วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2563

"เพื่อไทย" ลุยสู้ศึก อบจ. เชียงใหม่ ยืนยัน "ทักษิณ" สนับสนุนผู้สมัครได้

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ได้ยื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบพรรคเพื่อไทย กรณีที่อดีตนายกทักษิณ ชินวัตร ได้เผยแพร่คลิปช่วยหาเสียงสนับสนุนนายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครนายก อบจ. เชียงใหม่ ว่า เป็นการครอบงำหรือชี้นำกิจกรรมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ และยังขอให้ยุบพรรคเพื่อไทยนั้น

ตนในฐานะที่เป็นอดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย และปัจจุบันทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยหาเสียงของ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ขอเรียนว่า เรื่องนี้ต้องแยกประเด็นเรื่องการเลือกตั้ง กับการบริหารพรรคออกจากกัน เพราะการเลือกตั้งนั้นจะมีกฎหมายและระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดไว้ ว่า อะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ ซึ่งกรณีที่ท่านอดีตนายกทักษิณ ได้ทำจดหมายและคลิปภาพและเสียงสนับสนุนนายพิชัยและโพสต์ลงเฟสบุ๊คของตนเองนั้น ในระเบียบของ กกต. สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นอดีตนายกทักษิณหรือใครที่ต้องการเชียร์ผู้สมัครคนใดคนหนึ่งก็สามารถโพสต์สนับสนุนได้ เพียงแต่หากมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเกินห้าพันบาทก็แจ้งให้ผู้สมัครทราบ หากผู้สมัครยอมรับก็นำค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปรวมเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับการที่ท่านอดีตนายกทักษิณจะไปควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำการบริหารหรือการดำเนินกิจกรรมของพรรคเพื่อไทยเลย หากเปรียบเทียบกับกรณี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการเลือกตั้ง ส.ส. วันที่ 24 มีนาคม 2562 ระหว่างหาเสียงเลือกตั้ง แม้ พลเอกประยุทธ์ จะเป็นแคนดิเดตนายกของพรรคพลังประชารัฐแต่พลเอกประยุทธ์ก็ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วย อีกทั้งไม่ได้เป็นสมาขิกพรรคพลังประชารัฐ กกต.ได้มีความเห็นว่า พลเอกประยุทธ์ สามารถช่วยพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครหาเสียงได้ เพียงแต่ต้องไม่กระทำการขัดต่อมาตรา 78 ของกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. เท่านั้น โดยพลเอกประยุทธ์ ได้ช่วยผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐหาเสียงทั้งปรากฏตัวบนเวทีปราศรัย ส่งคลิปภาพและเสียงของตนเองที่สนับสนุนผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐและนำไปเปิดบนเวทีปราศรัยหาเสียงก็ทำมาแล้วในหลายเวที ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ทั้งที่พลเอกประยุทธ์ มิได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ หากถือว่าการที่ท่านอดีตนายกทักษิณทำจดหมายและพูดสนับสนุนนายพิชัยในการเลือกตั้งนายก อบจ. กับการที่พลเอกประยุทธ์ช่วยพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครของพรรคหาเสียง ส.ส. จะไม่ชัดเจนยิ่งกว่าหรือ? 

ตนจึงขอฝากไปยังกกต.ว่าต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างเป็นธรรม และขอฝากไปยังนายศรีสุวรรณ จรรยา ว่าถ้าคิดจะเป็นผู้พิทักษ์รัฐธรรมนูญตามชื่อสมาคมที่ตนเองเป็นเลขาจริง การจะร้องเรียนอะไรก็ควรให้เป็นสาระมากกว่านี้ และอย่าทำอะไรโดยมีวาระแอบแฝงหรือมีเบื้องหลัง การจะสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองนั้นมีวิธีอื่นทำได้อีกเยอะ ขอให้นายศรีสุวรรณ ไปดูว่าเรื่องที่ตนเองไปยื่นคำร้องตามหน่วยงานต่างๆ นั้น มีกี่เรื่องที่เป็นสาระบ้าง อย่าสร้างภาระแก่หน่วยงานของรัฐให้มากไปกว่านี้เลย ควรเอาเวลาไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนมากกว่า เช่นการตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐจะดีกว่า ช่วงนี้ใกล้วันเลือกตั้งการจะทำอะไรที่มีผลกระทบต่อคะแนนนิยมของผู้สมัคร อาจผิดกฎหมายเลือกตั้งได้ และตนก็อยากถามนายศรีสุวรรณว่า ทุกวันนี้ทำอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง และมีรายได้จากทางไหนถึงมีเวลาไปเที่ยวร้องเรียนคนอื่นไปทั่ว และอย่าเที่ยวร้องซ้ำซาก



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น