วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

“คณิน” เตือนกรธ.เขียนกติกาต้องเป็นธรรม-กรรมการต้องเป็นกลาง 


นายคณิน บุญสุวรรณ อดีต ส.ส.ร. ปี 40 ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวกรณีที่ กรธ. แถลงจะเพิ่ม มาตราใหม่ในร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง เพื่อบังคับให้พรรคการเมืองต้องทำบัญชีจ่ายเงินเดือน ส.ส. พร้อมแจงที่มาของเงินและถ้าแจ้งเท็จหัวหน้าพรรคมีโทษ ว่า กรธ. ชักจะไปกันใหญ่แล้ว วันๆมีแต่ จะคิดหาวิธีที่จะเล่นงานนักการเมืองและพรรคการเมือง จนชักจะสงสัยแล้วว่า กฎหมายใช้บังคับแล้ว มีการเลือกตั้ง จะมีหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคสักกี่คนที่จะรอดพ้นจากการติดคุก และถูกเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต และจะมีพรรคการเมืองสักกี่พรรคที่จะรอดจากการถูกยุบพรรค การเขียนกติกาแบบนี้ในทางวิชาการ เขาเรียกว่า “กติกาที่ไม่เป็นธรรม” ยิ่งถ้าไปเจอ “กรรมการที่ไม่เป็นกลาง” เข้าไปอีก การเลือกตั้งและประชาธิปไตยมิต้องถึงคราวสาบสูญไปจากประเทศไทยอย่างเป็นการถาวรหรือ?

นายคณิน กล่าวว่า ที่บอกว่า “กติกาไม่เป็นธรรม” นั้น ไม่ได้หมายความว่าไม่เป็นธรรมต่อนักการเมือง เพราะนักการเมืองนั้น ถึงอย่างไรก็สู้ทั้งๆ ที่รู้ว่าต้องสู้ในกติกาที่เสียเปรียบ แต่ไม่เป็นธรรมต่อประเทศชาติและประชาชน เพราะเหตุว่า เป็นกติกาที่กำหนดขึ้นมาเพื่อให้องค์กร ที่มาจากการแต่งตั้งโดยไม่ยึดโยงกับประชาชน มีอำนาจควบคุมและตรวจสอบองค์กรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หรือพรรคการเมือง หรือแม้แต่ประชาชนที่เป็นสมาชิก พรรคการเมือง ในขณะที่นักการเมือง พรรคการเมือง และประชาชน ไม่สามารถตรวจสอบหรือควบคุมองค์กรที่มาจากการแต่งตั้งเหล่านั้นได้เลย ไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ วุฒิสภา หรือแม้แต่นายกฯคนนอก เช่นนี้เรียกว่า “กติกาที่ไม่เป็นธรรม” เมื่อเป็น กติกาที่ไม่เป็นธรรม อย่านึกว่ามันจะส่งผลกระทบต่อนักการเมืองหรือพรรคการเมืองเท่านั้น อย่างที่ชอบพูดกันว่า ถ้าไม่ทำอะไรผิด จะกลัวอะไรนั่นแหละ แต่จะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของประเทศด้วย เพราะประเทศอื่นๆ เขาจะมองว่า ขนาดกติกาทางการเมืองยังไม่เป็นธรรมแล้วกติกาอย่างอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกติกาทางเศรษฐกิจ และกติกาด้านการปกป้องสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน รวมทั้งกติกาการแข่งขันทางธุรกิจอย่างเสรี จะเป็นธรรมหรือ?

นายคณิน กล่าวต่อว่า ลำพังแค่คำถามที่ว่า ในเมื่อ กรธ. กำหนดกติกาการสมัครรับเลือกตั้ง เป็น ส.ส. ไว้อย่างเข้มงวด คอขาดบาดตายถึงขนาดนี้ โทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต โดยอ้างว่า เพื่อให้ได้คนดีที่ไม่โกงมาบริหารประเทศและดูแลบ้านเมือง แต่เหตุไฉนจึงไม่กำหนดให้นายกรัฐมนตรี และ ส.ว. มาจากการเลือกตั้งด้วยเล่า กรธ. จะตอบอย่างไร?

ส่วนประเด็นที่ถกกับ กกต. ในเรื่องงบลับก็ดี หรือเรื่องผู้ตรวจการเลือกตั้ง ที่ยังไม่ลงตัวกันนั้น ก็เป็นการชี้ว่า ทั้ง กรธ. และ กกต. ต่างก็ยังจำกัดตัวเองอยู่ในกรอบความคิดที่ว่า ทำอย่างไรที่จะเล่นงานนักการเมืองและพรรคการเมืองให้อยู่หมัดเท่านั้น โดยอาจจะลืมคิดไปว่า ก็แล้วประชาชน และนักการเมืองจะมีเครื่องมืออะไรที่จะใช้ในการตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของ กกต. ได้บ้าง? ทำไม กรธ. จึงไม่รู้จักคิดหาวิธีที่ประชาชนจะใช้เป็นเครื่องมือในการตรวจสอบและถ่วงดุลการทำงานของ กกต. เหมือนอย่างในประเทศประชาธิปไตยที่เขาเจริญแล้วเขาทำกันบ้าง? อย่างน้อยเอางบลับ กกต. และงบที่จะตั้ง กกต.จังหวัด หรือผู้ตรวจการเลือกตั้ง รวมทั้งงบที่จะใช้ในการประชาสัมพันธ์ นั่นแหละ ไปให้ประชาชนเขาได้ทำหน้าที่ชักชวนประชาชนด้วยกันให้ไปเลือกตั้ง พร้อมๆไปกับการตรวจสอบและกระตุ้น กกต. ให้ตื่นมาดูโลกบ้างว่า ชาวบ้านเขาก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว ไม่ใช่คอยจ้องอยู่แต่ว่าจะแจกใบเหลืองใบแดงให้ใครบ้างอย่างที่ผ่านมาเท่านั้น

นายคณิน กล่าวในที่สุดว่า กระบวนการทางการเมืองที่ถูกกำหนดโดย กติกาที่ไม่เป็นธรรม ซ้ำยังจะมีกรรมการที่ไม่เป็นกลาง คอยจ้องแต่จะเล่นงานนักการเมืองและพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ในขณะที่ยกย่องให้เกียรติบรรดาองค์กรและฝ่ายการเมืองที่มาจากการแต่งตั้ง เสียราวกับเป็นเทวดานั้น นอกจากประชาธิปไตยจะไปไม่รอดแล้ว ประเทศก็จะไปไม่รอดด้วย จึงอยากจะขอให้ กรธ. ตั้งสติและนึกทบทวนถึงสิ่งที่ได้ทำมาตลอดนั้นว่า แท้ที่จริงแล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนหรือของใครกันแน่? หวังว่าขึ้นปีใหม่ 2560 นี้ ประชาชนคงจะได้เห็นคำตอบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น