วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

"ยิ่งลักษณ์" ประชุมครม.นอกสถานที่ ลุยตั้งท่าเรือน้ำลึกทวาย



(20 พฤษภาคม 2555 InsideThaiGOV) - การประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ที่จังหวัดกาญจนบุรี ในวันนี้ (20 พ.ค.) เริ่มเมื่อเวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา โดยมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ห้องประชุมชั้น 2 ตึกดินสอ อาคารบริการวิชาการและบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี โดยที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอของกระทรวงต่างๆ และคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ หรือ กรอ. ที่ได้ข้อสรุปไปแล้วเมื่อวานนี้ (19 พ.ค.) ก่อนการประชุมได้มีความเห็นจากรัฐมนตรีหลายคนในเรื่องการสร้างความปรองดองและการปรับคณะรัฐมนตรี โดยรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลประเด็นถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี

นายวรวัจน์ เอื้อภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีรายชื่อในพรรคเพื่อไทยว่าอาจถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนายกรัฐมนตรี

ด้านนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้เช่นกันบอกแต่เพียงว่ายังไม่ทราบรายละเอียด เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี

ขณะที่รองนายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้บ้านเมืองเกิดความปรองดอง พร้อมเดินหน้าผลักดัน พระราชบัญญัติการสร้างความปรองดองแห่งชาติ เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร พร้อมยอมรับพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี อาจได้กลับประเทศไทยภายปีนี้

ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการที่พันตำรวจโททักษิณ โฟนอินมาที่การชมุนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ระบุให้ร่วมกันสร้างความปรองดองนั้น เป็นเรื่องที่ดีและเห็นด้วยที่จะเดินหน้าในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และต้องใช้พระราชบัญญัติการสร้างความปรองดองแห่งชาติเท่านั้น เพราะรายละเอียดจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิวัติอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งเตรียมเสนอสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏรแต่รอจังหวะเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ยอมรับว่าพระราชบัญญัติดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้พันตำรวจโททักษิณได้กลับประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถกลับมาได้ภายในปลายปีนี้ แต่ติดปัญหาที่พันตำรวจโททักษิณ ยังไม่ต้องการกลับมาไทย เพราะต้องการให้บ้านเมืองเกิดความปรองดองก่อน

ร้อยตำรวจเอกเฉลิม ยังระบุว่า การที่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนชื่นชมผลงานของตนเองเป็นอันดับ 1 นั้น ทำให้มีกำลังใจในการทำงาน แต่จะมีผลให้ได้เป็นรัฐมนตรีในสมัยหน้าหรือไม่ ไม่ทราบได้ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนายกรัฐมนตรี

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุถึงเรื่องการสร้างความปรองดองว่าเกิดขึ้นได้แต่ทุกคนต้องเปิดใจ และคนไทยทุกคนต้องได้ประโยชน์ รวมทั้ง พันตำรวจโททักษิณ ที่เป็นคนไทยเช่นกัน

นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงพันตำรวจโททักษิณ ที่โฟนอินเข้ามายังกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ชุมนุมอยู่บริเวณสี่แยกราชประสงค์เมื่อคืนนี้ พร้อมกับระบุว่า หวังว่าการโฟนอินจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเป็นการสื่อสารกับพี่น้องเสื้อแดงด้วยวิธีนี้ เพราะหวังว่ากระบวนการปรองดองจะเดินหน้าไปได้ และถึงวาระที่จะกลับมาพบกับคนเสื้อแดงด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นความคาดหวังของพันตำรวจโททักษิณ ส่วนสัญญาณต่างๆ ที่บอกว่าไม่ปฏิเสธการปรองดอง พันตำรวจโททักษิณ มีสิทธิ์ที่จะคาดหวังที่จะได้รับความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมสำหรับทุกคดีที่ถูกกล่าวหาในประเทศไทย อย่างไรก็ตามมองว่าความปรองดองจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น อุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันถือเป็นเรื่องเล็ก สิ่งที่สำคัญหากทุกฝ่ายเปิดใจความปรองดองก็จะเกิดขึ้นได้ และการปรองดองจะต้องเกิดประโยชน์กับคนไทยทุกคน รวมมั้ง พันตำรวจโททักษิณ ที่เป็นคนไทยเช่นกัน ซึ่งหากคิดจะกีดกันก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

ส่วนที่ พันตำรวจโททักษิณ แสดงความยินดีกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ นั้น คงเป็นการให้กำลังใจ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า นายจตุพร มีความสามารถทางการเมืองไม่ด้อยไปกว่าใคร และหลังจากนี้เชื่อว่า นายจตุพร จะเดินหน้าทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดเจน แต่จะได้รับตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่อยู่ที่นายกรัฐมนตรี จะพิจารณา

ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุ คณะรัฐมนตรี จะเร่งผลักดันร่าง พระราชบัญญัติ ป.ป.ง. เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

พลตำรวจเอกประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่ ...พ.ศ. และร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ...ที่จะเข้าสู่การพิจาณาของคณะรัฐมนตรีสัญจรในวันนี้ ซึ่งจะมีในเรื่องของการเพิ่มโทษหรือไม่ว่าที่ประชุม ครม. วันนี้จะมีการพิจารณากันในหลายมาตรา และหากดำเนินการได้ทันก็จะผลักดันเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมนี้

ด้าน กรอ.เสนอโครงการพัฒนาด้านต่าง ๆ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา พร้อมเสนอให้เร่งเปิดด่านชายแดนไทย-พม่า โดยเร็ว ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน

นายนิพัฒน์ เจริญกิจการ ประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ที่จังหวัดกาญจนบุรีวันนี้ ได้เสนอผลสรุปการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ หรือ กรอ. ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโครงการพัฒนาด้านต่าง ๆ อาทิ โครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยงภาคตะวันตก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและเชื่อมโยงโลจิสติกส์ลงสู่ภาคใต้ , การเตรียมพร้อมรองรับโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย ด้วยการผลักดันให้จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือเขตอุตสาหกรรม บ้านพุน้ำร้อน จังหวัดกาญจนบุรี, การพัฒนาการค้าชายแดน ด้วยการยกระดับด่านชั่วคราวบ้านพุน้ำร้อน ด่านสิงขร และด่านเจดีย์สามองค์ เป็นด่านถาวร , การบริหารทรัพยากรน้ำ ,การประกาศเขตพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองหัวหินและพื้นที่เชื่อมโยง, การปรับปรุงอุทยานประวัติศาสตร์สงคราม 9 ทัพ จังหวัดกาญจนบุรี ขณะเดียวกันประชาชนในพื้นที่ยังคาดหวัง ให้มีการเร่งเปิดด่านชายแดนไทย-พม่า โดยเร็วที่สุด เนื่องจาก เชื่อว่า จะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน

ส่วนการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี เชื่อว่า ในส่วนของจังหวัดกลุ่มภาคตะวันตกจะมีแนวทางเชื่อมโยงด้านการค้ากับประเทศพม่าเพิ่มมากขึ้นไม่ใช่เป็นคู่แข่งกัน เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

สำหรับโครงการพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงระหว่างไทยและพม่า เพื่อรองรับโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกทวายของฝั่งพม่า ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรี นำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งที่ 4

โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกทวาย เป็นหนึ่งในโครงการที่เป็นความร่วมมือแห่งอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ประกอบด้วย กัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เวียดนาม และไทย ในปี 2551 ไทยและพม่าได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย และพัฒนาถนนเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือทวายมายังจังหวัดกาญจนบุรี ระยะทาง 130 กิโลเมตร รวมทั้งจะมีการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับท่าเรือน้ำลึกทวายด้วย

ปัจจุบัน โครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย และเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงระหว่างไทยและพม่ามีความคืบหน้าเป็นลำดับ โดย บริษัท อิตาเลียนไทย เป็นบริษัทของไทยบริษัทเดียวที่ได้รับสัมปทานในการพัฒนาโครงสร้างหลักของโครงการนี้ ทั้งการก่อสร้างถนนเชื่อมโยงทวาย – บ้านพุน้ำร้อน จังหวัดกาญจนบุรี ระยะทาง 160 กิโลเมตร เป็นถนน 4 ช่องจราจร , การก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก ที่ตำบลนาบูเล ห่างจากทางตอนเหนือของจังหวัดทวาย ออกไป 34 กิโลเมตร โดยในระยะแรก จะทำการก่อสร้าง 1 ท่าก่อน นอกจากนี้ยังมีอู่ต่อเรือที่สามารถรองรับเรือขนาดใหญ่ได้ถึง 22 ลำในคราวเดียวกัน รวมถึงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม พื้นที่ประมาณ 4 แสนไร่ เพื่อการพัฒนาอย่างรอบด้าน โดยแผนการก่อสร้างกำหนดไว้ 15 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2554 สิ้นสุดในปี 2563

ขณะนี้จังหวัดกาญจนบุรี ได้วางแผนในการพัฒนาเพื่อรองรับโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย โดยเร่งรัดโครงการต่างๆ 5 โครงการ คือ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี , โครงการขยายเส้นทางคมนาคมไปสู่เขตการค้าชายแดนให้กว้างขึ้น , โครงการพัฒนาสนามบินของกองพลทหารราบที่ 9 สู่สนามบินพาณิชย์ , โครงการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และสุดท้าย คือ โครงการเปิดจุดผ่านแดนบ้านพุน้ำร้อน ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี คาดกันว่าหากโครงการพัฒนาเพื่อรองรับโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายสำเร็จตามแผน จะทำให้จังหวัดกาญจนบุรีเป็นเมืองหน้าด่านทางเศรษฐกิจที่สำคัญด้านตะวันตก ช่วยร่นระยะเวลาการขนส่งสินค้า ลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ ส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล

สำหรับบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่บริเวณตึกดินสอ อาคารบริการวิชาการและบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี ตั้งเต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สุนัขดมกลิ่น เครื่องตรวจวัตถุระเบิด การจัดการจราจร และสถานที่จอดรถ ถูกจัดแบ่งออกเป็นที่จอดรถของคณะรัฐมนตรี ผู้ติดตาม และสื่อมวลชน รวมทั้งการติดบัตรประจำตัวที่จัดทำไว้สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น