วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2563

"อนุสรณ์" เตือน "ประยุทธ์" อย่าอุ้มแก๊งค์อมหน้ากาก


นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี การดำเนินคดีกับนายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือ บอย ในคดีกักตุนหน้ากากอนามัย ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อย่าแม้แต่จะคิดหาทางช่วยแก๊งค์อมหน้ากาก ที่ประชาชนตั้งคำถามว่า พัวพันกับคนในรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปอย่างตรงไปตรงมา เพื่อกระชากหน้ากากพวกที่หากินกับความเป็นความตาย ความอยู่รอดของประเทศชาติและประชาชน คดีกักตุนหน้ากากอนามัย เป็นการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ในความผิด 3 ข้อหาคือ มาตรา 25 ข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัย เกินราคาที่กฎหมายกำหนด มีอัตราโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับ  100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 28 ไม่ปิดป้ายแสดงราคา มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ความผิดตามมาตรา 29 และ 30 คือ การค้ากำไรเกินควรและกักตุนสินค้า ซึ่งมีโทษหนัก จำคุก 7 ปี ปรับสูงสุด 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ขณะนี้สังคมไม่สบายใจ ดูเหมือนจะมีความพยายามของกลุ่มคนที่ใกล้ชิดรัฐบาล บิดเบือนประเด็น ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ.ปอท. เร่งดำเนินคดีกับนายศรสุวีร์ ในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คือ ตัดตอนไม่ให้ความผิดถึงตัวรัฐบาล เพราะถ้าทำสำเร็จ เท่ากับว่า เรื่องนี้ไม่มีมูลความจริงตั้งแต่ต้น ส่วนนายบอย ก็ได้รับโทษที่น้อยลง ทางที่ดีรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งตกเป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดีนี้ ควรปล่อยให้คดีที่เกี่ยวเนื่องกับการกักตุนหน้ากาก การจำหน่ายหน้ากากเกินราคา ดำเนินไปให้สิ้นกระแสความ เพราะยังมีมิติการสอบเส้นทางการเงิน และการเชื่อมโยงกับรัฐบาล อาจเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีในรัฐบาลไม่น้อยกว่า 3 กระทรวง ต้องเปิดให้มีการสอบสวน เพื่อกระชากหน้ากากแก๊งค์อมหน้ากาก และ ไอ้โม่ง ผู้คอยบงการอยู่เบื้องหลัง ออกมาให้ได้

“ลำพังท่าที ที่คิดจะเล่นงานคนชี้เบาะแส มากกว่าเอาเรื่องคนกระทำความผิด ก็แปลกประหลาดมากแล้ว เวลาที่เหลืออยู่ของพล.อ.ประยุทธ์น้อยลงไปทุกขณะ อย่าแม้แต่จะคิดช่วยแก๊งค์อมหน้ากาก ซ้ำเติมวิกฤติประเทศเลย” นายอนุสรณ์ กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น