วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

“พานทองแท้” แนะจับตา แกนนำ กปปส. เรียงหน้าวิ่งลงเลือกตั้ง เหลือเฝ้ามูลนิธิฯยามแพ้


#TV24 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ Facebook : Oak Panthongtae Shinawatra โดยมีเนื้อหาดังนี้

ที่ยืนเรียงหน้ากันอยู่นี่ มีใครกล้าพูดมั๊ยครับว่า น่าจะมีสักคน ที่ไม่ใช่นักการเมือง..??

บอกเลย นักการเมืองล้วนๆ 100% ครับ แต่ที่ปัจจุบันเรียกตัวเองว่านักการเมืองไม่ถนัดปาก เป็นเพราะว่าเมื่อเล่นกันตามเกม สู้กันตามระบอบประชาธิปไตย กลับต้องพ่ายแพ้เลือกตั้งทุกครั้ง เป็นอย่างนี้ติดต่อกันมาร่วม 20 ปี มันก็ต้องใช้วิธีตุกติกนอกกติกา เพื่อให้ได้กลับมาเป็นรัฐบาลกันบ้าง

ไม่ต้องย้อนยุคไปถึงตอนใช้ "วิชามาร" ส่งคนไปตะโกนในโรงหนัง เพื่อหวังจัดตั้งรัฐบาลหรอกครับ เอาแค่ 20 ปีที่ผ่านมา เขาทำกันอย่างไร พรรคฯที่แพ้เลือกตั้ง จึงจะได้เป็นรัฐบาลกับเขาบ้าง

ครั้งแรก ใช้" วิชาหมองู" จับงูเห่าพลิกมาอยู่ข้างตัวเอง จึงได้เป็นรัฐบาล

ครั้งที่ 2 ใช้ "วิชาทหารราบ" จัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร จึงได้เป็นรัฐบาล

มาครั้งล่าสุด ใช้ "วิชานกหวีด" หวังปฏิรูปประเทศด้วยการ เตะหมูเข้าปากทหาร แล้วคิดว่าจะเอื้อต่อพรรคพวกตนในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ปัจจุบันกลับส่งผลกระทบรุนแรงต่อ ภาวะเศรษฐกิจ ต้องซบเซาย่ำแย่กันไปหมด ทั้งในระดับเจ้าสัว ปานกลาง และรากหญ้า เดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า บวกกับการไม่ยอมรับ จากเกือบทุกประเทศทั่วโลก เศรษฐกิจจึงจมดิ่งในทุกระดับ

"เรามาถึงจุดๆนี้ กันได้อย่างไร" 

เริ่มจากนักการเมืองกลุ่มนี้หรือไม่? ที่แปลงกายเป็นชาวบ้าน ด้วยการลาออกจากนักการเมือง แล้วสถาปนาตัวเอง เป็นมวลมหาประชาชน ปลุกม็อบปั่นป่วนบ้านเมือง เขี่ยลูกใส่พาน วิงวอนขอรถถังออกมาวิ่ง จนกระทั่งสำเร็จ

เมื่อทหารออกมายึดอำนาจ ได้ปกครองประเทศสำเร็จ ก็มีเหตุการณ์ที่ตัวหัวโจกนำป่วนเมืองดันผิดคิว ไปตลกบริโภคทวงบุญคุณทหาร ส่งใบเสร็จค่าป่วนเมือง 1,000 ล้าน ปรากฏไม่มีขุนพลคนไหนขำด้วย จึงต้องหนีไปบวช บ้านเมืองก็ทำท่าจะสงบอยู่พักหนึ่ง

ปรากฏว่าอยู่ๆก็ลาสิกขาบท สึกออกมาได้ไม่ถึงชั่วโมง ก็แผลงฤทธิ์ดอกแรกด้วยการ ทำหนังสือสั่งผบ.ตร.ไม่ให้ย้ายกองบัญชาการตำรวจภูธรฯ ออกไปจากจังหวัดตัวเอง ตามด้วยดอก 2 ใน 2-3 วันต่อมา ด้วยการแถลงข่าวการเมืองล้วนๆ โดยอ้างชื่อมูลนิธิฯเป็นตัวบังหน้า อย่างที่เห็นกัน

การเมืองหรือไม่การเมือง เด็กอมมือมันก็ดูออกครับ คอยดูกันเถอะที่ว่าไม่เล่นการเมือง เรียงหน้ากันอยู่บนเวทีทั้งหมดนี่ พอใกล้เลือกตั้งเมื่อไหร่ วิ่งกลับเข้าสังกัดพรรคฯ ลงเลือกตั้งแทบทั้งหมด เหลือไม่เกิน 1-2 คนหรอกที่อยู่เฝ้ามูลนิธิฯ คอยเป็นหัวเชื้อป่วนเมือง เพื่อกู้ชีพให้พรรคในยามแพ้เลือกตั้งครั้งหน้า คอยดูเถอะ

ย้ำกันอีกทีก็ได้ ที่เห็นยืนหน้าสลอนบนเวที บอกไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองกันอยู่นี่ คนไหนที่จะไม่ลงเลือกตั้งในครั้งหน้า ช่วยแมนๆกู้ศรัทธาคืน ด้วยการประกาศตัวออกมาให้ชัดเจนหน่อย

พวกสาวกนกหวีดก็เหมือนกัน เจ็บแล้วต้องจำกันบ้าง ครอบครัวจะอดตาย เงินเดือนน้อย ข้าวของแพง บางคนต้องตกงาน ในขณะที่ บ้านต้องเช่า ข้าวต้องซื้อ ค่าเทอมลูกต้องจ่าย แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร
เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร..? เจ็บแล้วต้องจำกันบ้างครับ

ไม่ใช่ว่าพอยังมีลมหายใจกันอยู่ ก็เอาแต่เป่ากันอย่างเดียว

ปรี๊ดด..ปรี๊ดด..ปรี๊ดด..ปรี๊ดด..ปรี๊ดด..!!

ภาพจาก ไทยรัฐออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น