วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2558

“เพื่อไทย” อ่านจดหมายเปิดผนึก 10ธันวาคม-ครบรอบ83ปีรัฐธรรมนูญ


วันที่ 10 ธันวาคม เวลา 10.00น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่รัฐสภา  ภายหลังพรรคเพื่อไทยที่นำโดยพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคนายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรค วางพานพุ่มที่ลานหน้าอาคารรัฐสภา1 เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม โดยมี นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย เป็นตัวแทนอ่านจดหมายเปิดผนึกของพรรคฯ เพื่อขอให้นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ยึดหลักการประชาธิปไตย และน้อมนำพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 7 มาใช้ในการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีใจความว่า ขอให้กรธ.อย่าร่างรัฐธรรมนูญที่สวนทางกับและขัดแย้งกับพระราชปณิธานอันปรากฏในพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 7 ต้องให้ประชาชนมีสิทธิตัดสินใจและมีส่วนร่วมทางการเมือง ไม่ควรให้อำนาจทางการเมืองและอำนาจในการตรวจสอบไปตกอยู่กับคณะบุคคลหรือองค์กรที่มาจากการแต่งตั้ง  อีกทั้งควรร่างรัฐธรรมนูญที่ดี มีความเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากล เคารพในสิทธิมนุษยชน ยึดมั่นในหลักนิติรัฐนิติธรรม รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรทำให้ประชาชนรู้สึกเต็มใจที่จะรับร่าง นอกจากนี้ กรธ.ต้องตระหนักว่าการร่างรัฐธรรมนูญต้องมีหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ของพลเมือง

จากนั้น นายสามารถ ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอของ กรธ.ที่จะเขียนบัญญัติรัฐธรรมนูญให้ญาติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินด้วย ว่า เกินความจำเป็น และจะไม่ได้ผลอะไร ซึ่งคนที่ตั้งใจทุจริตก็คงฉลาดพอที่จะทำให้ไม่มีปัญหา ในทางกลับกันจะเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับคนดีที่จะเข้ามาทำงานการเมือง เพราะหากได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว ก็คงไม่อยากให้พี่น้องเดือดร้อน ดังนั้นในหลักการแล้ว ควรจะตรวจสอบในขณะที่ดำรงตำแหน่งอยู่ เพราะมีองค์กรทั้งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่สามารถเข้ามาตรวจสอบว่าตรงไหนส่อเจตนาทุจริตได้อยู่แล้ว จึงควรเน้นหาวิธีตรวจสอบตรงจุดนี้จะดีกว่า  ส่วนกรณีที่กรธ.วางหลักเกณฑ์ห้ามส.ส.ใช้งบแปรญัตติเพื่อประโยชน์ในพื้นที่ของตัวเองนั้น กรธ.ตั้งหลักการร่างรัฐธรรมนูญโดยมีอคติ มองนักการเมืองเป็นผู้ร้าย เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ อย่าลืมว่าส.ส.เป็นผู้ใกล้ชิดกับประชาชน รู้ว่าประชาชนต้องการอะไร และสามารถจัดสรรงบไปแก้ปัญหาต่างๆในพื้นที่ได้ จึงควรให้เขาเข้ามาแปรญัตติอย่างเปิดเผย เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้ อย่าไปเขียนอะไรที่มีอคติต่อนักการเมืองมากเกินไป อย่างไรก็ตาม หากนำงบประมาณดังกล่าวไปให้ฝ่ายประจำ ก็จะเป็นการใช้งบประมาณที่มีอยู่อย่างผิดทิศผิดทาง ตรวจสอบก็ไม่ได้ อย่างที่เป็นกันอยู่ทุกวันนี้

อ้างอิง
จดหมายเปิดผนึก พรรคเพื่อไทย http://www.ptp.or.th/news/331

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น