วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รัฐบาลไทย ให้ความเชื่อมั่นนักธุรกิจบาห์เรน

 

วันนี้ (14 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจการเดินทางเยือนราชอาณาจักรบาห์เรนเป็นวันที่ 2 ช่วงเวลาประมาณ16 .00น.(ตามเวลาท้องถิ่น) ช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  เป็นประธานกล่าวเปิดประชุมคณะนักธุรกิจไทย-บาห์เรน เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างภาคเอกชนทั้งสองประเทศ ที่โรงแรมอินเตอร์คอน โดยชี้แจงถึงนโยบายและแผนการป้องกันอุทกภัย ทั้งระยะยาวและระยะสั้น ภายใต้งบประมาณ11.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเตรียมรับมือกับภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมระบุว่าไทยพร้อมให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือบาห์เรน หากต้องประสบปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปและสร้างความปรองดองในประเทศแบบสันติ ต่อต้านการใช้ความรุนแรงทางการเมือง รวมทั้งก่อการร้ายและกลุ่มหัวรุนแรงด้วย

นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กล่าวเปิดการประชุมคณะนักธุรกิจไทย-บาห์เรน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้แจงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยหลังประสบอุทกภัยต่อหอการค้าบาห์เรน และแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างความได้เปรียบในการลงทุน เพราะไทยมีแรงงานคุณภาพสูงและไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์กลางอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง รวมถึงนโยบายที่เอื้อต่อการลงทุนของรัฐบาล เช่น ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ พร้อมทั้งให้ความเชื่อมั่นแก่ภาคเอกชนทั้ง 2 ประเทศถึงการทำธุรกิจระหว่างกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล โครงการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและการส่งเสริมการท่องเที่ยว



ทางด้าน นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรม ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษทางโทรศัพท์ระหว่างการเยือนประเทศบาห์เรนอย่างเป็นทางการร่วมกับคณะนายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า “การมาเยือนประเทศบาห์เรนและกาตาร์ในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง รัฐบาลได้เป็นตัวหลักในการเชื่อมสัมพันธ์ให้ภาคธุรกิจ นักลงทุนเอกชนได้ติดตามกันไป ได้ลงไปช่วยแก้ปัญหาอุปสรรคด้านต่างๆ ที่มีอยู่ รวมถึงช่วยพัฒนา ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้ขยายระบบเศรษฐกิจให้ใหญ่ขึ้นดีขึ้น"

"การมาเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร การขายพืชผลทางการเกษตร เพิ่มการค้าการลงทุน หาช่องทางด้านพลังงาน ซึ่งตรงกับความต้องการกับกลยุทธ์ของประเทศในขณะนี้ นักธุรกิจมองว่าตะวันออกกลางเป็นตลาดใหญ่  เราสามารถเป็นครัวโลก ที่ผลิตและเสริมความมั่นคงด้านอาหารให้กับกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง ด้านปิโตรเคมี วัสดุก่อสร้าง ด้านการท่องเที่ยว และที่ภูมิใจคือที่นี่เขามองว่าประเทศไทยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำด้านอาหารให้กับกลุ่มประเทศเขาได้" นายพยุงศักดิ์กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น