วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2561

"อนุตตมา" แนะ ครม.คสช. ลาออกก่อนเลือกตั้ง


#TV24 นางสาวอนุตตมา อมรวิวัฒน์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า "ตามที่พรรคพลังประชารัฐเปิดตัว โดยมี 4 รัฐมนตรี ที่ควรจะต้องลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น แต่ก็ยังไม่ลาออก โดยอยากให้ทั้ง 4 รัฐมนตรี ที่มีหน้าที่ดูแลเศรษฐกิจ ตอบ 5 คำถามดังนี้

1. การที่กระทรวงอุตสาหกรรม มีหน้าที่ดูแล การส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ดังนั้น จึงอยากให้ ชี้แจงว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมา การขอส่งเสริมการลงทุนเหตุใดจึงลดลงอย่างมาก และการลงทุนจริงยิ่งลดลงมากกว่าก่อนมีการปฏิวัติมาก เป็นผลงานหาเสียงได้หรือไม่? และสาเหตุมาจากการปฏิวัติใช่หรือไม่?

2. กระทรวงพาณิชย์ ที่รับผิดชอบราคาพืชผลเกษตร เหตุใดตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ราคาสินค้าเกษตรจึงลดลงต่ำมาก รายได้เกษตรกรลดลงมาโดยตลอด จะถือเป็นผลงานได้หรือ? และที่เคยบอกว่า เรือดำน้ำจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจ จะช่วยได้อย่างไร? ผลงานที่ผ่านมาจะใช้หาเสียงได้หรือไม่?

3. ไทยแลนด์ 4.0 ที่เป็นเรื่องที่รัฐบาลใช้เป็นแนวทางพัฒนาประเทศ แต่ไม่ปรากฏผลงานที่เด่นชัด ประชาชนไม่สามารถรับรู้ได้ว่า ประเทศไทยเป็น 4.0 ได้อย่างไร มีแต่เรื่องสวนทางกับการพัฒนา ทำให้ยิ่งถอยหลัง เช่น การนำ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาใช้เล่นงาน ดำเนินคดีกับ ผู้ที่เห็นต่างจากรัฐบาลอย่างไม่มีเหตุผล แม้กระทั่งการหาเสียงก็ห้ามใช้โซเชียลมีเดีย ทั้งๆที่อยู่ในยุคสมัยนี้แล้วที่ทั่วโลกต่างก็ใช้การหาเสียงผ่านโซเชียลฯ จึงอยากให้อธิบายว่าการกระทำดังกล่าวเป็น 4.0 อย่างไร?

4. การที่เศรษฐกิจ 4 ปีที่ผ่านมาขยายตัวเฉลี่ยปีละ 2% กว่า เท่านั้น และพึ่งจะมาขยายตัวได้เกิน 4% ในปีนี้ ทั้งที่ควรขยายตัวเกิน 4% ตั้งแต่ปีแรก ถ้าไม่มีการประท้วงและไม่เกิดการรัฐประหาร เป็นการเสียโอกาสของประเทศใช่หรือไม่? และการที่สื่อต่างชาติ เช่น บีบีซี รายงานว่าสัดส่วนของรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตที่สูงถึง 96% ตกไปอยู่กับคนเพียง 1% ของประเทศเท่านั้น แสดงว่าคนส่วนใหญ่ยังลำบากมากใช่หรือไม่? ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำใช่หรือไม่? จะเป็นผลงานหาเสียงได้หรือ?

5. การที่รัฐมนตรีไปร่วมพรรคการเมืองที่ถูกสังคมสงสัยว่าเป็นการสืบทอดอำนาจและไม่ยอมลาออกทั้งๆที่การเลือกตั้งจะมีขึ้นในอีกไม่นาน การดำเนินนโยบายต่างๆ ในลักษณะ ลด แลก แจก แถม จะเป็นการเอื้อประโยชน์พรรคการเมืองที่สังกัดหรือไม่? และยังใช้ชื่อโครงการประชารัฐ เหมือนกับชื่อพรรคอีก ซึ่งไม่เหมือนรัฐบาลรักษาการของการเลือกตั้งที่ดำเนินนโยบายอะไรไม่ได้แล้ว และเหตุใด 4 ปีที่ผ่านมาถึงไม่ทำอะไร มาทำตอนเฉพาะช่วงใกล้เลือกตั้ง

ดังนั้น การที่พรรคพลังประชารัฐพยายามจะชูภาพบุคลากรทางเศรษฐกิจ แต่ผลงานทางเศรษฐกิจใน 4 ปีกว่าที่ผ่าน ไม่ได้ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น อีกทั้งยังไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง จะเป็นภาพลักษณ์ที่ติดลบในสายตาของประชาชน ทั้งนี้ เชื่อได้ว่าประชาชนจะตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองจากความสามารถในการบริหารและผลงานทางเศรษฐกิจที่เคยมีผลเป็นรูปธรรม ซึ่งเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่คงมีพรรคการเมืองในใจแล้ว ที่จะทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดีและมีความสุขมากกว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมามาก โดยเฉพาะแนวคิดทักษิโณมิกส์ที่เป็นที่นิยมของประชาชนจำนวนมาก"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น