วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

"สมยศ" รับเหตุระเบิดราชประสงค์ โยงทางการไทยส่งอุยกูร์กลับจีน


วันนี้ (วันที่ 15 กันยายน 2558) พลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทีมงาน จะเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อประสานงานกรณีที่ตำรวจมาเลเซียควบคุมตัว 3 ผู้ต้องสงสัยที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดสี่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ว่า จากข้อมูลที่ได้รับการประสาน น่าจะเป็นกลุ่มบุคคลที่มีส่วนสนับสนุนในการหลบหนีหรือให้คำปรึกษากับขบวนการวางระเบิด

ซึ่งที่ผ่านมาได้โทรศัพท์พูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซียโดยตลอดและมีสัมพันธ์อันดีกันมายาวนานโดยการเดินทางของพลตำรวจเอกจักรทิพย์ครั้งนี้จะมีการแลกเปลี่ยนรายละเอียดเกี่ยวกับคดีระเบิด และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะมีการนำตัวบุคคลทั้ง 3 กลับมาที่ไทยด้วยหรือไม่ แต่จะเป็นการเดินทางไปเพียงวันเดียว

พร้อมกันนี้ พลตำรวจเอกสมยศ ยังกล่าวถึงความคืบในการประสานกับสถานทูตในประเทศต่างๆที่มีข้อมูลว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ไทยออกหมายจับในคดีระเบิดเดินทางผ่าน ว่า ได้มีประสานขอข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นประเทศ บังคลาเทศ ปากีสถาน และตุรกี ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนกรณีที่ทางการตุรกี ปฏิเสธว่าไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้าประเทศ ของนายอิซาน ก็จะเดินหน้าหาข้อมูล กับประเทศต่างๆ ต่อไป

ทั้งนี้ พลตำรวจเอกสมยศ ยอมรับว่า สาเหตุของการระเบิดสี่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทรเหตุเกิดจาการที่ทางการไทยไปทำลายให้ธุรกิจผิดกฎหมายการของขบวนการค้ามนุษย์ต่างชาติ ที่ถูกขัดขวาง จึงทำให้เกิดความโกรธเคือง รวมถึงประเด็นที่ทางการไทยส่งตัว ชาวอุยกูร์ 109 คนกลับประเทศจีน แต่ทั้งหมดไทยจำเป็นต้องทำตามกฎหมาย และประเด็นนี้มีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับ การบุกทำลายสถานทูตไทยประจำตุรกี ส่วนจะเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุเดียวกันหรือไม่ ยังไม่สามารถยืนยันได้

ส่วนพยานซึ่งเป็นหญิงวัย 40 ปี ที่ เจ้าหน้าที่เชิญตัวไปสอบสวน หลังค้นห้องพักย่านหอการค้า โดยให้การเป็นประโยชน์ว่า เป็นคนเรียกรถแท็กซี่ ให้ชายเสื้อฟ้า มือวางระเบิดท่าเรือสาทรหลบหนี ผบ.ตร. กล่าวว่า ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การดังกล่าว รวมทั้งกรณีทนายความของนายอาเดม คาราดัก ออกมาปฏิเสธว่า นายอาเดม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด ซึ่งตำรวจไม่เชื่อ เพราะเป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องหาจะให้การ มั่นใจหลักฐานเอาผิดผู้ต้องหาได้ ไม่เช่นนั้นศาลไม่อนุมัติหมายจับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น