วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

“ทวี” อัดรัฐต่อสัญญาBEM-เขากระโดง ไม่ไว้วางใจ “นายกฯ-ศักดิ์สยาม”

(15 กุมภาพันธ์ 2566) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อาคารรัฐสภาว่า บรรยากาศการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี​ โดยไม่มีการลงมติ​ ตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย​ พุทธศักราช 2560​ โดย พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ระหว่างวันที่​ 15-16 กุมภาพันธ์​ 2566 เป็นไปอย่างเข้มข้น
.
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส. บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ อภิปรายในญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า การที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแก้ไขสัญญาโครงการทางด่วนขั้นที่ 2A โดยให้ขยายอายุสัญญาสัมปทานออกไปอีก 15 ปี 8 เดือน ให้กับ บริษัท ทางด่วน และ รถไฟฟ้า กรุงเทพ จำกัด หรือ BEM เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 63 ถือเป็นการปล้นสาธารณสมบัติแผ่นดิน รีดเอาทรัพย์กับประชาชน แทนที่จะได้จ่ายค่าทางด่วนถูกลง เพราะถ้าครบสัญญาจะต้องเปิดเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน แต่กลายเป็นอีกไม่กี่ปี ค่าทางด่วนจะถูกปรับเพิ่มขึ้นอีก ทำให้เอกชนกลายเป็นเสือนอนกิน ทั้งที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำตัดสินออกมาแล้ว นายกฯ และ ครม. ได้ดำเนินการอย่างไร และศาลฯก็เห็นด้วยที่ค่าทางด่วนต้องต่ำลง เงินก้อนนี้แทนที่รัฐบาลจะได้ใช้ แค่กลับไปเป็นของคนภายนอกที่เป็นพวกพ้อง
.
ส่วนปัญหาที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน ทางพรรคประชาชาติ ได้เสนอแก้ไขร่าง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในพื้นที่แต่เดิมมาก่อนการประกาศเป็นเขตอุทยานฯ เพื่อให้มีกรรมสิทธิ์อยู่ต่อไปได้ โดยเป็นกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับการเงิน เพราะหากรัฐรังแกประชาชนก็ต้องมีการเยียวยา แต่สุดท้ายรัฐบาลไม่รับกฎหมายนี้ นอกจากนี้ยังพูดถึงที่ดินในความดูแลของการรถไฟฯ ด้วย
.
ในระหว่างนี้ นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ได้ลุกขึ้นประท้วง ขอให้ประธานฯควบคุมการประชุม ขณะที่นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้วินิจฉัยว่า ไม่ผิดข้อบังคับ สามารถพูดต่อได้
.
จากนั้น นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงประธาน โดยขอให้ควบคุมการประชุมอย่างเข้มข้น สุดท้าย นายศุภชัย ก็ยังย้ำว่า ผู้อภิปรายยังไม่ผิดข้อบังคับขอให้สมาชิกเข้าใจด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น