วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

‘สุดารัตน์’ ขอพรรคการเมืองร่วมโหวตตั้ง สสร. แก้รัฐธรรมนูญ

‘สุดารัตน์’ ขอพรรคการเมืองร่วมโหวตตั้ง สสร. แก้รัฐธรรมนูญ ขจัดปัญหาความเหลื่อมล้ำและการใช้อำนาจไม่เป็นธรรม จวกรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ อย่ามัวแต่ใช้คำหรือโทษคนอื่น ต้องระดมกำลังแก้ไขจริงจัง


คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ยื่นญัตติเพื่อบรรจุและพิจารณาในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ โดยพรรคจะเข้าไปชี้แจงเหตุผลเพื่อขอการตัดสินใจ และตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) โดยเลือกตั้งบุคคลผู้มีความเชี่ยวชาญแต่ละวิชาชีพมาเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศแก้ไขรัฐธรรมนูญใน สสร. ส่วนตัวเห็นว่าถ้าปลดล็อก ม.256 ได้ก็จะสามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ ถ้าทุกพรรคที่ให้คำมั่นสัญญากับประชาชนหรือเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องแก้ไขเพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมและการใช้อำนาจรัฐ ก็มาร่วมกันโหวตเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ส่วนกรณีของ ครม.เศรษฐกิจ ที่มีมติจำกัดราคารถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อเที่ยวไม่เกิน 150 บาท คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ควรมีการศึกษาเพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชน เอกชนผู้ลงทุนได้ความเป็นธรรมและรัฐไม่เสียประโยชน์ แต่ส่วนตัวยังไม่เห็นด้วยกับกรณีนี้ อยากให้ศึกษาให้รอบคอบกว่านี้เพื่อหาทางออกที่ประชาชนไม่ต้องรับภาระค่าโดยสารที่แพงเกินไป และไม่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนจนประเทศเสียประโยชน์

นอกจากนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึง กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้ใช้คำว่าเศรษฐกิจถดถอย แต่เป็นเศรษฐกิจเติบโตช้าลง ว่า “ปัญหาเศรษฐกิจไม่สามารถแก้ได้โดยการใช้คำ และที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีก็ใช้คำให้เกิดความสับสน บอกว่าปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาที่นักการเมืองสร้างมาบ้าง หรือเกิดจากเศรษฐกิจโลกบ้าง แต่ยอมรับไหมว่านโยบาย 5 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล คสช. ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำสูงและไปอุ้มนายทุนขนาดใหญ่ ประชาชนตัวเล็กๆ และ SME ถูกทอดทิ้งและไม่ได้รับการสนับสนุน ดังนั้นจึงไม่สำคัญว่าจะเรียกว่าอะไร แต่สำคัญว่าจะแก้ปัญหาได้ไหม?
ตนไม่เห็นภาพนายกฯหยิบเรื่องเศรษฐกิจและระดมกำลังแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพราะรัฐบาลที่มีความสามารถจะมีเครื่องมือในการแก้ปัญหาไขปัญหา เช่น ค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้น 8% ทำให้การส่งออกชะลอตัว โรงงานทยอยปิดตัว และปีหน้าจะมีคนตกงานกว่า 5 แสนคน คนจบใหม่ก็จะหางานทำยาก ซึ่งเรื่องค่าเงินบาทแข็งตัวรัฐบาลสามารถใช้เครื่องมือ อุดหนุนสินค้าที่ต้องใช้อยู่แล้ว การใช้เงินกู้จากต่างประเทศให้เร็วกว่าปกติ ฯลฯ

“รัฐบาลชอบบอกว่าทำอะไรไม่ได้ มันเป็นเพราะเศรษฐกิจโลก แล้วอย่างนั้นเราจะมีรัฐบาลไว้ทำไม ที่บอกว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่โต 2% แต่มันโตเฉพาะทุนขนาดใหญ่ หรือบางครั้งมันอาจจะลดการเติบโต แต่พวกเขาก็ไม่สะเทือน แต่คนตัวเล็กทั้วประเทศตายหมดแล้ว”

วันนี้ คุณหญิง สุดารัตน์ พร้อมด้วย นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ, นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส. กทม., นายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายรัฐภูมิ โคตงทรัพย์ ตัวแทนทีมเพื่อไทยพลัส ลงพื้นที่หมู่บ้านนาริสา หมู่บ้านทวีสุข เพื่อรับฟังปัญหาประชาชนเป็นแนวทางในการแก้ไข พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน ในหมวดหมู่บ้านจัดสรร แก้ไขปัญหาสาธารณูปโภคที่เป็นของเอกชนและหน่วยงานราชการไม่สามารถเข้ามาดูแลเมื่อเกิดปัญหาได้ เช่น ไฟฟ้าดับ น้ำท่วมเพราะท่อไม่เคยขุดลอก รวมทั้งพื้นที่ส่วนกลางถูกเอาไปขายลูกบ้านไม่สามารถใช้ประโยชน์ ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับหมู่บ้านเก่า คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่าการผลักดันในประเด็นนี้อาจจะเสนอผ่านช่องทางคณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร ที่นายพลภูมิ เป็นกรรมาธิการ เพื่อเสนอเข้าสภาต่อไป ขณะที่นายวิชาญ เสนออีกช่องทางหนึ่งคือการแก้โดยผ่านระเบียบของกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากผู้อยู่อาศัยจ่ายเงินให้กับรัฐบาลในการดูแลท่อน้ำ เสาไฟฟ้า ดังนั้นประชาชนสามารถยื่นหนังสือต่อหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทยได้ ด้านนายพลภูมิ รับว่าจะเอาเรื่องนี้เข้าสู่คณะกรรมาธิการฯ และเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง เพื่อเจรจากับเจ้าของโครงการให้โอนพื้นที่ส่วนนี้เป็นสาธารณะ และหางบประมาณในการปรับปรุงดูแลพื้นที่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น