วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2562

"จาตุรนต์" เผยอัยการสั่งไม่ฟ้อง คดีวิจารณ์ 4 ปี คสช.

นายจาตุรนต์ ฉายแสง โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้



ทราบจากคุณนรินทร์พงศ์ ทนายความของผมว่า ในวันที่ 24 กันยายน 2560 เวลา 10.00 น. นัดฟังคำสั่งอัยการ คดี 3 เเกนนำ พรรคเพื่อไทย และ ไทยรักษาชาติ นายวัฒนาเมืองสุข  นายจาตุรนต์ ฉายแสง  และนายชูศักดิ์ ศิรินิล ในข้อหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ยุยงปลุกปั่นเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ  และฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่3/2558 เรื่อง ห้ามชุมนุม กรณีแถลงข่าว  "4 ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาลและ คสช.นำไปสู่ความมืดมนอันตราย"  เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2561

โดยในวันนี้  นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เเละนายยอดชาย ศีลนำสุข คณะทนายความผู้ต้องหาเดินทางมาฟังคำสั่ง ที่สำนักงานอัยการสูงสุด  ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ

พนักงานอัยการ มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีผู้ต้องหาทั้งสาม  หลังจากส่งสำนวนและคำสั่งให้ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณา  ซึ่งไม่แย้งคำสั่งดังกล่าว  จึงให้ยุติการดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้งสาม  โดยจะมีหนังสือแจ้งไปยังพนักงานสอบสวนภายใน  2 สัปดาห์ เพื่อแจ้งให้ผู้ต้องหาทั้งสามทราบ และหลังจากได้รับหนังสือแจ้งคำสั่งแล้ว จะชี้แจงรายละเอียดเหตุผลในการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดี ให้สื่อมวลชนทราบต่อไป

ผมต้องขอขอบคุณพนักงานอัยการที่ให้ความเป็นธรรมกับผมและเพื่อนผู้ต้องหาอีกสองคน ขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ไม่แย้ง ทำให้คดีนี้ยุติลงในที่สุด

ที่จริงแล้วการแถลงข่าววิจารณ์ผลงานของคสช.ที่เกิดขึ้น หากพิจารณาตามหลักฐานข้อเท็จจริงแล้ว ไม่อาจเป็นคดีได้เลยมาแต่ต้น แต่เป็นเพราะคสช.ต้องการกลั่นแกล้งผู้ที่วิจารณ์คสช.ให้ลำบากในการสู้คดีและใช้การดำเนินคดีด้วยข้อหาร้ายแรงนี้เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ยับยั้งกระแสการวิพากษ์วิจารณ์คสช.และรัฐบาล

คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลารวบรวมหลักฐานเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตั้งข้อหาพวกผมแล้ว พอถามว่าทำไมจึงเป็นแบบนี้ เขาก็บอกตรงๆว่าคสช.สั่งมา ขอให้เห็นใจ ดีที่อัยการไม่ได้เป็นขุนพลอยพยักไปด้วย เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงตอนที่คสช.หมดไปแล้ว คดีนี้จึงจบลงด้วยการสั่งไม่ฟ้อง

การใช้อำนาจคสช.ไปบีบบังคับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้กลั่นแกล้งทำร้ายผู้บริสุทธิ์เพราะเขาเหล่านั้นเห็นต่างจากผู้มีอำนาจนั้นเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนใน 5 ปีที่ผ่านมา นอกจากสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ถูกกระทำแล้ว ยังทำให้การแสดงความคิดเห็นต่อการบริหารปกครองประเทศเกิดขึ้นน้อยกว่าที่ควรจะเป็นไปมาก ประชาชนจึงขาดโอกาสที่จะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง

พลเอกประยุทธ์กับพวกปู้ยี่ปู้ยำบ้านเมืองมาได้หลายปีก็ด้วยอาศัยกระบวนการทางกฎหมายที่ไร้ความยุติธรรมเช่นนี้ พลเอกประยุทธ์มักจะพูดว่าถ้าไม่ทำผิดจะกลัวอะไร ดูจากคดีนี้และอีกหลายสิบหลายร้อยคดี ก็จะเห็นว่าที่มีคนจำนวนไม่น้อยกลัวทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับคนจำนวนมากนั้นความจริงแล้วก็เกิดขึ้นทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไรเลย

วันนี้ไม่มีคสช.แล้ว แต่ยังต้องถามพลเอกประยุทธ์ว่าท่านยังจะใช้ความเคยชินแบบเดิมๆต่อไปหรือไม่?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น