วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รัฐบาลมุ่งเพิ่มรายได้ ดูแลราคาสินค้าแก้ปัญหาค่าครองชีพ



(5 พฤษภาคม 2555 InsideThaiGOV) - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดรายการ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน" ร่วมด้วย นายโอฬาร ไชยวัติ ผู้แทนการค้าไทย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน ดำเนินรายการโดย นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โดยเป็นการพูดคุยเรื่องมาตรการลดค่าครองชีพ ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าปัญหาค่าครองชีพเป็นปัญหาที่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ต้องยอมรับว่ามีปัจจัยอื่นที่นอกเหนือการควบคุม ทั้งเรื่องของสภาพดินฟ้าอากาศ ไม่ว่าจะเป็นหน้าแล้งหรือน้ำท่วม รวมถึงราคาน้ำมันในตลาดโลก

นายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “ยืนยันว่าราคาสินค้าส่วนใหญ่ที่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งรัฐบาลก็ห่วงใยและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจเร่งหามาตรการช่วยเหลือประชาชน พยายามตอบโจทก์และเข้าไปดูแลในทุกกลุ่ม สำหรับราคาน้ำมันนั้น บางตัวก็มีการปรับตัวขึ้นบ้าง เช่นแก๊สโซฮอลล์ ซึ่งเป็นไปตามกลไกของตลาดโลก ส่วนบางรายการที่มีผู้ใช้จำนวนมาก ภาครัฐก็พยายามชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน รัฐบาลช่วยตรึงราคาภาคครัวเรือน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชน ว่า สิ่งแรกคือ มาตรการเพิ่มรายได้ให้ประชาชน ซึ่งได้มีมาตรการเร่งด่วน ทั้งการรับจำนำข้าวเปลือกที่เริ่มไปตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา โครงการรับจำนำมันสำปะหลัง และการเพิ่มรายได้ให้กับข้าราชการและพนักงานของรัฐ 2.ราคาสินค้าปลายทางที่ยังไม่ได้ลดลงเท่ากับภาวะปกติ ซึ่งต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการปรับราคาให้เป็นธรรมตามกลไกและต้นทุนที่แท้จริง หากร้านใดขายสินค้าไม่เป็นธรรม ขอให้ประชาชนแจ้งมายัง 1569  เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแล ส่วนราคาพลังงาน รัฐบาลก็พยายามจะดูแลไม่ให้ขึ้นไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะแอลพีจีภาคครัวเรือน ก็จะตรึงราคาไปถึงสิ้นปีนี้ ส่วนผู้ใช้แอลพีจีภาคขนส่ง ก็จะมีการปรับราคาขายปลีกบ้างเล็กน้อย ซึ่งรัฐบาลก็จะเข้าไปดูแลภาคเอสเอ็มอีเฉพาะกลุ่มที่มีผลกระทบ ส่วนในภาคอุตสาหกรรมก็มีการปรับราคาขายปลีกขึ้นไตรมาสละ 3 บาท ซึ่งต้องขอความเห็นใจจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาเราอุดหนุนมาจำนวนมากและเป็นเวลานาน สุดท้ายแล้วก็ฝืนกลไกการตลาดไม่ได้ จึงต้องทยอยปรับอย่างช้า ๆ เพื่อให้ผู้ใช้ปรับตัวได้ สำหรับผู้ใช้เอ็นจีวีนั้นก็จะทยอยปรับตัว แต่เราก็จะมอบบัตรส่วนลดรวมถึงบัตรเครดิตการ์ดพลังงานให้กับผู้ขับรถเท็กซี่เพื่อไม่ให้เป็นภาระมากนัก

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ส่วนการดูแลผู้ใช้น้ำมันดีเซลนั้น เราก็จะคงอัตราการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ซึ่งทำให้ราคาไม่เพิ่มขึ้นมาก เช่นเดียวกับแก๊สโซฮอลล์ แต่สำหรับน้ำมันเบนซิน 91 และ 95 เราก็จะปรับเพิ่มเงินเข้ากองทุนน้ำมันเดือนละ 1 บาท เพราะเราอยากส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน โดยเฉพาะแก๊สโซฮอล

“ต้องขอความกรุณาจากพี่น้องประชาชนเพราะช่วง ในไตรมาสที่ 2 นี้ รอยต่อที่อุปสงค์และอุปทานยังไม่สัมพันธ์กัน ซึ่งจะเจอทั้งค่าใช้จ่ายและรายได้  เพราะโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ และภาคการผลิตยังทำได้ไม่เต็มที่ บางส่วนเพิ่งฟื้นจากภาวะน้ำท่วม แต่จะมีการฟื้นฟูเต็มที่ในไตรมาสที่ 3 ประมาณหลังเดือน มิ.ย.เป็นต้นไป ถ้าจำนวนอุปสงค์และอุปทานสัมพันธ์กัน และกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ก็เชื่อว่าภาวะต่าง ๆจะเริ่มกลับเข้ามา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ด้าน นายโอฬาร ไชยประวัติกล่าวว่า ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ เกิดจาก 2 ปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ คือ เรื่องดินฟ้าอากาศ และ 2.เรื่องราคาน้ำมัน หากปัจจัยทั้ง 2 ไม่เข้าข้างมากจะทำให้เงินเฟ้อมีการปรับตัวสูงขึ้น แต่ถ้าไม่เข้าข้างก็ทำให้เงินเฟ้อลดลง ตรงนี้รัฐบาลต้องบริหารจัดการจากการปรับเงินเดือน และค่าจ้าง

นายโอฬาร กล่าวว่า ที่ผ่านมา เหตุการณ์น้ำท่วมกับราคาน้ำมันในตลาดโลก เป็นปัจจัยที่คุมไม่ได้ แต่หากเงินเฟ้ออยู่ระดับ 3-4% ถือว่าเป็นระดับที่พอดี ซึ่งตรงนี้รัฐบาลต้องหาวิธีการมาบริหารในการควบคุมราคาสินค้า เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน

ด้านนายบุญทรง กล่าวว่า ราคาสินค้าส่วนใหญ่จากการเก็บข้อมูลว่าสินค้าเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาพบว่าราคาถูกกว่าปีที่แล้ว อัตราเงินเฟ้อของกระทรวงพาณิชย์ได้นำเรื่องของพลังงานละอาหารรวมด้วย โดยเป้าหมายที่พาณิชย์ตั้งเป้าเงินเฟ้อไม่เกินร้อยละ 3.8 ซึ่งในภาพรวมกระทรวงพาณิชย์พยายามดูความสมดุลราคาปลายทาง โดยส่งทีมลงไปสำรวจราคาจริงเพื่อเปรียบเทียบข้อมูล ทั้งนี้ยืนยันว่าค่าครองชีพปีนี้โดยเฉพาะเรื่องของอาหารน่าจะถูกกว่าปีที่ แล้วอย่างไรก็ตามกระทรวงพาริชย์ตั้งเป้าเตรียมเปิดร้านถูกใจ 1,000 แห่งทั่วประเทศเพื่อลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้ซื้อสินค้าราคาถูก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น