วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2562

"เพื่อไทย" ยื่นสอบ "ไก่อู" พ้นราชการ ปมใช้สื่อรัฐโจมตีพรรคการเมือง

พรรคเพื่อไทยยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์เพื่อให้ดำเนินการทางวินัยและมีคำสั่งให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ออกจากราชการไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการสอบสวน พล.อ.สรรเสริญ ที่โดนอดีตรองอธิบดีร้องเรียนว่าใช้อำนาจหน้าที่ช่วย พปชร. หาเสียงให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ แล้วโจมตีพรรคการเมืองอื่น


วันนี้ ที่รัฐสภา นาย สมพงศ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้มอบหมายให้ ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นาย เทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้เร่งดำเนินการทางวินัยและมีคำสั่งให้ พล.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ออกจากราชการไว้ก่อน ควบคู่ไปกับการดำเนินคดีอาญา ทั้งนี้ หาก พล.อ. สรรเสริญ ยังอยู่ในตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ก็จะเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการสอบสวน เพราะ พล.ท สรรเสริญ มีความใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจในรัฐบาลและกองทัพ ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์สำคัญของคณะรัฐประหาร ดังนั้น คณะกรรมการสอบสวนฯ อาจไม่กล้าตรวจสอบ พล.อ.สรรเสริญ เพราะเกรงใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งหลังเลือกตั้งก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคพลังประชารัฐก็ได้จัดตั้งรัฐบาล นอกจากนี้ ภายหลังเลือกตั้ง รุ่นพี่รุ่นน้อง พล.อ. สรรเสริญ จำนวนมาก ก็แยกย้ายกันไปรับตำแหน่งสำคัญในองค์กรต่าง ๆ เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี รองนายกฯ รัฐมนตรี หรือ สมาชิกวุฒิสภา ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนแต่งตั้ง พล.อ. สรรเสริญ เป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์เองกับมือ โดยใช้อำนาจพิเศษตาม ม.44 ใครจะกล้าตรวจสอบเต็มที่ เพราะคนตรวจสอบล้วนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา พล.ประยุทธ์ ทั้งนั้น ย่อมต้องเกรงใจนายกฯ จึงน่ากลัวว่า สุดท้ายก็จะหาคนผิดไม่ได้เหมือนกรณียืมนาฬิกาเพื่อน 20 กว่าเรือน ทั้ง ๆ ที่ กรณี พล.อ. สรรเสริญ ถือเป็นการร้องเรียนที่มีมูลและมีน้ำหนัก เพราะคนที่เปิดโปงเรื่องนี้เป็นอดีตรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ซึ่งถือเป็นพยานที่น่าเชื่อถือ ดังนั้น รัฐบาลต้องไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะไม่บ่อยนักที่ข้าราชการประจำจะกล้าแฉข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตต่าง ๆ ในองค์กรเพราะกลัวผลกระทบต่ออนาคตและหน้าที่การงาน รัฐบาลจึงต้องรีบทำความจริงให้ปรากฎเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ เนื่องจากรัฐบาลเองก็ประกาศนโยบายปราบปรามเฟคนิวส์หรือการปล่อยข่าวปลอม โดยใช้งบประมาณแผ่นดินมหาศาล แล้วรัฐบาลจะมาเป็นฝ่ายปล่อยเฟคนิวส์เสียเองได้อย่างไร ซึ่งหลังจากนี้ พรรคเพื่อไทยจะยื่นหนังสือต่อ คณะกรรมาธิการ ปปช. (การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร) เพื่อให้ติดตามกำกับว่ารัฐบาลได้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อย่างจริงจังและเป็นธรรมหรือไม่?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น