คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เผยแพร่ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEge_1FXLMMLPre5211giwYAp8QXf2YBelxh-GilJx9-01nVkOk7kJ1PfvsOxuJEq3zgWP1Z3ltYrcUHC-aThS5dBs-NWT7lncefF_7tJ7ldp1REE8rKK4gfiDyAcHbwTBedInl_w-HgmBM/w640-h360/%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2+%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%259A+64_%25E0%25B9%2592%25E0%25B9%2590%25E0%25B9%2590%25E0%25B9%2598%25E0%25B9%2591%25E0%25B9%2590_56.jpg)
มาตรการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หรือ ศบศ. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศโดยแจกเงิน 3,000 บาท ให้คนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 15 ล้านคน ให้เวลาใช้ 3 เดือนโดยกำหนดให้ใช้วันละ 100-250 บาท ผ่านร้านค้าที่ขึ้นทะเบียน ทำให้ดิฉันมีความเป็นห่วงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้น
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2563 รัฐบาลได้ออก พรก. กู้เงินจำนวน 1.0 ล้านล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งนับเป็นการกู้เงินจำนวนมากที่สุดของประเทศ แต่จนถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 5 เดือน รัฐบาลก็ยังคงวนเวียนกับการแจกเงินแบบที่เคยทำมาก่อนเกิดโควิด และทำมาตลอด 6 ปีกว่าที่พลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี แปลว่ารัฐบาลยังคิดมาตรการอื่นที่ดีกว่าการแจกเงินไม่ออก ปัญหาคือจะมีปัญญาแจกเงินไปได้อีกนานเท่าไร
ผลของความล้มเหลวของการแจกเงิน ดังกล่าวแสดงออกมาในรูปของการจัดเก็บภาษี ปรากฏว่าสิ้นสุดเดือนกรกฎาคม 2563 รัฐบาลจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าประมาณการถึง 267,810 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีงบประมาณ 2563 การจัดเก็บภาษีอากรน่าจะติดลบเกินกว่า 300,000 ล้านบาท แสดงว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่กู้เงินมาใช้เงินอย่างมโหฬารไม่ได้ผล คาดว่าสิ้นปีงบประมาณ 2564 หนี้สาธารณะจะสูงเกินร้อยละ 60 ที่เป็นกรอบความยั่งยืนทางการคลังซึ่งจะทำให้รัฐบาลก่อหนี้ไม่ได้อีก แปลว่ารัฐบาลประยุทธ์จะล้มละลายทางการคลัง ความหายนะจะบังเกิดกับประชาชน
ความน่าเป็นห่วงของมาตรการแจกเงินครั้งนี้คือ เงินที่แจกที่มาจากการกู้และเป็นหนี้ที่ประชาชนต้องชดใช้ซึ่งกว่าจะใช้หนี้หมดคงใช้เวลาเกือบ 100 ปี แต่จะไม่เกิดประโยชน์กับผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยหรือเอสเอ็มอี เพราะรัฐบาลไม่ได้มีมาตรการอะไรที่จะทำให้พ่อค้าแม่ค้ารายเล็กรายน้อยได้ประโยชน์จากเงินที่แจก โดยทำกระบวนการแจกยุ่งยากต้องใช้ผ่านแอ๊พ ซึ่งเอื้อกิจการรายใหญ่ทั้งสิ้น ถ้าคิดจะแจกให้คนจนได้ประโยชน์ก็แจกเป็น "เงินสด" เลยดีกว่า
ส่วนที่รัฐบาลคิดว่าคนไทยไม่มีกำลังซื้อจึงต้องแจกเงินแล้วทำไมจึงคิดว่าพ่อค้าแม่ค้าที่หมดตัวไปแล้วยังมีทุนไปซื้อของมาขายเพื่อรับเงินที่รัฐบาลแจกคน 15 ล้านคน ผลคือเงินที่กู้มาแจกจะไหลไปสู่กระเป๋าเจ้าสัวเพียงไม่กี่รายทำให้ความเหลื่อมล้ำมากขึ้นไปอีก
“กู้เงินมาแจก ก็ยังแจกไม่เป็น”
ปัญหาของรัฐบาลนี้คือการที่นายกมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แต่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจ และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่มีความจริงใจต่อประชาชน คิดแต่จะอุ้มคนรวย โดยอ้างคนจนบังหน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น