วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559

“พานทองแท้” ชี้ช่วยชาวนาถูกไล่บี้ แนะ ป.ป.ช.-กกต.ควรเป็นกลาง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย อดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์โดยมีเนื้อหาดังนี้

"เผาบ้านทั้งหลัง เพื่อจับหนูตัวเดียว" เริ่มปรากฏภาพให้เห็นชัดเจนขึ้นทุกทีๆ แล้วครับ

คุณพ่อผมเคยกล่าวไว้ว่า หากต้องการกำจัดกันให้พ้นทาง ก็แค่เขียนกฎหมายว่า "ห้ามคนในตระกูลชินวัตร ลงเล่นการเมือง" เท่านี้ก็สิ้นเรื่อง ไม่ถึงขั้นต้องมาล้างกันเจ็ดชั่วโคตร ไม่จำเป็นต้องหาเหตุ 2 มาตรฐานต่างๆ นานา จนกระทั่งภาพลักษณ์ประเทศตกต่ำไปถึงเพียงนี้หรอก

องค์กรอิสระที่ต้องดำรงตนให้เป็นกลาง ควรที่จะเป็นหลักให้กับประเทศ กลับถูกใช้เป็นเครื่องมือทำลายล้างผู้อื่น เพื่อให้บรรลุสิ่งที่ตัวเองต้องการ อาจมีผลในการกำจัดคนที่ตนเองไม่ต้องการให้ออกไปพ้นทางได้ แต่มาตรฐานความเชื่อมั่นของประเทศต้องตกต่ำไปอีกหลายสิบปี กลายเป็นประเทศที่ตั้งศาลเตี้ยเอาเอง เอะอะอะไรก็ใช้อำนาจพิเศษ เอะอะอะไรก็ใช้องค์กรอิสระในการทำลายผู้อื่น แบบนี้สังคมโลกเขาไม่ยอมรับหรอกครับ

กกต.ของไทย โดนผู้บริหารระดับสูงของตนทำลายความเชื่อมั่นจากสังคมไปแล้วองค์กรหนึ่ง แทนที่จะเป็นกลางในการควบคุมการเลือกตั้ง เพื่อสรรหาคนมาบริหารประเทศตามระบอบประชาธิปไตย กลับประกาศตัวชัดเจนว่าตนไม่เป็นกลาง ขอเอียงข้างและมักจะออกไปร่วมงานคบหาสมาคมกับพรรคการเมืองขั้วหนึ่งอย่างชัดเจน

ล่าสุด ปปช. ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย กลับโดนจัดอยู่ในอันดับที่ 12 รั้งท้ายขององค์กรหลักในการต่อต้านการคอร์รัปชันของประเทศในเอเชีย ถูกประเมิน (น่าจะเรียกว่า "ประณาม" มากกว่า) ให้อยู่ในกลุ่มที่ "โดนโห่ไล่" หรือกลุ่ม Boo.....

(ข้อมูล: เปิดรายงานPERC ฉบับเต็ม! ทำไมถึงให้คะแนนเสียง "Boo-โห่ไล่" ปปช.)
http://www.isranews.org/isranews-article/item/32625-pcc_32625.html

สาเหตุที่ ปปช. ของไทยมีภาพลักษณ์ที่ตกต่ำอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นนี้ ถูกระบุว่าเกิดมาจาก

1. ปปช. เป็นองค์กรต้านคอร์รัปชัน ที่ถูกรัฐบาลทหารนำมาใช้ต่อสู้ทางการเมือง ไม่ได้ใช้เพื่อต่อสู้กับการคอร์รัปชันอย่างจริงจัง

2. ปปช. ไม่มีการต่อสู้กับการคอร์รัปชันอย่างเป็นระบบ ปัญหาคอร์รัปชันในไทยยังคงอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนมือผู้รับประโยชน์จากการคอร์รัปชันเท่านั้น

3. สุดท้ายรายงานดังกล่าวยังระบุอีกว่า หลายปีที่ผ่านมา ปปช. ละเลยคดีทุจริตคอร์รัปชันร้ายแรงของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ความน่าเชื่อถือขององค์กรลดน้อยถอยลง...

หลังจากอ่านบทความของ PERC ฉบับนี้แล้ว จะเห็นภาพที่สอดคล้องกับหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ว่าเหตุใดคดีบางคดีที่สร้างความเสียหายให้ประเทศชาติหลายแสนล้าน จึงอืดเป็นเรือเกลือ ลากกันไปจนหมดอายุความ แต่เหตุการณ์อย่างเช่นโครงการรับจำนำข้าว ทั้งๆ ที่เงินทั้งหมดตกไปอยู่ในมือชาวนา แต่ทำไมคนซึ่งกำกับนโยบาย จึงถูกไล่บี้เอาผิดอย่างเอาเป็นเอาตายให้ได้

หาก ปปช. ยังไม่สามารถกู้ภาพลักษณ์ขององค์กรอิสระของไทย และยังคงอยู่ในกลุ่ม "โดนโห่ไล่" จากนานาอารยประเทศแบบนี้ ความเชื่อมั่นทางด้านต่างๆ ของไทยบนเวทีโลก ทั้งด้านการค้าระหว่างประเทศและการลงทุน ย่อมถูกผลกระทบไปด้วย ซึ่งก็จะสะท้อนกลับมากระทบกระเทือนในทุกระดับ จนกระทั่งถึงปัญหาปากท้องของชาวบ้านในที่สุด

สุดท้ายขอตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า หากการทุจริตคอร์รัปชันของไทยมิได้ลดลง เพียงแต่เปลี่ยนมือผู้รับผลประโยชน์จากกลุ่มหนึ่งเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง เป็นความจริงตามที่รายงานดังกล่าวระบุไว้

"การเอาคนที่ ปปช. ไม่กล้าตรวจสอบมาอยู่ใกล้อำนาจ ใกล้ผลประโยชน์ เป็นอันตรายมากกว่าคนที่ ปปช. จ้องจะเอาผิดอยู่หลายเท่าตัวครับ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น