วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

“พานทองแท้” เผย “ทักษิณ” วิเคราะห์พลังดูดพ่ายเลือกตั้งปีหน้า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้


Talk of The Town ของคอการเมืองในช่วง 3-4 วันนี้ คงหนีไม่พ้นกรณีที่นาย นคร มาฉิม อดีตส..ประชาธิปัตย์หลายสมัย ที่ได้โพสต์ข้อความแฉถึงเบื้องหลังในการที่พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ทางการเมืองต่อพรรคฯทางฝั่งอดีตนายกทักษิณฯแบบยับเยิน จนต้องไปสมคบคิดกับกลุ่มนายทุน ขุนศึก และเครือข่ายต่างๆ เพื่อขจัดอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่มาจากขั้วตรงข้ามให้หมดสิ้นครับ 

ที่ผ่านมากลุ่มสมคบคิดทั้งหลาย ได้ขจัดอดีตนายกฯ จนพ้นทางไปแล้วถึง 4 คน ทักษิณ-สมัคร-สมชาย-ยิ่งลักษณ์ อันเป็นเหตุให้คุณพ่อผมและอาปู ไม่สามารถอยู่ในเมืองไทยได้ และกลุ่มดังกล่าวยังวางแผนที่จะแช่แข็งประเทศไทยไปอีก 5-20 ปี จนกว่าจะสามารถจัดการอำนาจในการปกครองบริหารประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จ ตามข่าวที่แพร่หลายไปทั่วนั้น 

เนื่องจากข่าวการเมืองในช่วงนี้ มีแต่เรื่องการดูด .. ไปเข้ากับขั้วการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการ ดังนั้นการโพสต์ของนายนครฯ ในครั้งนี้ จึงถือเป็นการต่อต้านอำนาจเผด็จการ อย่างสันติวิธีครับ นายนครฯได้ยืนยันให้เห็นว่า ท่ามกลางข่าวกระแสดูดอย่างรุนแรง โดยมีผลประโยชน์และอำนาจรัฐเป็นเครื่องมือนั้น ยังมีคนที่ไม่หวั่นไหวพร้อมจะยืนอยู่บนหลักการแห่งความถูกต้อง โดยคนเหล่านั้นมีศูนย์กลางที่ยึดมั่นอยู่ที่พี่น้องประชาชนเท่านั้น!! จึงไม่หวั่นไหวต่อการดูดใดๆทั้งสิ้น 

เท่าที่ผมได้ยินมา เครื่องมือที่ใช้ดูดในปัจจุบันนั้น ประกอบด้วยปัจจัยอันทรงพลัง ทางด้านมืด 3 ด้านด้วยกัน ซึ่งผมไม่รู้ว่า 3 พลังดูดที่ว่านี้ ไปเกี่ยวพันอะไร กับคำว่า “3 มิตรหรือเปล่านะครับ โดยพลังที่ว่านั้นได้แก่ 

1. การใช้พลังเงิน ซึ่งไม่มีใครตอบได้ว่า ใครหาเงินเหล่านี้มา? หามาจากไหน? และหามาด้วยวิธีใด? กล่าวคือ ไม่มีที่มาของเงิน ไม่มีนายทุน และที่มาของแหล่งเงินทุน แต่เงินเหล่านี้มีจำนวนมหาศาล และได้ถูกนำมาใช้ทุ่มซื้อตัว ..บางประเภท จนปลิวลอยไปตามแรงดูด ให้ไหลไปตกรวมกัน จุดที่เจ้าของเงินต้องการได้ดังใจ 

การใช้เงินอันทรงพลังนี้ อีกทางหนึ่งยังได้มาจากการนำเงินงบประมาณมาถลุงในโครงการของรัฐที่ตั้งชื่อให้คล้ายกับชื่อพรรคตั้งใหม่พรรคหนึ่ง นำเงินที่ได้จากภาษีอากรมาใช้หาเสียงควบคู่ไปด้วยกัน ระหว่างรัฐกับพรรคการเมือง เงินไม่พอก็ตั้งเรื่องหาช่องทางขูดรีดภาษีเพิ่มขึ้นไปอีก เท่ากับเป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนในลักษณะอัฐยาย-ซื้อเสียงยายในขณะที่พรรคฯการเมืองอื่น คุยกันเรื่องการเมืองยังแทบจะทำไม่ได้ กระบวนการแข่งขันแบบนี้ แมนโคตรๆ

2. การใช้พลังองค์กรอิสระ ในการข่มขู่อดีต .. ว่าจะตรวจสอบทุกเรื่องที่สามารถจะหามาเอาผิดได้ ถ้าไม่ยอมย้ายพรรคฯไปอยู่ด้วย ทั้งส..ที่โดนดูด และอดีตนักการเมืองที่ถูกใช้ให้เดินสายดูด ต่างก็โดนชนักปักหลัง บังคับให้ต้องไปอยู่ฝั่งเดียวกัน จึงจะรอดคดีที่โดนตรวจสอบได้ 

3. การใช้พลังของข้าราชการในแต่ละกรมกอง เฉพาะที่สวามิภักดิ์ต่อเผด็จการฯ ใช้อำนาจทางด้านการปกครอง การออกใบอนุญาต การให้คุณให้โทษทางด้านต่างๆ ที่อำนาจรัฐพึงกระทำได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ออกเดินสายต่อรอง ถ้ามาอยู่พรรคฯนี้จะได้การช่วยเหลือต่างๆ ช่วยกันดูดอดีต .. อย่างไม่อายฟ้าดิน 

ทั้ง 3 พลังดูดที่ว่านี้ ต่างจากตอนที่คุณพ่อผมตั้งพรรคไทยรักไทยโดยสิ้นเชิงครับ ตอนนั้นคุณพ่อผมคิดนโยบายใหม่ๆ และมีวิธีการบริหารที่ชนะใจประชาชน จนเกิดกระแสที่ประชาชนต้องการพรรคการเมืองที่ คิดใหม่ ทำใหม่ จึงทำให้ ..ยินดีที่จะย้ายพรรคฯ เพราะกระแสพรรคฯจะช่วยให้ .. ชนะเลือกตั้งได้ง่ายขึ้น เงินทองที่นำมาใช้ในการทำพรรคการเมืองก็มีที่มาที่ไป และใช้ในการลงพื้นที่เพื่อนำนโยบายไปนำเสนอต่อพี่น้องประชาชน ไม่ใช่ใช้เงินเพื่อซื้อตัวอดีต .. มาเพื่อให้หาคะแนนให้ปาร์ตี้ลิสต์ แต่ตัวผู้สมัครเองกลับสอบตก จากการมาสังกัดพรรคการเมืองที่ประชาชนไม่ต้องการ!!

ทั้ง 3 ข้อของพลังดูดนี้ คือที่มาของคำพูดของคุณพ่อผมที่ว่า  เข้าใจอดีตส..ที่ถูกดูดไป ว่าเขามีเหตุจำเป็น แต่ในขณะเดียวกันก็บอกว่า ถึงแม้จะดูดไป แต่ Majority หรือเสียงส่วนใหญ่ของประเทศก็ยังอยู่ที่เดิม และจะมีคะแนนเสียงเทมามากขึ้นกว่าเดิมแบบ Land Slide !! 

ว่าแต่ว่า พ่อเล่นพูดตรงๆแบบนี้ ถ้า "เขา" รู้ว่าพรรคฯที่อุตส่าห์ตั้งชื่อกันมา ให้เหมือนชื่อโครงการของภาครัฐ จะแพ้หมดรูปขนาดนี้ 

ต้นปีหน้าเขาจะกล้าจัดให้มีการเลือกตั้งเหรอครัช..!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น