วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

"จาตุรนต์" ประเมินรัฐบาลสอบตก แก้ปัญหาไวรัสโคโรนา

นายจาตุรนต์ ฉายแสง โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้


#ไวรัสโคโรน่า ถึงเวลาที่รัฐาลไทยประเมินใหม่ ทบทวนและยกระดับมาตรการใหม่ได้แล้ว

มาถึงขณะนี้ WHO ประกาศให้ปัญหาไวรัสโคโรน่าเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขของโลกแล้ว ล่าสุดสหรัฐก็ประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินของชาติ หลายประเทศเพิ่มความเข้นข้นของมาตรการถึงกับใช้มาตรการขั้นสูงสุด บางประเทศมีการจำกัดการเดินทางและการป้องกันเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น บางประเทศแนะนำพลเมืองในประเทศของตนไม่ให้เดินทางไปจีน บางประเทศห้ามเที่ยวบินระหว่างประเทศจีนกับประเทศของตนรวมทั้งที่เปลี่ยนผ่านผู้โดยสาร บางประเทศแจกหน้ากากอนามัยแก่ประชาชนเป็นล้านๆชิ้น

ประเทศที่เขาพัฒนาไปมากๆ ทั้งๆที่เจอปัญหาไม่เท่าไทยในหลายด้าน เขาพูดถึง Worst scenario บ้าง all scenarios บ้างและประกาศว่ามีมาตรการพร้อมรับมือทุกประเภทสถานการณ์แล้ว นั่นคือตัวอย่างที่ดีของวิธีคิดวิธีบริหารในยามวิกฤต

ขณะนี้พื้นที่นอกประเทศจีน ประเทศไทยมีผู้ป่วยติดเชื้อ #ไวรัสโคโรน่า มากกว่าทุกประเทศคือมีทั้งหมด 19 ราย ในจำนวนนี้มี 1 รายที่ติดเชื้อภายในประเทศ แต่รัฐบาลไทยกลับประเมินปัญหาต่ำ ไม่เข้าใจการบริหารจัดการปัญหาในภาวะวิกฤต การแก้ปัญหารับมือยังเป็นไปอย่างหละหลวม ไม่มีประสิทธิภาพทั้งในเฉพาะหน้าและไม่มีมาตรการรองรับหากสถานการณ์ลุกลามบานปลายมากกว่านี้

ผมคิดว่าเรื่องเร่งด่วนที่สุดในขณะนี้คือรัฐบาลจะต้องจัดให้มีการประเมินความรุนแรงและความเสี่ยงของปัญหาไวรัสโคโรน่าเสียใหม่ ทบทวนการใช้มาตรการทั้งหมดเสียใหม่ โดยตัดสินใจยกระดับมาตรการเป็นขั้นสูงและเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้ตั้งแต่บัดนี้

ผมเสนอสิ่งที่ควรทำไว้ 6 ข้อ สงสัยไม่มีใครในรัฐบาลอ่านกันหรือยังไงไม่ทราบ ผมคิดว่ายังเป็นประโยชน์ เพียงแต่ในแต่ละข้อจะต้องไปขยายความให้เป็นรูปธรรม ที่น่าเป็นห่วงคือการประเมินต่ำและความล่าช้าไม่ทันการณ์ในการแก้ปัญหา เข้าใจว่าขณะนี้นักวิชาการในไทยยังมีความเห็นต่างกันเองและต่างจากนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่างมาก ทำให้หัวหน้ารัฐบาลซึ่งไม่สนใจจะศึกษาอะไรจริงจัง ไม่รู้จะเชื่อใคร ทางที่ดีก็ต้องฟังทุกฝ่ายและคิดเผื่อในทางร้ายไว้ก่อน

สิ่งที่รัฐบาลต้องตัดสินใจเร่งด่วนคือกำหนดมาตรการชั่วคราว ยกเลิกการให้วีซ่าเมื่อมาถึงไทยแล้ว (visa on arrival)แก่นักเดินทางจากประเทศจีน ให้ขอวีซ่ามาจากในประเทศจีน งดให้วีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว ให้วีซ่าเฉพาะที่ผู้ที่มีความจำเป็นและผ่านการคัดกรองอย่างเหมาะสมแล้ว แต่เข้าใจว่ารัฐบาลไม่กล้าตัดสินใจเรื่องนี้เพราะอาจคำนึงนึงผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวมากเกินไป โดยไม่รู้ว่าการไม่มีมาตรการที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพสูงอย่างที่เป็นอยู่นี้ต่างหากที่จะทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกรวมทั้งจีนไม่กล้ามาเมืองไทย

นอกจากนั้นตามที่ปรากฏเป็นข่าว รัฐบาลนี้อาจเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่าประเทศไทย-จีน ซึ่งก็เป็นความเข้าใจผิด ความจริงแล้วเรื่องสุขภาพและชีวิตคนย่อมสำคัญกว่าเรื่องอื่นและเรื่องนี้รัฐบาลและประชาชนจีนก็จะเข้าใจเพราะปัญหานี้เป็นภาวะฉุกเฉินของโลกไปแล้วและประเทศไทยมีความเสี่ยงสูงเป็นอันดับต้นๆด้วย ขณะเดียวกันสิ่งที่รัฐบาลควรทำคือให้ความช่วยเหลือและร่วมมือกับรัฐบาลจีน ดูแลประชาชนชาวจีนที่อยู่ในเมืองไทยให้ดีที่สุด รีบระงับยับยั้งกระแสรังเกียจคนจีนที่กำลังแพร่กระจายอยู่ในบางประเทศขณะนี้ ต้องชี้ให้เห็นว่านี่เป็นปัญหาของมนุษยชาติ ที่คนทุกชาติต้องช่วยกัน ที่นิยมพูดกันบ่อยๆว่าคนไทย คนจีนเป็นพี่น้องกัน เป็นครอบครัวเดียวกันนั้น เมื่อถึงเวลาที่คนจีนลำบากจากภัยธรรมชาติ เราก็ต้องไม่ทอดทิ้งกัน

นอกจากนี้เรื่องด่วนที่รัฐบาลต้องรีบพิจารณาก็คือจะดูแลนักศึกษาท่ีจะไปรับกลับจากเมืองอู่ฮั่นอย่างไร เตรียมสถานที่อุปกรณ์และระบบดูแลดีแล้วหรือยัง จะปล่อยให้ไปดูอาการที่บ้านของแต่ละคนอย่างที่เป็นข่าวคงไม่ได้

กับอีกเรื่องหนึ่งก็คือขณะนี้หน้ากากอนามัยขาดตลาดมาหลายวันแล้ว และ PM2.5 ก็กลับมาสูงอีก ต้องรีบจัดหาหน้ากากที่ใช้สำหรับทั้งสองปัญหาให้เพียงพอโดยด่วน

ปัญหาไวรัสโคโรน่านี้ รัฐบาลกำลังสอบตก ปล่อยให้ทำไปอย่างนี้ไม่ได้ ต้องช่วยกันครับ ผมจะพยายามเสนอข้อมูลความเห็นเป็นระยะๆครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น