วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562

"พิชัย" ไม่หวั่น หลังถูกดำเนินคดีวิจารณ์รัฐบาล แนะอย่าปิดปากประชาชน


นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะแกนนำกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า พรุ่งนี้ วันที่ 12 มีนาคม เวลา 10:00 น ตนพร้อม ทนายความ นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ จะเข้าพบอัยการพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก. ปอท. ตามที่ได้นัดหมายไว้ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากสำนักงานอัยการ เพราะข้อกล่าวหาตนนั้นน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้ตนหยุดวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทางเศรษฐกิจที่ประชาชนลำบากกันอย่างมากมาตลอด 4 ปีกว่า ซึ่งข้อกล่าวหาเป็นเรื่องภาพปกนิตยสารไทม์ที่มีข้อเขียนทำนองไม่มีการขาย ก็หาซื้อไม่ได้จริง และไม่ได้กล่าวถึง คสช อีกทั้งไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกแต่อย่างไร หากเปรียบเทียบกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ที่ได้มีการปิดทีวีหลายช่องและหลายครั้ง ปิดหลายรายการทีวี ดังนั้นการที่ไม่มีนิตยสารต่างประเทศที่มีรูปหน้าพลเอกประยุทธ์ขายจึงเป็นเรื่องเล็กมากเมื่อเทียบกับการปิดหลายช่องทีวี และ หลายรายการทีวี อีกทั้งปิดกั้นเสรีภาพด้านอื่น แม้กระทั่งการชูสามนิ้ว การกินแซนด์วิช การถือหนังสือ ก็ยังมีการจับกุมเยาวชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ร้ายแรงสร้างความตระหนกกันมากกว่าอย่างเทียบไม่ได้ นอกจากนี้อีกภาพที่มีข้อมูลการดูด ส.ส. ก็เป็นข้อมูลสาธารณะที่ประชาชนทราบกันดีทั่วไปอยู่แล้ว ไม่ใช่เป็นข้อมูลใหม่แต่อย่างใด และก็ไม่ได้บอกว่าใครเป็นคนดูด ส.ส. อีกทั้งเป็นข้อมูลจากการเสวนาทางวิชาการ ซึ่งประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ผู้จัดเสวนาก็ได้ออกมายืนยันและแสดงความไม่พอใจกับรัฐบาลและคสช. ที่เกิดเรื่องนี้ แถมยังเรียกร้องให้ บก. ปอท. อย่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ตลอด 4 ปีกว่านี้ รัฐบาลและคสช. ได้ปิดกั้นเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นมาโดยตลอด มีการจับกุมและเรียกปรับทัศนคติประชาชนจำนวนมาก และก็ยังทำอยู่จนถึงปัจจุบันที่ได้ดำเนินคดีกับนักการเมืองที่มีความเห็นต่างและพยายามเป็นปากเสียงแทนประชาชน หากรัฐบาลและ คสช. ยังสืบทอดอำนาจหลังการเลือกตั้ง พฤติกรรมดังกล่าวก็จะยังคงเป็นอยู่ ดังนั้น อยากให้ประชาชนร่วมกันโหวตเพื่อหยุดการสืบทอดอำนาจ เพื่อยุติการใช้กฏหมายเพื่อปิดกั้นความคิดเห็นและการกลั่นแกล้งทางการเมือง โดยเฉพาะ รัฐบาลก็พึ่งออก พรบ. ไซเบอร์ ซึ่งอาจถูกนำมาตีความใช้กลั่นแกล้งเพิ่มเติม เหมือน พรบ. คอมพิวเตอร์ ที่เคยบอกว่าจะไม่นำมากลั่นแกล้งทางการเมือง ดังนั้นพฤติกรรมการปิดกั้นเสรีภาพในอดีตจนถึงปัจจุบันได้ทำให้คะแนนความนิยมพลเอกประยุทธ์ตกต่ำลงอย่างมาก รองมาจากปัญหาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจของประชาชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น