"ที่ผ่านมามีชาวบ้านมายื่นหนังสือกับ สนช. ซึ่งตนไม่ได้อยู่ในคณะกรรมาธิการชุดที่เกี่ยวข้อง แต่คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่าตนเป็นคนพิจิตรจึงขอให้เข้าไปดูความเดือนร้อนให้กับชาวบ้าน จึงเข้า ไปทําหน้าที่เท่าที่จะทําได้ โดยตั้งใจที่จะเข้าไปไกล่เกลี่ย และไม่ได้รู้จักใครเลยจึงเข้าไป พูดคุยกับอดีตผู้ว่าราชการ จ.พิจิตร รวมถึงสํานักพุทธฯ จังหวัด เพื่อร่วมกันหาทางออก"
"ตนจึงแนะนําว่าให้ส่งตัวแทนมาฝ่ายละ 2 คนโดยเป็นฝ่ายของรักษาการเจ้าอาวาสวัดบางคลาน 2 คน และจากฝ่ายชาวบ้าน 2 คน เพื่อร่วมกันตรวจสอบทรัพย์สินและขอให้ผอ.สํานักพุทธฯ จังหวัดเข้าไปร่วมสังเกตการณ์ด้วย ซึ่งการตรวจสอบก็สําเร็จไปได้ด้วยดี แต่มารู้ทีหลังว่า รักษาการเจ้าอาวาสวัดบางคลานได้ตั้งตนให้เป็นประธานตรวจสอบทรัพย์สินด้วย และมาปลดใน ภายหลัง ซึ่งตนไม่รู้เรื่องการแต่งตั้งดังกล่าวเลย"
นายเรืองไกร กล่าวว่า "จากข้อเท็จจริงที่นายกิตติศักดิ์ ให้ข่าวข้างต้น จึงมีเหตุอันควรร้องขอให้ กกต. ตรวจสอบว่า ตามกรณีดังกล่าว การที่นายกิตติศักดิ์ ในฐานะสมาชิก สนช. ที่ไปพูดคุยกับ อดีตผู้ว่าราชการจ.พิจิตร รวมถึงสํานักพุทธฯ จังหวัด รวมทั้งการขอให้ผอ.สํานักพุทธฯ จังหวัด เข้าไปร่วมสังเกตการณ์ด้วยนั้น จะเข้าข่ายการกระทําที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 185 หรือไม่?"
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ตนยังได้ตรวจพบข้อมูลในการประชุม สนช. เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2558 ที่ นายกิตติศักดิ์ได้กล่าวในที่ประชุม สนช. โดยมีความบางส่วนตอนหนึ่งว่า "ผมเองเป็นหนึ่งใน ผู้เสียหายก็คือ จํานําข้าวแล้วก็ไม่ได้สตางค์ตอนนั้นด้วย" และมีความบางส่วนอีกตอนหนึ่งว่า "เพราะผมเองเป็นคนมาตามทวงหนี้ของผม แล้วก็ทวงแทนพี่น้องเกษตรกรด้วย เวลาเกือบ 2 ปี"
จากข้อความที่นายกิตติศักดิ์กล่าวไว้ ทําให้เข้าใจได้ว่า นายกิตติศักดิ์มีทรัพย์สินที่เป็นรายการหนี้จากการจํานําข้าวที่ยังไม่ได้รับเงิน ดังนั้น รายการดังกล่าวจึงควรต้องแจ้งไว้ในบัญชีแสดง รายการทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตําแหน่งเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2557 แต่เมื่อไปตรวจสอบใน บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินที่ ป.ป.ช. เปิดเผยไว้ในเว็บไซต์ของ ป.ป.ช. กลับไม่พบรายการ ทรัพย์สินใดที่แสดงถึงหนี้จากการจํานําข้าวดังกล่าวแต่อย่างใด กรณีนี้จึงมีเหตุอันควรร้องขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบว่า นายกิตติศักดิ์ ได้ยื่นบัญชีตามที่กฎหมาย ป.ป.ช. บัญญัติไว้หรือไม่?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น