วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2561

"ศักดา" ชี้ การเลือกตั้งจะนำประเทศก้าวหน้าตามแบบสากล


#TV24 นายศักดา นพสิทธิ์ อดีดโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า "ภายหลังมีการประกาศ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.และ พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว. ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว การเลือกตั้งยิ่งมีความชัดเจนยิ่งขึ้น จากกรณีนี้ส่งผลให้การประกาศขยายตัวทางธุรกิจภาคเอกชนเริ่มมีความตื่นตัวสูงขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นและตลาดการลงทุน ก็แสดงการตอบรับการเลือกตั้งด้วย นี่จึงเป็นสัญญาณแจ้งเตือนให้รัฐบาล ควรรับฟังว่า การเลือกตั้งเป็นรูปแบบและแนวทางการนำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้าและเติบโต ตามหลักสากล การเข้าบริหารประเทศด้วยการใช้กำลังเข้ายึดหรือการรัฐประหาร โดยประชาชนไม่มีส่วนร่วมนั้น สุดท้ายจะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า และเป็นที่พอใจของประชาชนไม่ได้"

นายศักดา กล่าวต่อว่า "ตลอดเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ยึดอำนาจและเข้ามาบริหารประเทศ ได้ใช้เงินงบประมาณที่มาจากภาษีของพี่น้องประชาชน เป็นจำนวน 11,324,000,000 บาท (อ่านว่า สิบเอ็ดล้านสามแสนสองหมื่นสี่พันล้านบาท) ซึ่งยังไม่รวมเงินงบประมาณอีก สามล้านล้านบาท ที่เพิ่งผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไปเมื่อเร็วๆนี้ เงินงบประมาณจำนวนมากมหาศาลและสูงเป็นประวัติการณ์นี้ มีความคาดหวังว่า จะทำให้ประเทศมีสาธารณูปโภค ครบถ้วนทุกหนทุกแห่ง การขยายตัวทางเศรษฐกิจประเทศโดยรวมและทั่วถึงยิ่งขึ้น ประชาชนจะมีความสุข แต่ตรงกันข้ามกับทุกวันนี้ ประเทศยังไม่มีสิ่งที่ดีใหม่ที่มาจากการบริการของรัฐบาลนี้ ภาคอุตสาหกรรมไม่ขยายตัว อสังหาริมทรัพย์ไม่เติบโต ไม่มีการทุน รวมถึงการค้าขายของประชาชนก็มีแต่ความซบเซา ได้ยินคำถามจากพี่น้องประชาชนบ่อยครั้ง ว่า ที่รัฐบาลบอกว่าเศรษฐกิจขยายตัวสูงขึ้น แต่ทำไม่เงินในกระเป๋าไม่มี และจากรายงานการใช้งบประมาณของรัฐบาลนี้ พบว่ามีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ทั้งในงบประมาณปกติ และนอกงบประมาณ ตัวเลขหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้น สถาบันการเงินของรัฐมีภาระหนี้ ความเสียหายจากโครงการภาครัฐ รวมถึงรัฐวิสาหกิจก็ไม่สามารถหารายได้เข้ารัฐได้เพียงพอ ทั้งการจัดเก็บภาษีของรัฐก็น้อยกว่าการใช้งบประมาณ โดยเฉพาะแผนยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ก็มีแต่รายการการใช้จ่ายงบประมาณ แทบจะไม่มีแผนงานในการหารายได้เลย และข้อสังเกตคือ รัฐบาลนี้ใช้เงินงบประมาณ นับแสนล้านกับโครงการไทยนิยมยั่งยืน โดยไม่คำนึงถือ ระเบียบวินัยการเงินการคลัง ที่กฏหมายกำหนด จึงมีคำถามว่า การใช้เงินดังกล่าว เป็นการใช้เงิน เพื่อซื้อเสียงล่วงหน้าหรือไม่ นายศักดา กล่าวในประเด็นนี้ว่า จากการบริหารประเทศและบริหารงบประมาณ ของนายกรัฐมนตรีรูปแบบทหารหรือไม่ ที่มีผลโพลสำรวจความพอใจของนายกรัฐมนตรี ลดน้อย ถอยลง เป็นลำดับ มาโดยตลอด"

"ฝ่ายนิติบัญญัติขณะนี้ไม่ควรทำหน้าที่ออกกฎหมายให้มากฉบับ เพื่อมาบังคับใช้ประชาชนอย่างเดียว ควรให้ความสำคัญกับหน้าที่และบทบาทการตรวจสอบการบริหารราชการของรัฐบาลด้วย ซึ่งมีหลายกรณีที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา บริหารราชการและใช้งบประมาณอย่างมีข้อสงสัย เช่น ความจำเป็นในการซื้อเรือดำน้ำ แต่ไม่มีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนใดตรวจสอบและซักถามแทนประชาชน หรือเพราะมาจากการแต่งตั้งจึงกลัวว่าจะถูกปลด ทำให้ละเลยต่อการทำหน้าที่ และกรณีดังกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นความเป็นอัตลักษณ์การบริหารประเทศแบบฉบับรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากประชาชน แต่ตนเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา มีความรักชาติ รักสถาบัน และรักประเทศ เพราะเคยเป็นทหารมาก่อน แต่เพียงยังมีความเข้าใจเรื่องการมีส่วนร่วมน้อยกว่าที่ควร การคำนึงถึงแต่ความมั่นคง จนละเมิดต่อการมีสิทธิเสรีภาพของประชาชน เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีมองข้าม การคงมีคำสั่งห้ามพรรคการเมืองและห้ามประชาชนชุมนุม ถือเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งขัดต่อหลักการสากล อยากให้นายกรัฐมนตรีทบทวนกรณีนี้ และไม่อยากให้แสดงความรักประเทศชาติ ด้วยการผูกขาดอำนาจไว้ผู้เดียว" นายศักดา กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น