การโยกย้ายดังกล่าวไม่เป็นธรรม และมีการสั่งการโดยมิชอบตามที่ร้องเรียนหรือไม่ ซึ่งผลจากการพิจารณาอาจกระทบถึงการดำเนินการของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 25/2560 ชุดปัจจุบันได้

6. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 25/2560 กำลังถูกเร่งรัดให้ลงมติหรือให้ความเห็นทางคดีประกอบสำนวนคดีพิเศษที่ 25/2560 ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนดังกล่าว ยังคงปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกดดันและไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยทราบตามข้อเท็จจริงอยู่แล้วว่าการดำเนินคดีในคดีพิเศษที่ 25/2560 นี้ไม่ชอบธรรมและเลือกปฏิบัติ แต่หากไม่ลงมติเห็นควรสั่งฟ้องหรือหากไม่ให้ความเห็นทางคดีว่าควรสั่งฟ้อง ก็ย่อมเกรงจะถูกย้ายหรือขาดความก้าวหน้าในหน้าที่การงานดังที่เกิดขึ้นกับข้าราชการระดับสูงที่ได้กล่าวมาในข้อ 5 แต่หากจะให้ความเห็นทางคดีตามคำสั่งหรือความต้องการของข้าราชการระดับสูงของหน่วยงาน ก็ย่อมจะมีความกังวลว่า จะถูกดำเนินคดีฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในภายหน้าต่อไป ซึ่งทำให้คณะพนักงานสอบสวนเกิดความกังวลในการปฏิบัติหน้าที่อย่างมาก

นอกจากนี้ ข้าพเจ้ายังทราบมาว่าอาจมีการสั่งการให้ปิดสำนวนคดีโดยเร็ว โดยให้หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หรือ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้ชี้ขาดแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่มีการลงมติให้ความเห็นทางคดีจากคณะพนักงานสอบสวนแต่ละราย ซึ่งหากกระทำเช่นนี้ ก็จะชัดเจนว่าคดีนี้ไม่มีความชอบธรรมและไม่มีความยุติธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และทำให้กระบวนการยุติธรรมล้มเหลว เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยต่อสาธารณชน มิได้ผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรมดังที่ควรจะเป็น

ข้าพเจ้าในฐานะตัวแทนของข้าราชการในกระบวนการยุติธรรมที่ปฏิบัติหน้าที่ในคดีนี้ด้วยความเป็น กลาง และปรารถนาจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เพื่อให้คดีอันเป็นที่สนใจของประชาชนนี้ ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ยังคงความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย และรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติจนถึงที่สุด จึงขอส่งข้อมูลแผนผังเส้นทางการเงินในคดีนี้ ซึ่งนายวิชัยและพวกได้ทำธุรกรรมการโอนเงินหรือสั่งจ่ายเงินไปยังบุคคลและนิติบุคคลจำนวนมาก โดยข้อมูลนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดทำมาจากผลการตรวจสอบธุรกรรมของเงินกู้ทั้งหมดในคดีนี้ ตั้งแต่บริษัทในเครือกฤษดามหานครได้รับจากธนาคารกรุงไทย เป็นต้นมา

ข้าพเจ้าขอให้ท่านมุ่งมั่นที่จะต่อสู้แทนประชาชนและผู้เสียหาย (ประเทศชาติ) และทำหน้าที่เรียกร้องให้หัวหน้าหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมเอาผิดต่อทุกธุรกรรมที่กระทำโดยบุคคล และนิติบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีอย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่คำนึงถึงสถานะของตัวบุคคล โดยไม่มีการเลือก ปฏิบัติ และติดตามทวงคืนผลประโยชน์ของแผ่นดิน ที่อาจตกหล่นเสียหายจากคดีปล่อยสินเชื่อโดยทุจริตของผู้บริหารธนาคารกรุงไทยนี้ ก่อนที่คดีของผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากธุรกรรมการฟอกเงินหลายร้อยรายจะหมดอายุความในเร็ววันนี้

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและดำเนินการ

กลุ่มข้าราชการผู้ปฏิบัติงานอย่างเป็นธรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น