วันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

"เพื่อไทย" เผยยังไม่เห็นสัญญาณบวกด้านเศรษฐกิจ


นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการเปิดเผยข้อมูลของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กระทรวงการคลัง ว่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2560 ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะสูงถึง 6.16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 42.27% ของ GDP โดยในเดือนมีนาคม 2560 หนี้เพิ่มถึง 7.63 หมื่นล้านบาทสอดคล้องกับผลสำรวจของสวนดุสิตโพลที่เผยแพร่ในวันนี้ ตอกย้ำความล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยผลสำรวจพบว่าจุดอ่อนของรัฐบาล คือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

เมื่อมาดูการใช้จ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำยิ่งน่าใจหาย แม้ถูกทักท้วงมากมายก็ยังตัดสินใจซื้อเรือดำน้ำ ไม่รวมแนวคิดการที่จะให้เงินช่วยเหลือคนจนที่ขึ้นทะเบียนไว้ แทนที่จะสอนให้เลี้ยงปลากลับให้ปลาไปกินแล้วปลาก็จะหมดไปในวันนั้น

ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงตัวอย่างของการใช้จ่ายงบประมาณในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฝืดเคือง ที่แก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด แต่หัวใจของปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่ระบบการเมืองการปกครองที่ไม่เอื้อต่อการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศในยุคโลกาภิวัฒน์โลกไร้พรมแดน

นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนเคยให้ความเห็นไปแล้วหลายครั้งว่า การลงทุนโดยภาครัฐแต่เพียงขาเดียวเป็นหลัก โดยภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่ร่วมลงทุนด้วยนั้น ก็เหมือนกับคนพิการเดินขาเดียวกะโผลกกะเผลก ประเทศชาติก็เช่นกัน การลงทุนภาครัฐฝ่ายเดียวเป็นสำคัญ ประเทศเดินหน้าไม่ได้ ทางแก้ก็คือควรเร่งสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจัยที่จะสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนที่ดีที่สุด คือ ทำให้สังคมและโลกเห็นว่า ประเทศไทยมีระบบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพ เพราะขณะนี้ แม้กฎหมายรัฐธรรมนูญจะมีผลบังคับใช้ แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณบวกใดที่จะเห็นการเมืองเปิด ที่สำคัญกติกาที่ออกแบบมาไม่ส่งเสริมการมีเสถียรภาพทางการเมือง แต่ออกแบบมาเพื่อให้การเมืองอ่อนแอ เกิดรัฐบาลผสมเท่านั้น ด้วยระบบดังกล่าว ตนมั่นใจว่าไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ เพราะไม่มีใครอยากจะมาลงทุนในประเทศที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพ ก็ได้แต่หวังว่าผู้มีอำนาจจะดวงตาเห็นธรรม ยอมสละอำนาจค่อยๆถอยจากสิ่งที่ตนเองไม่ถนัด ไม่ได้ร่ำเรียนมาให้ระบบการเมืองการปกครองคัดคนเข้ามาทำหน้าที่พัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง

สุดท้ายเมื่อประชาชนมีประสบการณ์ก็จะได้สิ่งที่ดีที่สุด ทั้งระบบและตัวบุคคล แต่หากยังให้ระบบการเมืองการปกครองเป็นแบบนี้ เพื่อประโยชน์ของตนหรือพวกพ้อง ตนมั่นใจว่าไม่มีใครมาลงทุนกับประเทศที่ไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองดังกล่าวข้างต้น และสุดท้ายเราก็จะล้มละลาย และเป็นคนป่วยแห่งเอเชียในที่สุด และจะเป็นภาระของประเทศเพื่อนบ้านในอนาคตอันไม่ไกล หากยังไม่เห็นหัวใจของปัญหา และแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น