วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2563

"วัฒนรักษ์" เตือนประยุทธ์ จะได้ไปอยู่บ้านเลี้ยงหลาน


ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช กรรมการกิจการพิเศษ และหัวหน้าศูนย์ข้อมูลสารสนเทศ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยว่ามีการกักตุนและส่งออกไปยังจีน ฮ่องกง และอเมริกา โดยคนใกล้ชิดรัฐมนตรีนั้น ซึ่งในเดือน ม.ค.และก.พ. มีรายงานจากแหล่งข่าวว่ายอดการส่งออกรวมถึง 330 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 160 ล้านบาท โดยคิดคำนวนแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น  274 ล้านชิ้น (1 กล่องมี 50 ชิ้น น้ำหนัก 60 กรัม)  และเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2563 ได้มีราชกิจจานุเบกษา ประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมเพิ่มเติม ห้ามกักตุน โก่งราคาและส่งออก แต่ปัจจุบันหน้ากากก็ยังคงขาดตลาด ประชาชนไม่สามารถหาซื้อได้ ซึ่งหน้ากากอนามัยถือว่าเป็นอุปกรณ์พื้นฐานในการป้องกันโรคร้ายที่ประชาชนสมควรจะได้รับเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งขณะนี้ได้มีหลายโรงพยาบาลออกมาประกาศแล้วว่าหน้ากากมีไม่ เพียงพอสำหรับความต้องการของบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรจะรีบออกมาดำเนินการแก้ไขปัญหาและแก้ข้อครหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อเสริมสร้าง ความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และมีข้อสงสัยของสังคมมาโดยตลอดว่า เพราะเหตุใด พล.อ.ประยุทธ์ ถึงไม่รีบแก้ไขปัญหาและเปิดเผยความจริงต่อสังคม

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน ร้านค้าภายในห้างสรรพสินค้า คนเดินน้อย ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง คนจีนไม่มีเลย คนไทยก็น้อยมาก ทำให้รายได้ลดลงมาก จากเดิมที่เคยขายได้หลักหมื่น พอมาช่วงนี้ได้เพียงวันละ 1,000 บาท  ส่วนยอดพักโรงแรมก็ลดลงถึงร้อยละ 60 ถ้าหากเราศึกษาอดีต สมัยที่ซาร์ส (SARS) ระบาดหนัก ก็ยังต้องใช้ระยะ เวลากว่า 5 เดือนถึงจะเริ่มมีนักท่องเที่ยวกลับมา ดังนั้นรัฐบาลจึงควรรีบออกมาตราการเพื่อเปลี่ยนวิกฤติให้เป็น โอกาส ดังนี้

1.เร่งแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย

2.บริหารจัดการไวรัสโควิด-19 ให้ได้มาตราฐานสากลและตรวจสอบได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

3.ให้ข้าราชการ และเอกชนทำงานอยู่บ้าน (สำหรับหน่วยงานที่สามารถทำได้) เป็นเวลา 1 เดือน เพื่อลดปัญหาการติดเชื้อและแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5

4.เร่งหามาตราการสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ เช่น “ไทยเที่ยวไทย” เพื่อส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวในประเทศ ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ในช่วงนี้ที่เด็กปิดเทอม 

5.รัฐบาลต้องออกกฎหมายห้ามคนเดินทางเข้า/ออกจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดปริมาณมาก เป็นเวลา 30 วัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

6.รัฐบาลควรสนับสนุนแพลตฟอร์มออนไลน์ของคนไทยให้แข็งแรง เพื่อที่จะสามารถต่อสู้กับความต้องการ ของตลาดในปัจจุบันให้ได้ เพราะยอดช้อปนอกบ้านลดลงร้อยละ 50 ในขณะที่ยอดช้อปออนไลน์เพิ่มขึ้นเกินกว่าร้อยละ 80 โดยแอพพลิเคชั่นส่วนใหญ่เป็นของต่างชาติ ดังนั้นรายได้ส่วนใหญ่จึงตกที่มือชาวต่างชาติ

ในขณะนี้ถือว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้เผชิญกับหลากหลายปัญหามาก โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ และโรคระบาด ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ถือว่าแก้ไขได้ไม่ง่ายนัก แต่ถ้าหากรัฐบาลนี้สามารถแก้ไขได้ก็จะอยู่ยาว แต่หากไม่รีบแก้ไขเกรงว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะต้องไปอยู่บ้านเลี้ยงหลาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น