"โอ๊ค...เหยื่อรายล่าสุด"
เดือนธันวาคม 2546 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) อนุมัติเงินกู้จำนวน 9,900 ล้านบาทให้กับบริษัทในเครือกฤษดามหานคร ซึ่ง คตส. เห็นว่าเป็นความผิดจึงได้มีการดำเนินคดีและศาลฎีกาได้พิพากษาลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง เงินจำนวน 9,900 ล้านบาทจึงถือเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดและถูกโยงมาเกี่ยวข้องกับโอ๊คหรือพานทองแท้ โดยนายรัชดา กฤษดาธานนท์ ซึ่งเป็นเพื่อนมีความประสงค์จะร่วมลงทุนทำธุรกิจนำเข้ารถสปอร์ต ต่อมาเดือนพฤษภาคม 2547 นายรัชดาฯ ได้นำเช็คของบิดาคือนายวิชัยฯ มามอบให้โอ๊คเพื่อร่วมลงทุนจำนวน 10 ล้านบาท แต่เนื่องจากการนำเข้ารถมีขั้นตอนยุ่งยากมากทั้งสองฝ่ายจึงตกลงยกเลิก โอ๊คจึงได้จ่ายเช็ค 10 ล้านบาท คืนให้นายวิชัยฯ ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2548
คตส. เห็นว่าเงินจำนวน 10 ล้านบาทเป็นสินบนที่จ่ายตอบแทนการอนุมัติเงินกู้จึงถือเป็นการรับของโจร อีกทั้งการจ่ายเช็คยังถือเป็นการโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินเพื่อซุกซ่อน หรือปกปิดแหล่งที่มาของเงินจำนวน 9,900 ล้านบาท จึงเป็นความผิดฐานฟอกเงินอีกด้วย แต่ผมเห็นว่าโอ๊คไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด เนื่องจาก (1) หากเป็นสินบนหรือฟอกเงินเหตุใดจึงเพิ่งมาจ่ายหลังจากได้รับอนุมัติเงินกู้ถึง 6 เดือน (2) สินบนหรือฟอกเงินเป็นธุรกรรมที่ผิดกฎหมายไม่มีใครรับเงินเป็นเช็คให้มีหลักฐานและไม่มีเหตุผลที่โอ๊คต้องจ่ายคืน (3) เวลาที่โอ๊คจ่ายคืนในเดือนพฤษภาคม 2548 เป็นช่วงที่นายกทักษิณอยู่ในอำนาจและเป็นการคืนเองไม่ได้คืนเพราะมีการตรวจสอบ (4) การลงทุนและการจ่ายคืนทำเป็นเช็คเพื่อต้องการให้มีหลักฐาน (5) เงินจำนวน 10 ล้านบาท เท่ากับ 0.1% ของ 9,900 ล้านบาท หากเป็นสินบนหรือฟอกเงินถือว่าน้อยมากไม่สมเหตุผลทั้งยังจ่ายคืนไปแล้ว จึงไม่มีทางเป็นสินบนหรือฟอกเงินได้เลย (6) เงินจากบัญชีของนายวิชัยฯ ยังถูกจ่ายให้อีกหลายบุคคลและหลายองค์กร มีทั้งที่เป็นทหารระดับนายพลรวมถึงยังบริจาคให้กับมูลนิธิรัฐบุรุษ เหตุใดจึงเลือกดำเนินคดีเพียงโอ๊คคนเดียว
เรื่องนี้ถ้าว่าไปตามพยานหลักฐานไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องก็จะไม่เป็นคดีมาแต่แรก แต่เมื่อเป็นการเมืองทั้งยังเกิดขึ้นหลังการยึดอำนาจ คดีของโอ๊คจึงน่าเป็นห่วงและไม่แปลกที่จะเป็นชินวัตรรายล่าสุดที่ตกเป็นเหยื่อ
วัฒนา เมืองสุข
สมาชิกพรรคเพื่อไทย
10 กันยายน 2560
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น