วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2563

"หมวดเจี๊ยบ" แนะรัฐสภา ใช้เครื่องสแกนนิ้วลงมติ

ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุ หวังว่า สภาจะกล้าตรวจสอบเรื่องการเสียบบัตรแทนกันในการ ลงมติ รับร่าง พรบ. งบประมาณฯ 2563 อย่างตรงไปตรงมา เพราะถ้ากฎหมายการเงินที่สำคัญต้องกลายเป็นโมฆะเพราะกระบวนการลงมติไม่ถูก จะส่งผลให้รัฐบาลประยุทธ์ต้องลาออกหรือยุบสภา นอกจากนี้ สภาควรใช้เครื่องสแกนนิ้วในการลงมติ เพื่อป้องกันการเสียบบัตรแทนกัน เพราะคงไม่มีใครบ้าตัดนิ้วฝากเพื่อนให้ลงมติต่าง ๆ แทน


ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หวังว่า นาย ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร จะดูแลการตรวจสอบข้อร้องเรียนเรื่องการเสียบบัตรแทนกัน ในการลงมติร่าง พรบ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในวาระ ที่ 2 และวาระที่ 3 ตามหลักฐานของ นาย นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่างตรงไปตรงมา เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วย  ถ้าผลการสอบสวนออกมาในลักษณะมวยล้มต้มคนดู สังคมจะมองว่า ประธานสภากำลังปกป้องผลประโยชน์ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนยอมละทิ้งหลักการ เพราะหากกระบวนการลงมติร่าง พรบ. งบประมาณฯ ดังกล่าว มีปัญหา จนนำไปสู่การตีความให้กลายเป็นโมฆะในภายหลัง ก็จะส่งผลถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ทันที เพราะนี่เป็นการลงมติรับร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน ที่สำคัญ ไม่ใช่การลงมติกฎหมายทั้ว ๆ ไป  ดังนั้น หาก ร่าง พรบ. งบประมาณฯ ดังกล่าว ไม่ผ่านความเห็นชอบของสภา รัฐบาลประยุทธ์ ก็ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก หรือ ยุบสภา ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มาก จึงทำให้มีคนจ้องตรวจสอบว่ามีการลงมติแทนกันหรือเปล่า เพราะมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ซึ่งในครั้งนี้ หลักฐานของ นาย นิพิฏฐ์ ก็ชัดเจน ประกอบกับตัว ส.ส พัทลุง ที่ถูกกล่าวหา ก็ออกมายอมรับแล้วว่า นาย นิพิฏฐ์ พูดเรื่องจริง ดังนั้น ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสภาแล้วว่าจะกล้าตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังหรือไม่ และหลังตรวจสอบจะกล้าสรุปผลสอบเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมาหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ มีเดิมพันสูง เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยตรง และอาจมีผลถึงขั้นต้องเปลี่ยนรัฐบาล

นอกจากนี้ ในโลกโซเชียล ก็มีคนเมนอให้สภาใช้เครื่องสแกนนิ้วมือในการลงมติต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหากดบัตรแทนกัน ซึ่งตนก็เห็นด้วยเพราะคราวนี้หากจะลงมติแทนกัน ก็ต้องตัดนิ้วตัวเองแล้วฝากเพื่อนไปสแกนให้ ซึ่งคนสติดี ๆ คงไม่ยอมเสียสละตัดนิ้วมือตัวเองฝากคนอื่นให้ลงมติแทนอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังเป็นการพิสูจน์ตัวบุคคลและเวลาในการลงมติที่น่าเชื่อถืออีกด้วย และปัจจุบัน ในองค์กรทั่ว ๆ ไป ก็ใช้เครื่องสแกนนิ้วอย่างแพร่หลาย เชื่อว่างบประมาณไม่น่าจะสูงเกินไป ถ้าหากสภาจะติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าว ก็น่าจะเป็นการใช้งบประมาณที่คุ้มค่า เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่คงจะไม่คัดค้าน เพราะยังมีประโยชน์กว่าการเอาเงินไปซื้อรถเก๋งประจำตำแหน่งราคาแพง ๆ แจกผู้บริหารของสภาเป็นไหน ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น