วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2560

"ทักษิณ" ยืนยันจงรักภักดี-มอบทนายยื่นอัยการทบทวนสั่งฟ้อง


วันนี้ (12 ตุลาคม 2560) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พล.ต.อ.วิรุฬห์ พื้นแสน อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ อดีต ส.ว. จังหวัดเชียงราย ปี 2543-2549 และอดีต ส.ส. พร้อมด้วย นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้เข้ายื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุด เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงในกรณีที่มีข่าวเผยแพร่ว่า อัยการสูงสุดได้มีความเห็นสั่งฟ้อง ดร.ทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และขอให้อัยการสูงสุดได้ทบทวนคำสั่งฟ้องดังกล่าว


นายโชคชัย ได้กล่าวว่า "เหตุที่มายื่นหนังสือในวันนี้ เนื่องจากท่านอดีตนายกฯทักษิณ ได้ทราบข่าวจากสื่อมวลชนว่าอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องตนในข้อหา มาตรา 112 กรณีที่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี เมื่อปี 2558 จึงต้องการทราบข้อเท็จจริงว่ามีคำสั่งฟ้องดังกล่าวจริงหรือไม่ และหากได้มีคำสั่งฟ้องจริง ก็ขอให้อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งทบทวนความเห็นดังกล่าวใหม่ เนื่องจากเห็นว่าคำสั่งฟ้องมีความคลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายหลายประการ โดยเฉพาะท่านอดีตนายกฯทักษิณได้ยืนยันว่าท่านมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาตลอด ซึ่งในการให้สัมภาษณ์ท่านก็ไม่ได้ระบุข้อความใดพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ การมีคำสั่งฟ้องจึงอาจถูกแรงกดดันจากฝ่ายการเมือง และมิได้เป็นไปโดยอิสระ การสอบสวนอาจกระทำโดยไม่ครบถ้วน เนื่องจากท่านได้เคยร้องขอความเป็นธรรมให้มีการสอบพยาน ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวที่สัมภาษณ์ท่านที่เกาหลี แต่ทราบว่ายังไม่ได้มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว และพยานที่มาให้ถ้อยคำหากเป็นพยานที่เป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองต่อท่าน ก็อาจแปลความคำให้สัมภาษณ์บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงได้ ดังนั้น ท่านจึงได้ขอให้มีการสอบคำให้การพยานเพิ่มเติมอีก 4 ปาก เพื่อให้การสอบสวนได้มีการรับฟังความจากทุกฝ่าย และเป็นไปโดยความถูกต้องเที่ยงธรรม"


นายโชคชัย ได้กล่าวต่อว่า "การที่จะฟ้องผู้ใดจะต้องพิจารณาองค์ประกอบความผิดทั้งองค์ประกอบภายนอกและองค์ประกอบภายในเรื่องเจตนาให้ชัดเจน ไม่ใช่การแปลความถ้อยคำให้เป็นผลร้ายโดยที่มิได้พิจารณาพฤติกรรมอื่นๆประกอบ การมายื่นหนังสือต่อท่านอัยการสูงสุด ก็เพื่อขอความเป็นธรรม ขอให้มีการสอบพยานเพิ่มเติม ทบทวน หรือมีความเห็นใหม่ ตามที่เห็นสมควรต่อไป ตามเจตนาและความประสงค์ของท่านอดีตนายกฯทักษิณ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น