วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

"เรืองไกร" ร้องศาลปกครอง เพิกถอนประกาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ


นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า การที่ กกต. ประกาศรายชื่อ ส.ส. บัญชี รายชื่อ จํานวน 149 คนนั้น ถูกต้องแค่จํานวนรวมเท่านั้น แต่ไส้ในไม่ถูกต้อง เพราะมีการนําคะแนนเสียง ไปจัดสรรให้พรรคเล็ก 11 พรรค ทั้งที่พรรคเหล่านี้มีคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ที่พึงมี และคะแนนที่น่าไปให้นั้น ไม่รู้ไปคว้ามาจากที่ไหน ของใคร พรรคใด เขตใด กกต. ไม่ได้ชี้แจงที่มาที่ไปของคะแนนที่ไปเดิมให้ พรรคเล็ก ๆ ไว้แต่อย่างใด

นายเรืองไกร กล่าวว่า เมื่อย้อนดูคะแนนเสียงของพรรคใหญ่แต่ละพรรคที่ได้รับมาจากการเลือกตั้ง ยิ่ง เห็นได้ชัดว่า ในการคํานวณของ กกต. พรรคใหญ่ถูกทําให้คะแนนเสียงลดลงหรือตกน้ําไปโดยไร้เหตุผล เช่นอนค. ตกนําไปประมาณ 561,245 คะแนน ปชป. ตกน้ําไปประมาณ 256,857 คะแนน พปชร. ตกน่า ไปประมาณ 229,034 คะแนน เป็นต้น ท่าให้พรรคเหล่านี้สูญเสีย ส.ส. บัญชีรายชื่อไปด้วยอีกหลายคน
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ตามตารางการคํานวณของ กกต. เป็นสิ่งที่ฟ้องในตัวเองว่า กกต. คํานวณ จัดสรร ส.ส. บัญชีรายชื่อไม่ถูกต้อง เพราะผลการจัดสรรดังกล่าว ขัดต่อกฎหมายที่บัญญัติบังคับไว้แล้ว ว่า “การจัดสรรจะต้องไม่ทําให้ได้ ส.ส. เกินกว่าค่าที่พึงมี” ดังนั้น พรรคการเมืองที่มีค่าพึงมีต่ากว่า 1 คน จึงไม่มีทางจะได้ ส.ส. เลย แต่ กกต. กลับไปหาวิธีการมาทําให้พรรคการเมืองที่มีค่าพึงมีต่ากว่า 1 คน ได้ ส.ส. 1 คน ซึ่งเป็นการกระท่าที่ไม่ชอบด้วยขั้นตอนตามที่กฎหมายกําหนด
นายเรืองไกร กล่าวตามมาว่า เรื่องนี้ พิสูจน์ได้ง่าย โดยการนําค่าเฉลี่ยของจํานวน ส.ส. ที่จะพึงมี 1 คน คือ 71168 คะแนนมาเทียบกับคะแนนของพรรคเล็กทั้ง 11 พรรค จะทําให้เกิดคําถามขึ้นมาทันทีว่า ถ้า พรรคเหล่านี้ได้ ส.ส. 1 คน ก็จะต้องมีคะแนนสูงกว่าหรือเท่ากับค่าพึงมี แต่หามีไม่ ดังนั้น การได้ ส.ส. 1 คน จึงเท่ากับมีการเพิ่มคะแนนค่าพึงมีให้พรรคเหล่านี้ โดยรวมทั้ง 11 พรรคมีคะแนนเพิ่มมา 234,640 เสียง ซึ่ง กกต. อธิบายไม่ได้ว่า คะแนนที่เพิ่มขึ้นนั้น มาจากหน่วยใด เขตใด หรือไปเอาของพรรคใดมา เดิมให้พรรคเล็ก ๆ ดังนั้น การประกาศรับรอง ส.ส. บัญชีรายชื่อที่ผ่านมาจึงไม่ถูกต้อง และทําให้ถูกมอง ว่า พรรคใหญ่โดนยักย้ายถ่ายเทคะแนนไปให้พรรคเล็กตามอ่าเภอใจ ทั้งที่คนเข้าคูหากาคะแนนให้พรรค ใหญ่ นายเรืองไกร กล่าวสรุปว่า เรื่องนี้ กกต.ทําไม่ถูกต้อง ทําให้สังคมส่วนใหญ่ถึงจุดรับไม่ได้ จึงมีหลายฝ่าย วิพากวิจารณ์อย่างมาก และมีการจ้องฟ้องร้องตามมาอีกหลายทาง ตนเป็นหนึ่งในนั้น ที่เห็นว่า เรื่องนี้ ปล่อยไปไม่ได้ เพราะคนที่จะไปเป็นตัวแทนของประชาชนต้องมีที่มาโดยถูกต้อง ชอบด้วยกฎหมาย ใคร ก็ตามที่ไม่ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนถึงเกณฑ์ค่าที่จะพึงมี ก็ไม่ควรได้รับการรับรองจาก กกต. ให้ ไปเป็นตัวแทนของประชาชน

นายเรืองไกร กล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องนี้ปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้ ตนในฐานะผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งซึ่งจะได้รับ ผลกระทบจากการกระทําของ กกต. และคนของพรรคเล็ก ๆ ที่ได้เป็น ส.ส. ทั้งที่ไม่ควรได้ แต่จะไปเป็น ตัวแทนของประชาชนและของตนด้วยเพื่อทําหน้าที่ในสภาผู้แทนฯ นั้น ตนจึงเดือดร้อนเสียหายหรืออาจ เดือดร้อนเสียหายตามไปด้วย จึงต้องน่าเรื่องนี้ไปฟ้องศาลปกครองเพื่อขอให้มีคําสั่งยกเลิกเพิกถอน ประกาศ กกต. ดังกล่าว และขอให้ศาลสั่งให้ กกต. จัดสรรใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะทําให้พรรค ใหญ่ได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อกลับมาคืน ตามจํานวนสัดส่วนของคะแนนที่ประชาชนเลือก โดยตนจะไปยืน คําร้อง ในวันที่ 13 พ.ค. ศกนี้ เวลา 10.00 น. ที่ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ

อนึ่ง ตนขอท้าให้พวกที่เห็นว่า พรรคเล็กที่ได้คะแนนเสียงไม่ถึงเกณฑ์พึงมี ควรได้ ส.ส. 1 คน ก็ขอให้ ออกมาแสดงตนอย่างเปิดเผย อย่าทําตัวเป็นอีแอบแหกปากตะโกนตะแบงเชียร์อยู่ด้านเดียว ควรออกมา รับฟังความเห็นอีกด้านหนึ่งด้วย เพื่อถกเถียงโต้แย้งกันอย่างมีเหตุผลต่อหน้าสาธารณชนได้เลย โดยการ เปิดเวทีสาธารณะเพื่อแสดงความคิดอย่างมีเหตุผลตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย ตนพร้อมไปทุกเวที เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องตัวเลข พิสูจน์กันได้ง่าย ประชาชนจะได้รู้ความจริงว่า อะไรถูก อะไรผิด ที่สําคัญ เชิญตัวแทน กกต. ที่คิดว่าสูตรนี้ถูกต้องตามกฎหมาย มาอธิบายและตอบข้อซักถามด้วยนะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น