วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

“เพื่อไทย” เร่งรัฐแก้ปัญหาขยะล้นเมือง ต้นเหตุโลกร้อน


...วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ หัวหน้าคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัจจุบันปริมาณของขยะไทยได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 14 ล้านตัน/ปี กลายเป็น 16 ล้านตัน/ปี  ภายในระยะเพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น 20% ของปริมาณขยะทั้งหมดคือถุงพลาสติกซึ่งจัดว่าเป็นขยะที่มีวงจรการใช้สั้น แต่ใช้ระยะเวลาในการย่อยสลายนานกว่า 500 ปี  ซึ่งจากการสำรวจของกรมส่งเสริมคุณภาพและสิ่งแวดล้อม พบว่า ประชากรกว่า 69 ล้านคนของประเทศไทยใช้ถุงพลาสติกประมาณ 8 ใบต่อ 1 วัน ทำให้ในแต่ละวันปริมาณขยะพลาสติกมีจำนวนมากมายมหาศาล และร้อยละ 50 ถูกกำจัดอย่างไม่ถูกวิธี หากเรากำจัดขยะพลาสติกและโฟมโดยใช้วิธีฝังกลบจะใช้พื้นที่มากกว่าขยะปกติถึง 3 เท่า หากนำไปเผาทำลายจะก่อให้เกิดมลพิษต่อสภาวะแวดล้อมอย่างสูง ทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารตกค้างจำนวนมากในดินและน้ำ ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนจากปรากฎการณ์ก๊าซเรือนกระจก เนื่องจากถุงพลาสติกทำจากเม็ดปิโตรเลียม หากมีหน่วยงานที่รณรงค์ให้คนไทยทุกคนช่วยกันลดการใช้ถุงพาสติกคนละ 1 ใบต่อวัน ภายใน 1 ปี จะสามารถลดปริมาณถุงพลาสติกได้ถึง 25,185 ล้านใบ และจะส่งผลให้ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจก พร้อมทั้งช่วยให้สัตว์ต่างๆ รอดตายจากการกินถุงพลาสติกมากกว่า 100,000 ตัวต่อปี

...วัฒนรักษ์ ได้เสนอแนะเพิ่มเติมว่า ภาครัฐควรออกนโยบายการกำจัดขยะอย่างถูกต้องและถูกวิธีได้มาตรฐานสากล รณรงค์การคัดแยกขยะรีไซเคิลอย่างถูกวิธี และส่งเสริมการกำจัดขยะที่ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนด์ไดออกไซด์น้อยที่สุด โดยรัฐควรเร่งสนับสนุนการสร้างโรงเผาขยะที่มีประสิทธิภาพในแต่ละจังหวัดโดยจะต้องมีกระบวนการการควบคุมอุณภูมิ ควัน ไอเสีย ผง และขี้เถ้า ในภาคส่วนของประชาชนควรเริ่มต้นโดยการรณรงค์ให้ประชาชนใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกจากห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อเพื่อที่จะนำมาซึ่งการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืนและถาวร  ภาวะโลกร้อนส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วม อากาศแปรปรวน ทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์น้ำถูกทำลายจากขยะพลาสติกส่งผลกระทบโดยตรงต่อการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของประเทศทางหนึ่ง หากรณรงค์เรื่องดังกล่าวอย่างจริงจังจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตของทุกคนดีขึ้นจากการบริโภคน้ำ อาหาร และอากาศที่บริสุทธิ์ในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น