วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2560

"กิตติรัตน์" แนะรัฐแก้ปัญหาแรงงาน ผลักดันสวัสดิการ-การศึกษา-เศรษฐกิจ


นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึง ภาครัฐจะเตรียมความพร้อมแรงงานให้แก่เอกชนในยุคเศรษฐกิจใหม่ได้อย่างไร ว่าการเคลื่อนไปข้างหน้าไม่ใช่เรื่องของการจะเอาแรงงานไร้ฝีมือไปสู่แรงงานฝีมือสูง เราต้องดูเรื่องของการเปลี่ยนกลไกจากสังคมอุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้แรงงานจำนวนมากเป็นหลัก ไปเป็นทรัพยากรบุคคลหรือแรงงานซึ่งสามารถใช้เครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ เพราะในระยะต่อไปเครื่องจักรจะเข้ามาแทนที่แรงงานมากขึ้น เราจำเป็นต้องเตรียมคนให้พร้อมที่จะขยับขึ้นไปในเรื่องของการเป็นผู้ใช้เครื่องไม้เครื่องมือ

อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องแรง ในยุคที่ตนมีโอกาสดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ เราได้ขอให้ผู้จ้างงานและผู้ถูกจ้างงานได้เห็นกลไกการปรับค่าแรงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ การปรับครั้งนั้นมีเสียงต่อว่าพอสมควร ว่าอยู่ๆเราจะปรับค่าแรงขึ้นโดยผลิตภาพแรงงานยังไม่ดีขึ้นจะไม่มีผลเสียหรือ เมื่อมีการปรับเช่นนั้นนายจ้างย่อมไม่ต้องการให้เกิดผลขาดทุนจากการปรับค่าแรงขึ้น เพราะฉะนั้นท่านจะเริ่มทำงานจริงจังกับแรงงานขององค์กร เพราะว่าท่านต้องการความคุ้มค่า จะจัดเครื่องไม้เครื่องมือหรือฝึกอบรม จัดระบบการทำงานต่างๆ ลดคนงานลงในบางส่วน ที่เกินความจำเป็นก็จะเกิดขึ้น ในขณะเดียวกันผู้ถูกจ้างเมื่อได้รับค่าจ้างที่ดีขึ้นย่อมไม่อยากเสี่ยงต่อการสูญเสียงาน ก็จะเกิดการทำงานร่วมกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง เราอยู่ในระบบซึ่งมีอัตราการว่างานน้อย

นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า สำหรับการขาดแคลนแรงงานในบางสาขาซึ่งเป็นสาขาที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ เช่น วิศวกรคอมพิวเตอร์นั้นค่าจ้างในหมวดนั้นควรขยับสูงขึ้นตามความขาดแคลน หากมีการดำเนินการนั้นอย่างเหมาะสมและมีการประสานไปยังสถาบันการศึกษาหรือสถาบันที่มีการจัดฝึกอบรมบุคลากรที่อยู่ในสาขานั้นแต่เนิ่นๆ ก็จะมีการผลิตบุคลากรในสาขานั้นเพิ่มเติมเข้ามา ตนเห็นว่าอุปสรรคที่เคยเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะ แม้ว่าสาขานั้นจะมีการขาดแคลนแรงงาน แต่ก็ไม่มีกลไกที่จะไปปรับผลตอบแทนให้กับบุคลากรในสาขานั้นอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ แรงงานยังจะต้องเตรียมตัวเข้าสู่วัยเกษียณซึ่งอาจหมายถึงเวลาที่ท่านไม่สามารถจะทำงานได้มากเหมือนเดิม มีรายได้น้อยลง ท่านต้องมีเงินออม ท่านจำเป็นต้องออมเงินด้วย

นายกิตติรัตน์ กล่าวถึงหน้าที่ภาครัฐในการเตรียมความพร้อมด้านแรงงานให้กับภาคเอกชน ว่า สิ่งที่ภาครัฐควรจะช่วยในเรื่องของการเตรียมการ คือ การจัดวางระบบการศึกษาที่สามารถรองรับผู้เข้าสู่ระบบการศึกษาต่างๆให้มีเส้นทางเดินในการศึกษาแล้วผ่านจบออกมามีความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดแรงงาน การที่จะเตรียมการเรื่องเหล่านี้ กระทรวงศึกษาควรทำงานอย่างใกล้ชิดมากกับสภาพัฒน์ ในการวางแผนและใช้กำลังคนในอนาคต การเตรียมการเพื่อให้มีการศึกษาที่เหมาะสมเป็นผู้ที่สามารถทำงานได้เป็นภาระหน้าที่ของภาครัฐ อีกประเด็นหนึ่งคือ สวัสดิการ เช่น การออม และการจัดระบบประกันสังคมอย่างไรก็ตามการจัดสวัสดิการแรงงานยังหมายถึงการที่แรงงานอาจจะถูกเลิกจ้างงาน การมีกองทุนเพื่อดูแลแรงงานเหล่านั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ขณะเดียวกันการที่จะดูแลแรงงานสามารถมีสวัสดิการที่ดี โดยเฉพาะเรื่องสาธารณสุขถือว่าเป็นข้อฝากไปยังรัฐในการดูแลแรงงาน

นายกิตติรัตน์ กล่าวด้วยว่า "สิ่งที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญคือ การสร้างงานในชุมชน และการบริโภคภายในประเทศ เพราะเมื่อคนออกจากภาคเกษตรไปสู่ภาคอุตสาหกรรม หมู่บ้านในชนบทเป็นที่อยู่ของเด็กและคนชรา คนหนุ่มสาวไปทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆ มีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาเพราะครอบครัวแยกกันอยู่ ทำอย่างไรให้สังคมชนบทสามารถเติบโตคู่กับการเติบโตของเศรษฐกิจด้วย"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น