วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2563

"ยุทธพงศ์" ขวางรัฐตั้งงบซื้อเรือดำน้ำ

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และรองประธานคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 เปิดเผยถึงกรณีที่ประชุมอนุกรรมาธิการมีมติเห็นชอบงบจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนของกองทัพเรือ จำนวน 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท โดยได้แสดงเอกสารบันทึกข้อตกลงการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือต่อสื่อมวลชนที่มีการระบุว่าเป็นสัญญาจีทูจี’พร้อมกล่าวว่า เมื่อมาตรวจสอบ กลับพบว่า ไม่ใช่สัญญาจีทูจี แต่เอกสารดังกล่าวเป็นเพียงข้อตกลง และสัญญาที่เซ็นไป ก็เป็นเพียงแค่การจัดซื้อเรือดำน้ำ 1 ลำเท่านั้น ไม่มีลำที่ 2 หรือ 3 ไม่มีข้อผูกพันอะไร เอกสารที่ลงนามสัญญา ฝั่งไทยคือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ที่ดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือ ในปี 2560 และฝั่งจีนที่ลงนามด้วยคือ บริษัทเอกชน ไม่ใช่รัฐบาลจีน ซึ่งจุดนี้ จะนำไปสู่หนังม้วนยาว ขอตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมปกปิดเอกสารมาโดยตลอด หากเป็นสัญญาแบบจีทูจีจริง ผู้ลงนามฝั่งไทย ก็ไม่มีอำนาจลงนามแทนรัฐบาลไทย เพราะผู้มีอำนาจ คือ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อีกทั้งยังไม่มีหนังสือมอบอำนาจจากรัฐบาลไทยด้วย และตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือก็ไม่สามารถรับมอบอำนาจได้ คนที่รับมอบอำนาจได้ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเท่านั้น ดังนั้น สัญญาดังกล่าวจึงต้องเป็นโมฆะ แต่เรื่องนี้ ในคณะอนุกรรมาธิการฯ กองทัพเรือไม่สามารถชี้แจงได้เลย อ้างแต่เรื่องความมั่นคงทางทะเล ทั้งที่ความอดอยากของประชาชนทั้งภัยพิบัติน้ำท่วมในขณะนี้ สำคัญกว่าเรือดำน้ำ


นายยุทธพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางต่อไปที่จะต่อสู้ คือ ในวันพุธที่ 26 สิงหาคม เวลา 13.00 น.คณะกรรมาธิการงบประมาณชุดใหญ่ จะให้อนุกรรมาธิการฯชี้แจงเรื่องเรือดำน้ำ ตนจะเสนอให้กรรมาธิการชุดใหญ่ทบทวนเรื่องนี้ ขอให้กองทัพเรือนำหนังสือสัญญามาแสดง หากแสดงไม่ได้ สัญญาจะต้องเป็นโมฆะ เนื่องจากไม่มีความโปร่งใส มีความไม่ชอบมาพากล ทั้งนี้ หากคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ดึงดันให้ผ่าน จะเสนอให้มีมติในคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ โดยให้กรรมาธิการลงชื่อเป็นรายบุคคลแบบเปิดเผยชื่อ เพื่อดูว่า ใครเห็นความสำคัญของเรือดำน้ำ มากกว่าความอดอยากของประชาชน แต่หากโหวตแล้วยังแพ้เสียงส่วนใหญ่ในซีกรัฐบาล ก็จะเดินหน้าต่อไปเพื่อฟ้องกับประชาชน เพราะเรื่องนี้มีความไม่ชอบมาพากลอย่างมาก ส่วนที่พลเอกประยุทธ์ เคยประกาศว่า เลือกเรือดำน้ำจีน เพราะได้คุณภาพดีในราคาประหยัด อีกทั้งยังซื้อ 2 แถม 1นั้น แล้วทำไมวันนี้ กลายเป็นว่าซื้อเรือดำน้ำทั้งหมด 3 ลำ แปลว่าอะไร?

 

ขณะที่ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะอนุกรรมาธิการฯ กล่าวว่า หลังจากที่พวกตนโหวตแพ้ ก็ได้ตั้งข้อสังเกตไว้และบันทึกไว้ว่า จะนำไปต่อสู้ในที่ประชุมสภาฯขณะลงมติวาระที่ 2-3 และจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป เพราะเรื่องนี้เหมือนเป็นใบสั่ง ตอนแรกทุกคนอภิปรายไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายก็โหวตเห็นด้วย  

“ผมไปนอนคิด2วัน ผมว่า รัฐบาลป่วยแล้ว ลืมประชาชน ลืมสิ่งที่พูดไว้ว่า พี่น้องประชาชนต้องรัดเข็มขัด ต้องประหยัด แต่ก็มาดันเรื่องนี้ รัฐบาลไม่ได้เป็นง่อย แต่ป่วย เรื่องนี้ ยืนยันว่า วาระ 2 เชื่อว่า เพื่อนร่วมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลที่ไม่ได้เป็นกรรมาธิการจะมาร่วมแจมด้วย เพียงแต่วันนั้น 4 ท่านในอนุกรรมาธิการคือโทรมาประสานได้ง่าย เดี๋ยวได้พิสูจน์กันว่าคนเป็นผู้แทนในภาวะวิกฤติ หากยังแบกหามรัฐบาลอยู่ ก็เชิญตามสบาย หากเห็นว่าพร้อมยุบสภาไหม ผมพร้อม วันนี้คนไทยกำลังโดนต้ม 2 แถม 1 บ้าง ทำเอ็มโอยูบ้าง ทั้งที่จริงๆไม่มีอะไรเลย เรื่องนี้ไม่จบแน่ ผมเดินหน้าเตรียมฟ้องประชาชน” นายครูมานิตย์ กล่าว

นายยุทธพงศ์ กล่าวเสริมอีกว่า หากนายกรัฐมนตรียังดึงดันที่จะซื้อเรือดำน้ำ เชื่อว่า จะเป็นจุดจบของรัฐบาล และหากรัฐบาลเดินหน้าต่อ จะขอเชิญชวนประชาชนให้ออกไปร่วมการชุมนุมกับนิสิตนักศึกษาเพื่อขับไล่รัฐบาล ตนขอถามนายกรัฐมนตรีว่าหัวใจทำด้วยอะไร นายกไทยหัวใจเรือดำน้ำจีน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น