วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558

ชาวเน็ต แห่แชร์ "เติม ก.ไก่ ให้นาย....ทักษิณ"


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจำนวนมาก ต่างโพสต์ภาพกราฟิกที่มีข้อความ "เติม ก.ไก่ ให้นาย....ทักษิณ" ตัวอักษรสีขาว ในพื้นสีแดง

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ Instagram @ingshin21 ล่าสุด ระบุว่า


เติม ก.ไก่ ให้กำลังใจนาย..ทักษิณ :ทำไมถึงชอบ เป็นลูกแค่ชอบคงไม่ได้ ทำไมถึงรักดีกว่า 😍ส่วนของครอบครัวพ่อไม่เคยขาดตกบกพร่องเลย ยังจำได้10ปีกว่าที่แล้วที่พ่อยังเป็นนายก เวลาพ่อได้ยินว่ามีครอบครัวที่หายป่วยหรือรอดชีวิตจากโครงการ30บาท พ่อจะเล่าด้วยเสียงที่มีความสุข อย่างกับรู้จักคนๆนั้นมานานนับปี รักที่พ่อชอบช่วยเหลือคนจนคนลำบาก โดยเล่าเสมอว่าพ่อลำบากมาก่อนพ่อเข้าใจ เปิดร้านขายผ้าไหมกับแม่ขายไม่ออกเลยสักผืน แต่ก็ฮึดสู้ คำสอนของพ่อที่จำขึ้นใจคือ💡 1.เมื่อเห็นคนที่เค้าประสบความสำเร็จ คนที่เก่งกว่าเรา อย่าอิจฉาเค้าเอาเค้ามาเป็นแรงบันดาลใจให้ชีวิตเราดีขึ้น ให้วันนึงเราจะได้เก่งเหมือนเค้า
2.ต้องรู้จักเป็นคนกตัญญู คนที่มีบุญคุณกับเราให้จำเค้าให้แม่นถ้ามีโอกาสให้ตอบแทน ชีวิตจะไม่มีวันตัน
3.อย่าดูถูกคนอื่น อย่าคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด เหนือฟ้ายังมีฟ้า ให้เรียนรู้จากคนที่เก่งกว่าหรือเก่งคนละเรื่องกับเราเสมอ
คิดเร็วๆได้แค่3ข้อ ยึดหลักพวกนี้ดำเนินชีวิตมาตลอด
เพราะพ่อคิดแบบนี้ล่ะมั้ง..พ่อถึงไม่เคยคิดอะไรล้าหลัง ไม่เคยหยุดหาความรู้ ชอบคุยกับคนเก่งๆ ไม่เคยลืมประชาชนที่รักพ่อ..ในวันที่พ่อไม่มียศหรือตำแหน่งอะไรเลย
ง่ายๆแค่นี้ถ้าจะให้เขียนทุกอย่างที่ทำให้รัก??? 555ถามผิดคนแล้ว.. โลกทั้งใบก็เขียนไม่พอ❤️ #นายกในดวงใจ

รวมทั้ง นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ หรือ แซนด์ บุตรสาว นางสาวเยาวเรศ ชินวัตร ได้ใช้กราฟิกดังกล่าว เป็นภาพประจำตัวในเครือข่ายสังคมออนไลน์ และโพสต์ข้อความ ระบุว่า

ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง รักและชื่นชมในตัวอดีตนายกฯทักษิณเพราะท่านเป็นผู้นำที่นำพาประเทศให้ผงาดในเวทีโลกได้ ให้เรารู้สึกรักและภูมิใจในประเทศไทยว่าบ้านเราก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติใดในโลกในฐานะหลานคนหนึ่ง รักและชื่นชมในตัวลุงเพราะลุงให้โอกาสและเป็นแรงบันดาลใจให้แซนด์รู้จักคิด เรียนรู้ และพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็สอนให้รู้จักรักประเทศชาติ ประชาชน และ ผู้มีพระคุณ
วันนี้จึงอยากขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้กำลังใจด้วยการเติม ก. ไก่ "นาย...ทักษิณ"
เพราะการถอดยศ นาย... ทักษิณ ทำได้ แต่ถอด "นายกฯทักษิณ" ไปจากใจประชาชน คงไม่มีวันที่จะทำได้ยศที่ประชาชนมอบให้ ถอดไม่ได้
‪#‎นายกในดวงใจ‬


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นางสาวขัตติยา สวัสดิผล ได้โพสต์กราฟิกดังกล่าว ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ พร้อมระบุว่า


ถึงต่อไปนี้...จะไม่มียศพันตำรวจโทนำหน้าชื่อของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อีกต่อไป แต่เดียร์มั่นใจว่า...จะไม่มีใครมาห้ามพวกเราให้เลิกเรียกท่านว่า “นายกทักษิณ” ไปได้ค่ะ
เดียร์ขอเป็นกำลังใจเล็กๆ ส่งไปถึงท่านนายกทักษิณ ชินวัตร และเชื่อว่าท่านจะผ่านและปล่อยวางเรื่องนี้ไปได้อย่างสวยงาม อย่างที่ท่านเคยบอกนะคะ ในฐานะของความเป็นผู้นำ เราควรจะต้องมองไปที่อนาคต ถ้ามัวแต่ไปมองอดีต คนที่เป็นผู้ตามก็จะลำบาก ท่านมีโอกาสได้อ่านหนังสือทั้งเล่มเพราะท่านได้เดินทางไปหลายประเทศทั่วโลกและรอโอกาสที่จะเอาความรู้ที่ได้มาพัฒนาประเทศไทยเรา แต่ถ้ามัวแต่ย่ำอยู่ที่เดิมก็เท่ากับเราได้อ่านหนังสือแค่หน้าเดียว เดียร์อยากจะย้ำว่า ที่ท่านเดินทางไปไหนก็ได้ทั่วโลก มีโอกาสได้พบบุคคลสำคัญต่างๆ มากมาย มันไม่ใช่เพราะยศพันตำรวจโทหรอกค่ะ แต่เพราะท่านเป็นอดีต “นายกรัฐมนตรี” ที่มีวิสัยทัศน์และมาจากระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงต่างหาก ประชาคมโลกจึงให้การยอมรับ
พูดถึงเรื่องวิสัยทัศน์ของนายกทักษิณฯ ทำให้เดียร์ย้อนคิดถึงหลายๆ นโยบายที่ท่านได้สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อประเทศชาติ คำนึงถึงผู้มีรายได้น้อยให้ได้ยกระดับชีวิตตนเอง รวมถึงการให้โอกาสเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น....
“นโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค” โดยหลักแล้ว..ความเจ็บป่วยเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ ต่อให้ตกงาน ไม่มีเงิน แต่ถึงเวลาคนมันจะป่วย...ไม่มีเงิน มันก็ต้องป่วยหล่ะค่ะ ซึ่งนโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรคนี้ ก็ทำให้คนป่วยที่ไม่มีเงินรักษามองเห็นทางที่จะมีชีวิตรอด ไม่ใช่ต้องนอนรอความตายกันอย่างเดียว
“1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์” ที่ให้คนในแต่ละตำบลนำเอาสินค้าที่เป็นจุดเด่นมาขายสร้างเป็นรายได้ ก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ แต่ละชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สร้างร้อยยิ้มกันจากกลุ่มเล็กๆ ในชุมชน
“นโยบายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง” ที่ลองให้แต่ละหมู่บ้าน/ชุมชนบริหารจัดการคน เงินทุน ทรัพยากรต่างๆ ด้วยตนเอง กำหนดอนาคตของชุมชนด้วยคุณค่าและภูมิปัญญาของตนเอง รวมถึงนโยบาย SML
“โครงการบ้านเอื้ออาทร” ที่ทำให้คนรายได้น้อยได้มีโอกาสเป็น “เจ้าของบ้าน”
“โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน หรือทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น” เพราะเชื่อว่าการศึกษาอย่างมีคุณภาพและเสมอภาคจะเป็นรากฐานสำคัญในการแก้ไขปัญหาความยากจนของประเทศ
ยังมีอีกหลายนโยบายที่เดียร์ไม่ได้กล่าวถึง แต่เชื่อว่าที่ผ่านๆ มา มันได้สร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากมาย ยิ่งนึกถึงก็ทำให้ยิ่งย้ำว่า...ท่านนายกทักษิณฯ พยายามใช้ความรู้และความคิดของท่านเพื่อพัฒนาและนำพาประเทศไปสู่อนาคตมากกว่าที่จะจมปลักอยู่กับอดีตเดิมๆ
คนบางกลุ่มอาจจะถอดยศพันตำรวจโทจาก ดร. ทักษิณ ชินวัตร โดยใช้มาตรา 44 นั่นก็เอาตามที่เขาสบายใจเลยละกันนะคะ แต่หากจะถอดท่านจากความเป็นนายกทักษิณ....เดียร์รบกวนให้ทำประชามติก่อนนะคะ ว่าประชาชนส่วนใหญ่เขายอมหรือไม่?
‪#‎นายกในดวงใจ‬

ขณะที่ ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี ได้โพสต์กราฟิกดังกล่าว ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ พร้อมระบุว่า


ชื่อนั้นสำคัญไฉน
เมื่อ พล.อ. Colin L. Powell มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ นักข่าวได้ถามท่านว่า จะให้เรียกชื่อ (address) ท่านว่าอย่างไร ท่านก็ตอบว่า ให้เรียก Mr. Secretary (ท่านรัฐมนตรีต่างประเทศ) และท่านยังย้ำว่า ไม่ต้องเรียก General (พลเอก) เพราะท่านไม่ได้เป็นแล้ว แต่ถ้าหากจะพูดถึงชีวประวัติของท่านตอนสงครามอิรัก ซึ่งท่านดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะเสนาธิการผสม (Joint Cheif of Staff : เทียบเท่า ผบ.สูงสุดของเรา) ก็เรียก พลเอก ได้
ย้อนไปปี พ.ศ.2496 เมื่อ พล.อ. (ยศจอมพล) Dwight D. Eisenhower เป็นประธานาธิบดีคนที่ 34 ของประเทศสหรัฐฯ ทำเนียบขาวก็ได้ประกาศการเรียกขานประธานาธิบดีอันเป็นธรรมเนียมที่ Gen.Colin L. Powell นำมาปฎิบัติตาม แต่จะสังเกตว่า เมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สองระหว่างสัมพันธมิตร กับ กลุ่มอักษะ การพูดถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตร เขาก็จะเรียกว่า พลเอก Dwight D. Eisenhower The Supreme Commander เพราะเป็นตำแหน่งของท่านจริงๆในขณะนั้น จะลืม จะถอดกันไม่ได้
ทั้งหมดที่เล่ามานี้ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของต่างประเทศ ซึ่งผมเห็นว่า เป็นสิ่งที่ดีมีเหตุผล
สำหรับอดีตนายกทักษิณ นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย ผมคิดว่า หากใครจะพูดอะไรเกี่ยวกับท่าน ในช่วงนั้นก็ควร อย่างยิ่งที่จะเรียกท่านว่า "นายกฯ" เมื่อท่านพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแล้ว หากใครยังคงจะเรียกท่านว่า ท่านนายกทักษิณอยู่ต่อไปก็สามารถทำได้ ตัวอย่างเช่นเดียวกับการเรียกอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษ เป็นต้น
ดังนั้น กรณีการถอดยศของท่านนายกทักษิณ ครั้งนี้ ผมคิดว่า ท่านคงจะไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพราะท่านเรียนในต่างประเทศ ทำงาน และ อยู่ในสังคมต่างประเทศมานาน แต่หากมีคนมาถามผมว่า หากใครมาพูดถึงท่านตอนท่านยังทำงานเป็นตำรวจอยู่ จะเรียกท่านเหมือนเดิมได้ไหม คำตอบคือ ได้ครับ เพราะตอนนั้นท่านเป็นตำรวจซึ่งใช้ยศ พ.ต.ท. จริงๆ แก้ประวัติอย่างไรก็แก้ไม่ได้ และหากมีใครมาถามผมว่า แล้วตอนนี้จะเรียกท่านอย่างไรดี ผมก็คงจะตอบว่า เรียกนายกซิครับ เพราะท่านเคยเป็นจริงๆ เปลี่ยนประวัติศาสตร์ไม่ได้เช่นกัน แต่สำหรับผู้ที่อยากจะเรียกอย่างอื่น เช่น นาย หรือ ดร. ก็เป็นสิทธิของท่านไม่ใช่ปัญหาอะไร
ในช่วงปี พ.ศ. 2544-2549 ประเทศไทยมีชื่อเสียงเป็นเสือตัวที่6ของเอเชีย ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับของสังคมโลก ประชาชนมีกินมีใช้ เศรษฐกิจรุ่งเรืองเจริญก้าวหน้า ใครปฏิเสธก็ไม่ได้ว่า ท่านนายกทักษิณ เป็นผู้ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ แน่นอนอาจมีคนไม่ชอบไม่ถูกใจได้ แต่ความดีและประโยชน์ที่เกิดขึ้น จะลืมกันดื้อๆเลยหรือ อย่าเอาแต่ความเกลียดชังมาเป็นผงเข้าตาจนมองอะไรเลวไปเสียหมด
สำหรับผมในอดีตสมัยที่เป็นข้าราชการประจำ ผมก็เรียกท่านว่า ท่านนายก เมื่อมาเป็นข้าราชการการเมือง ผมก็เรียกท่านว่า ท่านนายก ตอนเป็นประชาชนธรรมดา ผมก็เรียกท่านว่า ท่านนายก วันหน้าไม่ว่าผมเป็นอะไร และ ท่านจะเป็นอะไร ผมก็คงเรียกท่านเช่นเดิมว่า ท่านนายก แน่นอน
เรียกอีกทีเดี๋ยวนี้ก็ได้ ท่านนายกทักษิณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น