วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

"นรวิชญ์" สอน "ไก่อู" หยุดพูดล้ำเส้นคดีจำนำข้าว


วันนี้ (15 ตุลาคม 2558) นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาดังนี้

เห็นข่าวพล.ต.สรรเสริญฯ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการคัดค้านการดำเนินการเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวด้วยการออกคำสั่งทางปกครองของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้นเกรงว่า พล.ต.สรรเสริญฯ จะไม่รู้ระเบียบ กติกาการสอบสวนไม่ควรพูดเรื่องคดี

วันนี้ตนเห็น พล.ต.สรรเสริญฯ ออกมาแก้ตัวในลักษณะชี้แจงแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แทนที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นฝ่ายตอบชี้แจงจดหมายเปิดผนึกและหนังสือขอความเป็นธรรมของน.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ในเรื่องที่ขอความเป็นธรรม ตนจึงขอตั้งข้อสังเกตว่าตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่มีหน้าที่ไปตอบเรื่องการทำหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด

ส่วนที่ พล.ต.สรรเสริญฯ ออกมายอมรับเรื่องความมีส่วนได้เสียที่ พล.อ.ประยุทธ์ฯ เป็นผู้ตั้งกรรมการฯชุดนี้นั้นก็พอฟังได้ แต่ควรเป็นหน้าที่ที่คณะกรรมการฯจะชี้แจงเอง เพราะ

1.พล.ต.สรรเสริญฯ เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นทหารมาตลอดก่อนแถลงอาจไม่ได้ศึกษาระเบียบว่าด้วยการสอบสวนว่าเขามีกติกา และวิธีการอย่างไรจึงออกมาพูดโดยไม่รู้เรื่อง และมีท่วงทำนองดูหมิ่นดูแคลนในลักษณะดูถูกบุคคลที่เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งถือว่าเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาว่า "ท่านอธิบายความแล้วคนฟังไม่เข้าใจเลยเขียนตอบเป็นเอกสาร" ซึ่งก็อยากจะอธิบายให้ท่านโฆษกฯเข้าใจและรู้ความจริง ในเรื่องนี้ว่า

คณะกรรมการสอบสวนจำนวนไม่น้อยกว่า 3 คนตั้งแต่ตัวประธาน ท่านอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ก็ได้คัดค้านว่า เป็นผู้แทนของหน่วยงานที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ในโครงการรับจำนำข้าว ย่อมจะสอบสวนให้หน่วยงานตนพ้นความรับผิดแบบปัดสวะบุคคลเหล่านั้น ทางกฎหมายเขาถือว่ามีส่วนได้เสีย อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ท่านเลยคัดค้านขอให้เปลี่ยนตัวกรรมการถึงพล.อ.ประยุทธ์ฯ ซึ่งได้คัดค้านไปหลายครั้งแล้ว แต่พล.อ.ประยุทธ์ฯ ก็ไม่ตอบ ไม่สนใจ ไม่นำพา เรื่องอย่างนี้พล.ต.สรรเสริญฯ รู้หรือไม่ หรือแกล้งไม่รู้ เพื่อปกป้องใครจนบัดนี้หนังสือที่อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์คัดค้าน พล.อ.ประยุทธ์ฯ ก็ยังไม่ตอบทั้งๆที่ควรตอบว่าทำไมไม่เปลี่ยน แต่ดูท่าทีจากฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลดูจะเร่งรีบจนเกินไป

2. การตอบเป็นหนังสือและการถามเป็นหนังสือก็ถือเป็นสิทธิตามกฎหมายและระเบียบให้ที่กระทำได้ ในขณะที่คัดค้านกรรมการอยู่กรรมการจะสอบในฐานะอะไร เมื่อกรรมการตอบมาว่าจะสอบอดีตนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้เกี่ยวข้อง ฝ่ายกฎหมายเห็นว่าในขณะที่ยังคัดค้านตัวกรรมการอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ฯ ก็ยังไม่พิจารณา จึงเห็นควรทำการตอบตามประเด็นต่างๆเป็นหนังสือตามที่คณะกรรมการอยากรู้และส่งคำให้การที่ได้ให้การไว้ในคดีอาญา พร้อมแนวทางการสอบสวนพยานของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ในแต่ละประเด็นว่า พยานบุคคลท่านใดจะพูดอะไร คณะกรรมการมีความเข้าใจคงไม่ใช่อย่างที่ท่านโฆษกฯมาตอบแทนคณะกรรมการ โดยไม่สมควร และจะทำให้เสียความเป็นธรรมต่ออดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ได้

อยากขอเรียนว่าอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์มีหนังสือขอความเป็นธรรมถึงนายกฯประยุทธ์หลายฉบับแต่ถูกกรมบัญชีกลางเก็บเรื่องไว้หมด จนวันนี้ยังไม่ตอบแม้ฉบับเดียว ไหนคุยนักคุยหนาว่ารัฐบาลนี้มีกฎหมายอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ปัจจุบันอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์เป็นประชาชนคนหนึ่งได้ทำหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรี แต่ไม่เคยตอบว่าได้ดำเนินการอย่างไรถึงไหน เมื่อไหร่เสร็จ จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทางท่านอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ต้องทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี

ในฐานะทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์ขอบอกว่าท่านโฆษกต้องระวังว่า นอกจากนายกรัฐมนตรีจะไม่ตอบและไม่ชี้แจงเรื่องที่อดีตนายกทำหนังสื่อคัดค้านแล้ว นายกรัฐมนตรียังไปพูด และให้สัมภาษณ์เรื่องการสอบสวนคดีนี้ไว้ที่ไหนอย่างไรบ้าง ทีมทนายเก็บหลักฐานไว้แล้ว วันหนึ่งในเวลาที่เหมาะสมอาจจะเอาออกมาแสดงให้คนทั้งประเทศให้ได้ดู วันนั้นท่านโฆษกฯคงตอบแทนไม่ได้

3. ประการสุดท้ายตนขอตั้งข้อสังเกต และแสดงความหนักใจกับวิธีการทำงานของคณะกรรมการสอบสวน ที่อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์คัดค้านคือไม่ดูความเหมาะสมของวันเวลาที่สอบสวนในลักษณะทำงานตามอำเภอใจ คืออยากจะกำหนดวันนัดวันไหนก็นัด ไม่ปรึกษาหารือวันนัดหมายและนัดก็มีลักษณะเชิงบังคับ ซึ่งพยานแต่ละคนมีเหตุจำเป็นก็ไม่ฟังเหตุฟังผลตัดพยานทันที เช่น พยานรายนายกิตติรัตน์ ณ.ระนอง เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังติดกิจธุระก็ไม่ยอมถ้าไม่ทำหนังสือให้ทบทวนก็ไม่ยอมให้เข้าพูด

ล่าสุดวันนี้วันที่ 15 ตุลาคม 2558 พออดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีว่าคณะกรรมการเร่งรีบไม่ให้โอกาสชี้แจงข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานตามควรตามระเบียบการสอบสวนข้อที่ 15 ตนต้องขอบอกท่านโฆษกฯให้รู้ระเบียบข้อนี้ ตนตกใจมากว่าในวันเดียวกันกับที่อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ยื่นจดหมายเปิดผนึกตกเย็นๆ เลขาคณะกรรมการสอบสวนโทรมานัดหมายจะขอสอบพยานบุคคลรวม 7 ปากในวันเดียวกันการกระทำอย่างนี้กรรมการตั้งใจหาความจริง หรือทำแบบขอไปทีว่ากรรมการก็ได้ให้โอกาสชี้แจงแล้ว แต่ไม่มาเองการนัดหมายไม่หารือ หรือปรึกษาว่าพยานแต่ละท่านจะว่าง หรือติดกิจธุระอะไรหรือไม่ อีกหน่อย พล.ต.สรรเสริญฯ ก็จะออกมาพูดอีกว่าเห็นไหมเลื่อนอีกแล้ว ถ่วงเวลาอีกแล้ว ซึ่งตนขอยืนยันในฐานะทนายความว่า ทำกันตรงไปตรงมาเราไม่เคยกลัวและคิดจะถ่วงเวลาอะไร ยกตัวอย่างการทำหน้าที่ของป.ป.ช.ในคดีนี้ที่ผ่านมาเร่งรีบพอมาถึงศาลต้องเป็นภาระให้อัยการต้องมาเพิ่มพยานบุคคลร่วม10 ปาก พยานเอกสารอีกหก หมื่นกว่าฉบับ จนทำให้เป็นปัญหาจนถึงวันนี้

ทั้งนี้ตนเห็นว่าเวลาที่สมควรและเหมาะสมตามเนื้อหาแห่งคดีต้องนำมาพิจารณาด้วย และขอตั้งข้อสังเกต ว่าการรีบเร่งครั้งนี้มีนัยสำคัญในทางเป็นประโยชน์ต่อคดีอาญา ต้องการเร่งรีบเอาผลสอบสวนคดีแพ่งไปเติมให้คดีอาญา เพราะขณะนี้ทางอัยการได้ยื่นบัญชีระบุพยานเกี่ยวกับผลการสอบสวนคดีแพ่งไว้ล่วงหน้าแล้ว ทั้งที่ผลสอบยังไม่รู้ผล ตนจึงจำเป็นต้องตั้งข้อสังเกตให้สังคมรับรู้ในข้อเท็จจริงอีกมุมหนึ่งด้วยว่าที่ผ่านมาประเด็นความเสียหาย ป.ป.ช.ได้แต่แถลง แต่ในสำนวนไม่มีประเด็นความเสียหายจึงจะเอาผลทางคดีแพ่งไปเติมนี่คือความจริงที่ต้องพูดกัน และเป็นเรื่องที่ท่านโฆษกรัฐบาลอาจไม่รู้ แต่ไม่ควรต้องมาพูดชี้แจงแทนคณะกรรมการสอบสวนซึ่งไม่ถูกกาลเทศะ และไม่ใช่หน้าที่ของตนเอง ที่สำคัญคือคดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล โฆษกรัฐบาลมายืนยันได้อย่างไรว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีทำผิด ดูจะไม่ถูกต้อง ต้องระมัดระวังคำพูดด้วย แต่พอเข้าใจได้ว่าท่านทำหน้าที่โฆษกฯที่ไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น