วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

จับนักศึกษา ทำเสถียรภาพรัฐสั่นคลอน “เพื่อไทย” ชี้ เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังน่าห่วง


#TV24 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “ขอเตือนคณะรัฐมนตรีชุดนี้ให้เตรียมตัวรับมือให้ดี ภาวะเศรษฐกิจครึ่งปีหลังนี้ อย่าลอยตัวและอย่าเห็นว่ามีแนวหน้ารับทุกเรื่องอย่างพลเอกประยุทธิแล้วจะสบายๆ ที่สำคัญหากทำงานแบบคิดว่าไม่มีฝ่ายค้านตรวจสอบแล้วจะทำงานแบบชิลๆได้ สุดท้ายการเมืองจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ปากท้องประชาชนต่างหากจะเป็นเรื่องใหญ่กว่า”

วันนี้จากการติดตามการทำงานโดยคณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยเห็นว่า เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังนี้ ส่อแววอาการหนัก เห็นได้จากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงต่ำสุดในรอบ 12 เดือน ประกอบการส่งออกที่ติดลบตลอด 5 เดือน และยอดขายรถยนต์ 5 เดือนในประเทศถดถอยอย่างหนัก แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่อ่อนด้อยในการบริหารเศรษฐกิจของ ครม.ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เข้าสู่ภาวะ “ครม.ที่โลกลืม” และยิ่งมาเจอกับภาวะภัยแล้ง ที่ตลอดเวลาได้ยินแต่ความเสียหายแต่ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลจะมีแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเป็นรูปธรรมอย่างไรยิ่งน่ากังวลใจ

ทั้งนี้ ในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้ ผลกระทบจากภัยแล้ง ราคาสินค้าการเกษตร ทุกชนิดตกต่ำ จะส่งผลให้รายได้ของเกษตรกร ลดลงอย่างน่าใจหาย และจะเกิดภาวะชักหน้าไม่ถึงหลังประกอบกับนโยบายด้านราคาสินค้าการเกษตรที่ยังแกว่งไกว 1 ปี ยังไม่มีอะไรชัดเจนแล้วเกษตรกรเหล่านี้จะอยู่ได้อย่างไร รังแต่จะเพิ่มสถิติเกษตรกรฆ่าตัวตายมากขึ้น  และยิ่งจะตอกย้ำปัญหาเศรษฐกิจของประเทศให้ดิ่งเหวเร็วขึ้น และจะส่งผลต่อการจัดเก็บภาษีของรัฐบาลและอาจทำให้เกิดภาวะรัฐบาล “บักโกรก ไส้แห้ง  ถังแตก ตูดขาด” ได้

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า “ไม่เข้าใจว่าที่ผ่านมา ไปตำหนิโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เพื่ออะไร ทั้งๆที่เป็นเรื่องน้ำใจของรัฐที่ต้องดูแลสวัสดิการขั้นพื้นฐานให้กับคนจน แต่กลับมีข่าวซื้อเรือดำน้ำเป็นเงินถึง 36,000 ล้านบาทในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เพราะฉะนั้น ครม.ของ รัฐบาล คสช.ต้องคิดให้มาก ประชาชน เฝ้าจับตามองท่านอย่างใกล้ชิดอยู่”

“เห็นการทำงาน ของ ครม.ตลอดปีที่ผ่านมา บอกเลยว่าเข้าใจ พลเอกประยุทธ์  จันทรโอชา ที่ออกอาการหงุดหงิดเพราะแบกรับคนเดียวทุกเรื่องจริงๆ ถ้าเอาอารมณ์หงุดหงิด ของผู้นำมาหารด้วยจำนวน ครม. แบ่งๆกันไปตามหน้าที่รับผิดชอบแต่ละกระทรวง พลเอกประยุทธิคงจะอารมณ์ดีขึ้นมาก และหากวันนี้ มีการออกข้อสอบให้ ประชาชน ใส่ชื่อคณะรัฐมนตรีว่าจำใครได้บ้าง มีผลงานอะไรบ้าง เชื่อเลยว่าสอบตกยกครม. ” นายจิรายุ  กล่าว

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า “สิ่งที่น่าเป็นห่วง อีกเรื่อง คือกรณีที่กลุ่ม บริษัทรถยนต์ ออกมาแสดงความกังวล จากรายงานตัวเลขยอดขายที่ตกลงอย่างหนัก ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ขายไปได้เพียงแค่ 308,787 คัน ลดลงถึง 15.9% และยังส่งสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง เป็นผลจากการความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทำให้ทั้งภาคธุรกิจและครัวเรือน ระมัดระวังเรื่องการลงทุนและใช้จ่าย”

“ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนพฤษภาคมยังคงปรับตัวลง จากความกังวลต่อความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจที่เป็นปัจจัยเชิงลบ ส่งผลให้การส่งออกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และส่งผลกระทบให้การลงทุนของภาคเอกชนยังคงชะลอตัว ประกอบกับกำลังซื้อที่ยังไม่ขยายตัวอันเป็นผลมาจากรายได้เกษตรกรที่ทรงตัวในระดับต่ำ ทำให้สภาพคล่องในระบบและการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนลดลง ซึ่งคำเตือนจากภาคธุรกิจเหล่านี้ ประกอบกับแรงกดดัน เรื่องนักศึกษา 14 คน จาก UN สหประชาชาติ สหภาพยุโรป EU และสหรัฐ จะทำให้ความมั่นใจของต่างประเทศลดลงไปอีก และจะทำให้การลงทุนจากต่างประเทศหายไป และอาจจะโดนมาตรการการกีดกันการค้าเพิ่มเติม และจะเป็นการตอกย้ำการส่งออกให้แย่ลงอีก และจะทำให้เศรษฐกิจทรุด ซึ่งจะส่งผลทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอนได้” นายจิรายุ  กล่าว

1 ความคิดเห็น:

  1. เศรฐกิจเน่าแล้ว ครื่งปีหลังเน่ากว่าเดิมอีก.

    ตอบลบ