วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2561

"ชวลิต" ซัด 4 ปี รัฐบาล คสช. ใช้งบ 14 ล้านล้าน แต่ชาวบ้านจนลง


#TV24 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นกรณี สมาชิกนิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณางบฯ ปี 2562 จำนวน 3 ล้านล้านบาท โดยใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง แล้วก็ยกมือกันเป็นฝักถั่ว เห็นชอบเป็นเอกฉันท์ ว่า "ทั้งนี้ เมื่อรวมการพิจารณาทั้งงบประมาณประจำปี และงบเพิ่มเติมกลางปีที่ผ่านมา 4 ปี รวมเป็นงบประมาณถึง 14 ล้านล้านบาท คิดไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้าเอาธนบัตรใบละพันบาทมาวางเรียงกันจะยาวกี่กิโลเมตร สามารถพันรอบประเทศไทยจากเหนือจรดใต้ได้กี่รอบ แต่ทำไมผลลัพธ์กลับปรากฎว่า รัฐบาลนี้ยิ่งใช้เงินมาก ชาวบ้านยิ่งยากจนลง"
         
นายชวลิต กล่าวว่า "ข้อมูลเชิงประจักษ์ประการหนึ่งที่ว่าชาวบ้านยากจนลงก็ คือ มีประชาชนมาขอลงทะเบียนคนจนถึง 14.1 ล้านคน ผ่านคุณสมบัติเฟสแรก 11.4 ล้านคน (ข้อมูล ณ วันที่ 15 กันยายน 2560 - 1 เมษายน 2561) ชาวบ้านจนลง แต่ผู้ประกอบการรายใหญ่รวยขึ้น เข้ากับคำพังเพยที่ว่า ปลาใหญ่ กินปลาเล็ก ซึ่งแสดงว่าถึงจะใช้เงินมาก แต่ถ้าใช้ไม่เป็น ใช้ไม่ถูกทาง ไม่ตรงกับสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนส่วนใหญ่ เช่น ประชาชนเดือดร้อนด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง กลับให้ความสำคัญกับงบด้านความมั่นคง เพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่สูงขึ้นๆ สวนทางกับความสงบสุขของประเทศเพื่อนบ้านที่มุ่งพัฒนาความเป็นอยู่ประชาชน"
          
"ประการสำคัญ รัฐบาลนี้มีนโยบายมุ่งมั่นปราบโกง แต่การทุจริต คอรัปชั่น กลับเฟื่องฟูในยุคนี้ ทั้งยังได้รับการวิพากษ์ว่าตรวจสอบไม่ได้ สองมาตรฐาน ไม่ทราบว่าจะรั่วไหลไปตรงนี้จำนวนเท่าไหร่ ด้วยสภาพการณ์เช่นนี้ ประเทศชาติและประชาชนจะเดินหน้าไปตามโรดแมปการเลือกตั้งอย่างไร? มองเห็นอนาคตที่เลือนลาง หากรัฐบาลนี้คิดสืบทอดอำนาจ และเป็นรัฐบาลรักษาการจัดการเลือกตั้งร่วมกับ กกต. เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2560 ถูกออกแบบมาเพื่อให้พรรคการเมืองอ่อนแอ เพื่อประโยชน์ของการสืบทอดอำนาจ ที่สำคัญยังมีอำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ควบคุมประเทศจนกว่าจะจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งแล้วเสร็จ จึงเห็นบรรดาข้าราชการระดับบนบางส่วนเอาใจผู้มีอำนาจ จะโดยตั้งใจหรือเกรงกลัวมาตรา 44 ก็ไม่ทราบ กระทำการเอื้อประโยชน์ต่อการสืบทอดอำนาจ ซึ่งเริ่มมีตัวอย่างการร้องเรียนเกิดขึ้นแล้วทั้งฝ่ายความมั่นคงและมหาดไทย" นายชวลิต กล่าว 
           
นายชวลิต กล่าวต่อว่า "สาเหตุที่ข้าราชการเกรงมาตรา 44 เพราะเป็นอำนาจนอกระบบ ตรวจสอบไม่ได้ และไม่น่าเชื่อว่าจะมีข้าราชการถูกมาตรา 44 ไปเข้ากรุอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรีจนที่นั่งไม่พอ จะต้องไปเช่าตึกที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ไม่เหมือนรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพียงย้ายเลขาธิการ สมช.คนเดียว เพื่อทำนโยบายด้านความมั่นคงให้เป็นเอกภาพในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล ก็เป็นเหตุให้ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ผิดจากสภาพการณ์ในปัจจุบันมาก ที่หลายคนพ้นพงหนามเมื่อเกษียณไปแล้ว หรือผู้บริหารท้องถิ่นที่ถูกพักหน้าที่เป็นปีๆ บ้าง เลิกพักกลับไปทำหน้าที่บ้าง หากกฎเกณฑ์อธิบายสังคมไม่ได้ ณ สถานการณ์ที่มองเห็นอนาคตบ้านเมืองที่เลือนลางภายใต้การบริหาร การรักษาการของรัฐบาลนี้ ต้องยืมคำพูดของ ดร.โกร่ง วีรพงษ์ รามางกูร ที่เขียนบทความเรื่อง การเมืองศรีธนญชัย เมื่อ 23 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งผมเห็นว่าเป็นบทความที่ดีที่สุดในรอบปี 2561 โดยเฉพาะบรรทัดสุดท้ายที่ว่า ไปได้แล้ว อย่าอยู่ต่อเลย"
            
"สุดท้าย ผมขอให้กำลังใจประชาชนที่ส่งภาพฟ้องอย่างขำไม่ออกว่า เศรษฐกิจ ปากท้องย่ำแย่ แม้แต่ตัวต่อยังผูกคอตาย ด้วยข้อความว่า "ฟ้า ยังไงก็เป็นฟ้า เป็นท้องฟ้า มีสีฟ้างดงาม สดใส บางห้วงเวลาอาจจะมีเมฆ มีฝน มีพายุมาบดบัง แต่ก็เพียงชั่วคราว ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส สวยงามเสมอ" ขอแต่เพียงให้ประกอบสัมมาชีพ ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ รักชาติแผ่นดินถิ่นเกิด อะไรก็ขวางความต้องการที่ชอบธรรมของประชาชนไปไม่ได้" นายชวลิต กล่าว 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น