วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2559

ค้านยึดทรัพย์ “ยิ่งลักษณ์” เพื่อไทยเตือนกระทบความเชื่อมั่นประเทศ


นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน แสดงความเห็นกรณีใช้ ม.44 ให้อำนาจกรมบังคับคดียึดทรัพย์ในความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าว ว่า ขอให้ผู้เกี่ยวข้องไตร่ตรองให้รอบคอบจาก ข้อสังเกต ดังนี้

1. ปกติกรมบังคับคดีจะยึดทรัพย์ผู้ใด จะดำเนินการตามคำพิพากษาของศาล การจะให้กรมบังคับคดีดำเนินการนอกเหนือจากนี้ ควรไตร่ตรองให้รอบคอบว่าควรหรือไม่ควร?

2. กฎหมายรัฐธรรมนูญทุก ฉบับบัญญัติถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนคนไทยทุกคนย่อมได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย โดยเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติ (รัฐธรรมนูญปี 2550 ม.29 / รัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ ปี 2559 ม.27) กรณีนี้เป็นการเลือกปฏิบัติกับ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยเฉพาะหรือไม่?
     
3. อย่าลืมว่า เมื่อครั้งรัฐบาล ตัดสินใจว่าจะเลือกใช้วิธีใดในการเรียกค่าเสียหายจากคดีโครงการรับจำนำข้าว ระหว่างฟ้องต่อศาลยุติธรรมเป็นคดีแพ่ง กับใช้คำสั่งทางปกครอง ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาก็เรียกร้องให้ใช้วิธีฟ้องเป็นคดีแพ่งทางศาล เพราะจะได้รับความเชื่อถือมากกว่า แต่รัฐบาลกลับเลือกใช้วิธีออกคำสั่งทางปกครอง ซึ่งอยู่ในอำนาจของฝ่ายบริหาร แม้จะใช้วิธีออกคำสั่งทางปกครอง ซึ่งอยู่ในอำนาจของ ฝ่ายบริหารดังกล่าว ปรากฎว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ก็ยังไม่ได้ลงนามในคำสั่งทางปกครอง อันเป็นข้อพิรุธว่ากระบวนการในการตรวจสอบความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว มีมาตรฐาน ถูกต้อง ชอบธรรม หรือไม่ อย่างไร?
     
4.ในคดีอาญา ยังอยู่ในชั้นไต่สวนพยาน ศาลยังมิได้มีคำพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดฐานทุจริตตามข้อกล่าวหา โดยหลักของความเป็นจริง ฝ่ายบริหารจะใช้ฐานความผิดใดมาเรียกค่าเสียหายจากจำเลย?

จากข้อสังเกตดังกล่าว ตนเห็นว่า การดำเนินการกับผู้ถูกกล่าวหาที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม ไม่เป็นผลดีต่อการ สร้างความเชื่อมั่นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งหลายที่ต้องการเห็นมาตรฐานทางกฎหมายว่าประเทศไทยจะปฏิสัมพันธ์กับสากลเหมือนนานา
อารยประเทศ หรือไม่? อย่างไร?
       
จึงขอให้ผู้เกี่ยวข้องไตร่ตรองให้รอบคอบอีกครั้ง เพราะ การดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมปกติจะได้รับการยอมรับโดยทั่วไปเป็นผลดีต่อภาพพจน์ของประเทศที่ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประชาคมโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น